The Taft School

จาก TSWiki
The Taft School
The-Taft-School-1.jpeg
ที่อยู่
110 Woodbury Road

Watertown, CT 06795-2100

ข้อมูลทั่วไป
ประเภท College Preparatory School
ตัวนำโชค Red Rhino
เว็บไซต์ www.taftschool.org



IMG00001-20100915-0743.jpg

[[== สำหรับน้อง ๆ TS57: ข้อมูลไม่ได้อัพเดทมาสองสามปีละนะครับ ส่วนใหญ่ยังใช้ได้เดี๋ยวยังไงมีจะมาอัพเดทให้เร็วๆนี้ฮะ : ) - พี่ปอนด์(ตุ่น) 25 ม.ค. 57 ==]]


Taft ​เป็น​โรงเรียนขนาดกลาง​ ​มีนักเรียนประมาณ​ 600 ​คน​ ​ทำ​ให้​ได้​รับข้อดีของ​ทั้ง​โรงเรียนขนาด​ใหญ่​ ​และ​โรงเรียนขนาด​เล็ก​ ​แบบ​ 2 in 1 ​เลยที​เดียว

Location

​โรงเรียนของเรา​อยู่​ Watertown, Connecticut ​ซึ่ง​ก็​จะ​มี​เมือง​เล็กๆ​ ​อยู่​ไม่​ห่าง​จาก​โรงเรียนมาก​ ​เดินประมาณ​สิบนาที​ถึง​ ​ใน​เมืองมันก็​จะ​มีทุกอย่างที่น้อง​ต้อง​การ​ (นอก​จาก​ที่​เที่ยว) ​มีร้านอาหารอิตาลี​ ​จีน​ ​พิซซา​ มีร้านอาหารไทยด้วย แต่แพงและไม่ใช่ของคนไทยจริงๆ ​มี rite aid (ร้านชำ​บ้านเราอะ​ ​พวก​ lotus express) ​เดินไป​ 20 ​นาที​ ​จาก​รร​.​ถึง​ Marshall ​เป็น​ร้านเสื้อถูกมักๆ​ ​แต่ออกแนวคุณป้า​ ​ต้อง​เลือกดีๆ​ ​และ​ก็มี​ supermarket [Adams] ​ให้​ซื้อของกิน และ มี Starbucks, dunkin ด้วย

ถ้าจะไปเมือง Waterbury ​ซึ่งใหญ่กว่าและไม่ไกลมาก ​​​ จะมีรถไปทุก 1 ชม. นั่งรถประมาณครึ่งชม​. ค่ารถ $1 ในเมืองก็​จะ​มี​ mall ​ให้​น้อง​ได้​ผลาญตัง​กัน​หนุกหนาน ​มี​ mall ​ใหญ่​โต​ ​มีทุกอย่าง​ใน​นั้น​อะ​​ ​และ​ walmart(Lotus ​บ้านเรา)นั่งรถไปอีกนิดนึงมีร้านอาหารจีน​ ​อร่อย​ใช้​ได้​ ​เด๋ว​ advisor ​น้องก็คงพา​ไป​ นอกจากนั้นก็จะมีท่ารถ​ซึ่ง​จะ​พาน้องๆ​ไปสู่​โลกภายนอก​

อากาศ ช่วง winter อยู่ประมาณ -10 ถึง 0 องศา (ปีพี่ ​(TS56) หนาวสุดประมาณ​ -15 C) เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้สาหัสมากเพราะว่าตึกเรียนอยู่ใกล้กัน คลาสส่วนใหญ่รวมทั้งหอประชุม โรงอาหาร และดอร์มของผู้ชายจะอยู่ใน Main Building ทั้งหมด คลาสเลขวิทย์จะอยู่อีกตึกหนึ่ง ดอร์มผู้หญิงก็จะมีแยก ๆ ออกไปอีกแต่ก็จะกระจุก ๆ อยู่ใกล้ๆกันทำให้ไม่ต้องฝ่าฟันหิมะมากนัก โหดร้ายหน่อยจะเป็น atheletic facilities ที่อยู่บนเนินเขา ต้องเดินไปประมาณ 5 นาที

อ้อ สถานที่​ ​ตึกเรียน​ ​เพื่อนๆ​ ​สวยงามมาก​ ​ใครมาก็บอกว่ารร​.​ เราสวย​ ​อิอิ​ ​อารมณ์​เดียวกะ​ Harvard ​เลย ตึกแดงๆ : )

Academics

เรื่องการเรียนที่นี่ ไม่ยาก ชิวอยู่ในระดับหนึ่ง ถ้าแบ่งเวลาดีๆ ก็มีเวลานั่งอ่านสอบ SAT ดูหนัง ฟังเพลงสบายแฮ (พี่ลง 6 วิชาจัดเต็มสองเทอมได้นอน 7 ชั่วโมงทุกคืนนะฮ้าบ อิอิ--TS56)

Taft ​มีชือ​เรื่อง​ความ​เข้มข้นของวิชาการ​ ​ซึ่ง​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ถ้า​เรื่องเรียนล้วนๆ​ ​(​โดย​เฉพาะสายวิทย์) ​ก็​อยู่​ league ​เดียวกะ​ Choate Rosemary Hall, Phillips Academy และ Phillips Exeter Academy ​เลยที่​เดียว​ Facility ​ของเราก็ดีพร้อมครับ​ ​ทั้ง​ lab ​ชีวะ​ ​เคมี​ ​ฟิสิกส์​ ​เนื่อง​จาก​มีจำ​นวนนักเรียนค่อนข้างมาก​และ​มี​เงินบริ​จาก​สูง อีกอย่างคือว่า​ ​หากว่าน้อง​เป็น​เด็กสายวิทย์​ ​แล้ว​เกิดว่า​เก่งจัด​ ​เก๋าจัด​ ​ไม่​พอใจกะคอร์สที่​เปิดสอน​อยู่​(MAX math=multivariable+linear algebra MAX physics=AP physics c) ​ก็​สามารถ​คุยกะครู​แล้ว​เปิดคอร์สเรียนเอง​ ​แบบตัวๆ​ ​หรือ​ว่าจับกลุ่มกะ​เพื่อน​ ​เรียนก็​ได้​นะครับ​ เค้าเรียกว่า ISP [Independent Study Project] ​เช่นว่า​ ​เพื่อนพี่Topทำ​ Quantum Mechanic ​เป็น​ต้น​

AP Calculus BC by Mr. Al Reiff

น่าเบื่อนิดๆ สำหรับคนที่เรียนมาแล้ว ถ้าคิดว่าแน่น calculus พอสมควร ก็ไปเรียน multivariable calculus ได้ คะแนนสอบ 100% เป็น quiz บ้าง test บ้าง อาจารย์สอนเก่ง จบ applied math มาจาก harvard เลยทีเดียว

AP Physics C by Mr. James Mooney

ไม่ยาก แต่ก็ไม่ simple ขนาดนั้น ใช้ calculus ตลอดคอร์ส ข้อสอบส่วนใหญ่ให้พิสูจน์สูตร ไม่ยากถ้าเข้าใจ concept และไม่ประมาท ข้อสอบส่วนใหญ่มี extra credits เก็บได้เยอะๆ ก้ ได้เกิน ร้อย ไม่ยาก

AP Chemistry by Mr. David Hostage

อาจารย์ฮามาก ตลกดี เป็น Democrat ด้วย ฮ่าๆ อาจารย์เค้าแคร์นักเรียนมาก บรรยากาศจะประมาณว่าไปพร้อมกันทั้งห้องเรียน มาเรียนก็พยายามนั่งแถวหน้าไว้ จะได้ดูดีว่าตั้งใจ ยิ้ม (มีแค่สามแถว) ข้อสอบอ่านไปก้ไม่ยาก ทำ lab report ให้ดี คะแนนก็จะดีเอง

US History

ทางสาย​ history ​ก็​จะ​มีครูดีมากๆ​ ​กะครูห่วยมากๆ​ ​ปน​กัน​ ​ซึ่ง​อันนี้​ ​​เกิดว่า​ได้​มา​อยู่​จริงๆ​ ​แล้ว​ถามพี่​ๆได้​ครับ​ ​พี่ก่อ​ได้​ครู​โหด T_T history ​รร​.​เรา​ reading ไม่​หนักมากนะ​ ​อ่านน้อยกว่าหลายๆ​รร​.​เท่า​ที่​ได้​ข่าวมา วันนึงประมาณสิบกว่าหน้า​ ​นานๆ​ก็มี​ paper ​​ให้​ปั่นทีนึง​ ​มี​ quiz ประมาณ chapter ละครั้ง​ (ขึ้น​อยู่​กะอาจารย์​ด้วย​แหละ​ ​เรียน​ history ​เหมือนกะลูกไก่​ใน​กำ​มืออาจารย์​ ​เค้าชอบก็​ให้​แต้มดี​ ​เค้า​ไม่​ชอบ​ ​คุณก็ซวยไป) ​มี harkness discussion ซึ่งก็คือ discussion แบบคิดคะแนน อาจารย์จะมี topic มาให้แล้วนักเรียนต้องไปเตรียมอ่านมานั่งคุยกัน เป็น​คลาสที่ค่อนข้างท้าทาย​ ​เพราะ​จะ​มีกิจกรรมจำ​พวก​ debate, class discussion leader, oral presentation, research papers ​อะ​ไรที่มันเรียกร้องมากอ่า​ ​อยู่​ใน​คลาสนี้หมด​และ​ ​แต่ก็ดี​ ​ถ้า​ไม่​เจอเลยก็ไม่​ได้​ฝึก​ ​เพราะ​อังกฤษที่นี่​ (ที่พี่​เรียน) ​ออกแนวอ่าน​แล้ว​ก็​ discuss ​แล้ว​ก็​เขียน​ paper ​ไม่​ค่อยมีอะ​ไรมาก คะแนน SAT Writing พี่ขึ้นเยอะ ส่วนนึงก็เพราะ class history นี่แหละ (คอนเฟิร์มโดยพี่ TS56!)

Short Story (English elective) by Mr. Steve Palmer

พี่ชอบวิชานี้ที่สุด ถึงแม้จะเอกฟิสิกส์ก็ตาม Short Story จะเรียนในหนังสือ The Art of the Short Story ซึ่งจะได้อ่านเรื่องสั้นของนักเขียนดังๆ หลายคน ไม่ว่าจะเป็น Conrad, Hamilton, Joyce, Jack London, Faulkner และอื่นๆ อีกมากมาย วิชานี้ก็จะเป็นแบบว่าให้อ่านวันละเรื่องแล้ว ก็มา discuss กันในห้องเรียน ของพี่ส่วนใหญ่ ก็จะมี American seniors พูดมากอยู่สองสามคน พี่ก็พูดบ้าง ฮ่าๆ อาจารย์คนนี้เก่งมาก เค้าก็จะโยงทุกอย่างมารวมกัน แล้วทำให้เราอึ้งว่าคิดได้ไง อะไรประมาณนั้น บางทีก็จะมี quiz ถามพวก details ในเรื่องเพื่อดูว่าเราอ่านมาจริงมั้ย แล้วก็จะมี in class essay หรือ paper ซึ่งก็น่าสนใจมาก in class essay ส่วนใหญ่พี่ก็เขียนไม่ทัน ในคาบ แต่อาจารย์เค้าก็ไม่ strict บอกว่าส่งหลังคาบ ไรงี้ก็ได้ ก็ไม่ซีเรียส เรียนแล้วสนุกดี ยิ้ม

"อาจารย์อังกฤษที่นี่​เค้า​เข้าใจน้องค่ะ​ ​ว่าน้อง​เป็น​เด็กอินเตอร์​ ​น้อง​สามารถ​ไปขอ​ให้​เค้า​ช่วย​ ​อธิบาย​ให้​เค้าฟัง​ ​ว่า​เรา​ไม่​เข้า​ใจตรงนี้ๆ​ ​อาจารย์​ใจดี​ ​ถึง​แม้ว่า​เกรดมัน​จะ​เทียบกะฝรั่ง​ ​แต่​เอา​เข้า​จิงๆ​ ​เค้าก็​แอบมีลำ​เอียง​ให้​พวก​ ​อินเตอร์บ้างนิดนึง​ ​โดย​เฉพาะ​เด็ก​ใหม่​อะ​ ​เอา​ไปเอามาก็​ได้​เกรดพอๆ​กะ​เม​กัน​อะ​แหละ​ ​ดีกว่า​ด้วย​บางที​ ​เพราะ​ไอพวก​นั้น​มัน​ไม่​อ่านหนังสือ​ ​แต่ที่​จะ​ยากหน่อย​ ​(​และ​ยากมากสำ​หรับพี่) ​คือ​ discussion ​อาจารย์​จะ​คาดหวังว่า​เรา​ต้อง​พูด​และ​แสดง​ความ​เห็น​ ​ถึง​น้อง​จะ​พูด​ไม่​รู้​เรื่อง​ ​เค้าก็​จะ​ตั้งใจฟัง เรื่องการเขียน​ ​ตอนแรกๆ​อาจ​จะ​เขียน​ได้​ห่วยบรม​ ​เค้า​จะ​มี​ writing center ​ช่วย​ดู​เรื่องการเขียน​ให้​ ​ครูพ่ี​แนะนำ​ให้​ไปเหมือน​กัน​ (แสดงว่า​เขียนห่วยมาก​ ​ครูทน​ไม่​ไหว) ​แต่ก็​ไม่​เคย​จะ​ไปเลย​ ​ส่วน​ใหญ่​ให้​เพื่อนสอน​ ​ฮะๆ" (P'Pong)

Creativity, Literature and Literacy (English elective) by Ms. Reilly

พี่ชอบวิชานี้ที่สุด ​(พี่ข้อนี้กับพี่ข้อข้างบนคนละคนกัน 555) เป็นวิชาใหม่เพิ่งเปิดเมื่อ fall 2013 วิชานี้เรียนเกี่ยวกับพวกการศึกษา, literacy, identity, psychology บลาๆ อะไรทำนองนั้น คือไม่ได้เป็นภาษาหรือวรรณกรรมล้วน ๆ แต่เรียนแล้วทำให้ได้คิดและ discuss เรื่องที่เชื่อมโยงกับชีวิตและสังคมเราได้ ใครที่ชอบเรื่องจิตวิทยาหรือปรัชญาจะเรียนสนุก เรื่องงานวิชานี้เยอะพอสมควร พวก reading ค่อนข้างยากและเข้มข้น (อาจารย์เค้าเอาหนังสือมหาลัยมาให้อ่าน ระวังไว้ หุหุ) เปเปอร์นาน ๆ ที แต่จะมีช่วงนึงที่ต้องอ่านและเขียนเปเปอร์แบบรัว ๆ หนังสือที่ใช้คือ Pedagogy of the Oppressed กับ Nineteen Eighty-four อาจารย์ใจดี แต่ชอบลืมตรวจงาน 555

Arts

รร​.​เรา​มี​ให้​เลือกน่าทำ​มากมาย​ ​ทั้ง​ drawing, ceramics, singing, dancing, acting, sculpture, computer graphic, maya 3d, 2d, ​และ​ ที่พี่ภูมิใจนำเสนอ glass ครับ น้องจะได้ประดิษฐ์ของตกแต่ง มากมายหลายอย่าง น้องๆผู้หญิงอาจจะได้ต่างหูทำเองไว้ใส่เล่น "คลาส​ art ​เป็น​อะ​ไรที่​เยี่ยมยอดสุด​แล้ว​ ​ถ้า​น้องชอบวาดรูป​ ​อย่าคิดมาก​ ​ลง​ intermediate-advance drawing ​กะ​ Ms.Chic ​ซึ่ง​เป็น​คุณครูที่น่ารัก​ ​และ​ฮาที่สุด​ใน​โลกใบ​ใหญ่​ ​เรียนอาร์ททำ​ให้​ชีวิตพี่ดีขึ้นเยอะมากๆ​ ​นี่​ได้​ไป​ field trip ​ที่​NYC ​มา​...​เจ๋งปะหละ" (P'Pong)

อีกวิชาที่น่าลงคือ Public Speaking เพราะดูดีใน transcript และงานไม่หนักมาก มี speech อาทิตย์-สองอาทิตย์ครั้ง ที่เหลือนั่งฟังเพื่อนพูด คะแนนได้ไม่ยาก ได้ฝึกภาษาอังกฤษด้วย : )

​Activities

นอก​จาก​นี้​ยัง​มี​ clubs ​ต่างๆ​น่าสนใจ​ ​เช่นพี่ทอปเค้า​ไป​เป็น​นักเต้น​ ​ขา​แดนซ์​ ​ก็ประสบการณ์​แปลก​ใหม่​ไปอีกแบบนะ​ มี international club ซึ่งมี feed แสนอร่อยเป็นประจำ มี​ hydrox ​เป็น​คณะร้องเพลงประสานเสียง​ ​มี​ a capella ​ด้วย​ (ของผู้ชายชื่อ oriocos)หรือถ้าน้องลงคลับ United Cultural at Taft (UCT) ก็จะมีมีทติ้งนานๆครั้ง และถ้าโรงเรียนได้รับเชิญไป interschool dance เขาจะแจ้งข่าวสมาชิกคลับให้ลงชื่อก่อน น้องก็จะได้ไปเจอเพื่อน เช่น Choate


Daily Life

ในหนึ่งสัปดาห์จะมีเรียนทั้งหมด 6 วัน จันทร์ถึงเสาร์ โดยที่วันพุธกับวันเสาร์จะเรียนแค่ครึ่งวัน (เพรพทุกที่เป็นแบบนี้)

  • 07:00am-08:30am เริ่มเสิร์ฟ breakfast มาตอนไหนก็ได้ กินให้ทันก็พอ 555
  • 8:15am ~ 2:40pm (12:00pm วันพุธกับเสาร) เรียน เรียน เรียน กินข้าว เรียน เรียน
  • 03:00pm ~... กิจกรรมตอนบ่าย ซึ่งก็แล้วแต่ว่ากิจกรรมไหนจะมี meeting กี่วันและเสร็จกี่โมง วันไหนไม่มีกิจกรรมก็ว่างยาว ช่วงบ่ายน้องสามารถ sign out ออกไปในเมืองเพื่อซื้อของหรือกินข้าวนอกรร.ได้ ต้องกลับมาก่อน 7:30pm
  • 5:00pm-7:00pm dining hall เปิด มาตอนไหนก็ได้เช่นกัน
  • 7:00pm วันอังคารและพฤหัสจะเป็น sitdown dinner ซึ่งหมายความว่าน้องผู้ชายต้องใส่สูทผูกไท้และน้องผู้หญิงต้องแต่งตัวแจ่มๆมากินข้าวแบบผู้ดี 555 แต่เอาจริง ๆ สำหรับ senior ก็มีแค่เทอมแรก เทอมสองก็ชิว ๆ วันอื่นก็มากินเมื่อไหร่ยังไงก็ได้
  • 8:00pm - 9:45pm study hall (ช่วงเวลาบังคับให้อยู่ในหอเพื่อทำการบ้าน) ซึ่งสำหรับ senior อย่างเราก็ชิวๆอีกเช่นเคย เพราะ sign out ออกไปกินขนม เล่นปิงปอง หรือไปนั่งทำงานในห้องสมุด ไรงี้ได้ หลัง spring break (มีนา) สามารถ sign out ออกไปเดินเล่นในเมืองได้ถึงสี่ทุ่มอีกตะหาก
  • 10:45pm check-in ต้องกลับมาอยู่บนหอ
  • 12:00am lights out ไม่ได้แปลว่าตัดไฟ แต่เค้าขอให้นอน แต่ถ้ามีงานก็นั่งทำต่อได้
  • 12:00am กับอีกประมาณ 40 วินาทีเน็ตตัด T T

รวม ๆ คือสบาย ๆ ครับ อยู่ Taft โดยเฉพาะ senior ไม่ค่อยมีอะไรเข้มงวดมาก มีอิสระเสรีพอสมควร

College Counseling

College Counselor ที่ Taft มีสามคน สองปีที่ผ่านมาได้ CC เป็น Mrs. Ramos ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วน่ารักมากกกกกก ยิ้มแย้มแจ่มใสและยินดีให้ความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา ข้อเสียคือเค้าไม่ค่อยช่วยเลือกมหาลัยเท่าไหร่ ​(คือแค่กรอก criteria ของเราลงไปในโปรแกรมแล้วก็เอามาให้เราดู) แล้วก็มีขี้ลืมบ้าง แนะนำว่าถ้าน้องจะมา Taft ตอนอยู่ Brewster พยายามรีเสิร์ชเกี่ยวกับมหาลัยให้ดี ๆ เพราะอาจจะหวังพึ่งคำแนะนำจาก CC ได้ไม่มาก แหะๆ อีกอย่างคือ CC จะเป็นคนนึงที่เขียน reccomendation ให้เรา เพราะฉะนั้นต้องทำตัวดี ๆ นะฮะ :D

Advisor

Advisor เป็นเหมือนพ่อเหมือนแม่ที่จะให้คำปรึกษาได้ทุกเรื่อง ตอนที่มาถึง นักเรียนใหม่จะได้ temporary advisor ซึ่งโรงเรียนจะเลือกให้ พอผ่านไปสามอาทิตย์ ถ้าเจออาจารย์ในห้องเรียน หรืออาจารย์คนอื่นที่ชอบ ก็สามารถเปลี่ยนคนได้ ก็แค่เดินไปขอเค้า มีพี่เมื่อหลายปีมาแล้วได้ advisor เป็นครูปวศ.ที่ไม่ได้เรียนด้วย ก็ขอย้ายไปอยู่กับ Mr. Hostage ที่ตลกๆ ส่วนพี่ได้ Mr. Reiff แต่ไม่ค่อยเจอเค้านอกตลาส ก็ขอย้ายไปอยู่กับ Mrs. McCabe ซึ่งไม่ได้สอนพี่แต่คุยด้วยแล้วอุ่นใจ 5555 แนะนำให้แวะไปหาเค้าบ่อย ๆ นั่งกินข้าวกันซักเดือนละสองสามครั้ง มีปัญหา หรือเรื่องอะไรเครียดก็บอกเค้า อาจารย์ส่วนใหญ่จะเต็มใจรับฟังและช่วยเหลือ อย่าเก็บไว้

Support

ขณะ​เดียว​กัน​ ​ใน​แง่ของ​ support ​จาก​ faculty ​โรงเรียนของเราก็มีชื่อทางด้าน​ความ​ใกล้​ชิดของครู​ ​และ​ ​นักเรียนเป็นอย่างมากเลยครับ​ (อันนี้​จะ​เป็น​ข้อดีที่คล้าย​กับ​โรงเรียนขนาด​เล็ก)​ ​คือว่าครู​ส่วน​มากก็​จะ​อยู่​ใน​โรงเีรียน​ ​หรือ​แถวๆ​ ​โรงเรียน​ ​แล้ว​ก็มี​ extra hour ​สำ​หรับนักเรียนที่สงสัย​ ​มีคำ​ถาม​ ​หรือ​อยากรุ้อยากเห็น​ ​ก็​สามารถ​มาถาม​ได้​ ​ตัวอย่างเช่น​ ​อาจารย์บางคนอยู่​สองทุ่ม​ถึง​สามทุ่มอาทิตย์ละประมาณ​ 5 ​วัน​!!!(โอ้​โห​ ​อาทิตย์นึงมันมี​เจ็ดวัน​ไม่​ใช่​เร้ออออ) ​(พี่คิดว่า​ถ้า​เกิดว่าน้อง​จะ​ลงคอร์สโหดๆ​ ​มากๆ​ ​อันนี้อาจ​จะ​เป็น​สิ่งที่ดีมากของน้องเลยที​เดียว) ก่อนสอบเค้าก็จะจัด review session ให้น้องสามารถถามได้จนน้องเบื่อไปเอง แต่จริงๆแล้วคอร์สมัน​ไม่​โหดขนาด​นั้น​หรอก​ ​ถ้า​น้องเรียนพอประมาน​ ​แบบพี่​ ​พี่ลง​ BC & Physics C ​ธรรมดา​เหมือนคน​อื่น​ทั่ว​ไป​ ​จะ​ว่ายากไหม​ ​มันก็​ไม่​ยากมากนะ​ ​แต่น้อง​ถ้า​อยากเร้า​ใจ​ ​จะ​ลง​ multi or linear algebra ​ก็​ได้​ ​ซึ่ง​บางรร​.​อาจ​จะ​ไม่​มีคอร์ส​ advance math ​แบบนี้

Transportation

การเดินทางไปที่ต่างๆ ทาฟก็จัดว่าอยู่ไม่ห่างไกลเท่าไหร่ ไม่ได้ป่า เหมือนหลายๆโรงเรียน เช่น Hotchkiss อยู่ห่างจากนิวยอร์กประมาณสองชั่วโมง แต่ละเบรก ไม่ว่าจะเป็น fall long weekend สี่วัน, thanksgiving break 10 วัน ถ้าน้องจะไปหาใครที่ไหน โดย เฉพาะ นิวยอร์ก โรงเรียนก็จะจ้างรถไปส่งให้ ก็เสียเงินนิดหน่อย แต่ก็ทำให้สะดวก ไม่ยาก การสอบ SAT ทาฟ ก็เป็นศูนย์สอบ เป็นบางเดือนเช่น October, November and January ก้สบายไม่ต้องเดินทาง แต่เดือน ธันวา ซึ่ง Taft จะไม่ได้เป็น ก็ให้น้องเลือก Watertown High School ซึ่งอยู่ห่างไปแค่ นั่งรถห้านาที ตอนแรกนึกว่าจะไม่ดี แต่โรงเรียนนี้สวยมาก เหมาะกับการทำข้อสอบอย่างยิ่ง ยิ้ม ส่วนสอบ TOEFL น้องก็ลองดูของพี่ๆปีก่อน เพราะพี่ไม่ได้สอบตอนอยู่ที่นี่เลย

Banking

Watertown จะมี Wells Fargo Bank ในโรงเรียนก็มี ATM ของ Wells Fargo ถ้ามาแล้วเปิดบัญชีของธนาคารนี้ก็จะสะดวก ตอนต้น ๆ ปีจะมีจนท.ของธนาคารมารับเปิดบัญชีที่โรงเรียน ก็เดินเข้าไปคุยได้เลย สะดวกดี ใครที่ทำบัญชี Citizen Bank ที่ Brewster ไว้ แนะนำให้ปิดก่อนมาเพรพนะครับ นอกจากนี้ ในโรงเรียนก็จะมี account ให้น้องไว้เก็บตังค์ เวลาน้องซื้อของที่ book store ของโรงเรียน ​(เรียก book store แต่ขายพวกขนม ของชำ เสื้อกันหนาว รองเท้าแตะ บลาๆ) ก็สั่งให้เค้าคิดเงินจาก account ได้ เวลาขอ transportation ของโรงเรียนตามเบรกต่าง ๆ เค้าก็จะแอบชาร์จจาก account ของเราเช่นกัน

Laundry

จริง ๆ ที่นี่มีบริการซักผ้าครับแต่ว่าต้องจ่ายเงินเอง พี่ไม่รู้ราคาเหมือนกัน แต่ยังไงก็แนะนำให้ซักเองเพราะสะดวกพอสมควร เครื่องซักและเครื่องอบอย่างละ $1.25 รวมทั้งสองอย่างก็เป็น $2.50 การจ่ายเงินต้องใช้ laundry card ซื้อได้ที่ book store (อยู่ชั้นใต้ดิน) น้องที่ถามว่าจะรีดยังไง บอกได้เลยครับว่าไม่ต้องรีด ผ้าที่ออกมาจากเครื่องอบจะไม่ค่อยยับมาก ขนาดเสื้อเชิ้ตผู้ชายที่ยับง่าย ๆ ก็ใส่ได้ไม่มีปัญหาครับ : ) ส่วนถ้าใครอยากรีดจริง ๆ พี่ไม่เคยเห็นเตารีดในหอพักชาย หอหญิงเดี๋ยวจะถามมาให้นะฮะ

Dress Code

นักเรียนชายมี Dress Code แต่จริงๆ แล้วก็เป็นแค่ ใส่เสื้อคอปก ถ้ามีกระดุมตรงกลาง ก็ต้องใส่ในกางเกง แต่ถ้าเป็นพวกโปโล ก็ใส่นอกกางเกงได้ กางเกงต้องไม่ใช่ยีน ส่วนใหญ่ เค้าใส่ Slack สี่เนื้อ หรือน้ำตาล จริงๆ ก็ยังไงก็ได้ รองเท้าก็ให้หุ้มส้น ใส่รองเท้ากีฬาใด้ ดูให้เหมาะสมก็โอเค

นักเรียนหญิงแทบจะใส่อะไรก็ได้ - -" อ้อ ยกเว้น legging แล้วก็ถ้าเป็นกระโปรงต้องยาวเลยปลายนิ้วมือไปสองนิ้ว

Food

อาหารที่นี่จัดได้ว่าดีที่สุดใน NEW ENGLAND เทียบกับ Prep School ทั้งมวล Chef ที่นี่ไปแข่งทำอาหารมา มีเหรียญทองเป็นการันตี ความอร่อย อาหารก็มีให้เลือกจำนวนมากทั้ง ซีเรียล พิซซ่าทุกวัน main course สลัดบาร์ ไอติม(อันนี้มีทุกวันนะเออ) คุกกี้ แซนวิชบาร์ เยลลี่ และอาหารพิเศษอีกมากมาย นานๆ ทีจะมีอาหารที่กินไม่ค่อยได้ แต่โดยรวม อร่อยมาก จิงๆ มาที่นี่ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินแน่นอน เรื่องอาหารนี้ต้องซีเรียสหน่อย เพราะมันดีมากจริงๆ เหมือนที่พี่หวายให้ข้อสังเกตว่า "Bowdoin ที่ว่าอาหารอร่อยที่สุดใน American College, according to Princeton review ทำpizzaได้ไม่อร่อยเท่า Taft นะจ๊า"

Dining Hall ที่นี่หรู ด้วยห้องอาหารขนาดใหญ่ ประดับผนังไปด้วยไม้(สัก) หรืออะไรทำนองนั้น มีด้วยกันสามห้อง ทำให้สามารถเลือกนั่งกิน เปลี่ยนบรรยากาศไปได้ตามสบาย บางห้องยังมีมุมส่วนตัว เป็นคอกๆ ให้อีกด้วย แต่ละอาทิตย์ก็จะมี ประเพณี SIT DOWN DINNER วันอังคารและวันพฤหัส ซึ่งนักเรียนทั้งโรงเรียนจะมานั่งกินข้าวเย็นร่วมกัน แบ่งเป็นโต๊ะๆ ละประมาณ สิบคน สับเปลี่ยนไปเรื่อย ทำให้ได้คุยและรู้จักคนกว้างขวางขึ้น SIT DOWN DINNER นักเรียนชายก็ต้องใส่ shirt necktie แล้วก็ Blazer ซึ่งก็ทำให้ได้แต่งตัวแลดูดีอาทิตย์ละสองครั้ง ส่วนผู้หญิงก็ใส่ dress แต่งตัวกันสะบัดเลย

Gifts from Older Taftees

สำหรับน้องๆที่จะมา พี่ๆ รุ่นก่อนๆ ก็จะทิ้งของไว้ให้ จำนวนมาก ตอนนี้มีอยู่สามกล่อง กับ พรมม้วนใหญ่ๆ หนึ่งม้วน หนังสือ ส่วนใหญ่ จะเป็น SAT, Toefl, text ที่ใช้เรียน AP Chem, Cal และ US History, Text Physics for engineering และอื่นๆ อีกมากมาย

ทำเนียบ Thai Scholars

  • TS47 (2004-2005): วราสิณี ฉายแสงมงคล (จ๋า/P'Jah) ทุนไทยพัฒน์ [Cornell University → Yale University]
  • TS48 (2005-2006): สิริภัทร สุมนาพันธุ์ (กุ๊ก/P'Kook) ทุนไทยพัฒน์ [California Institute of Technology → Stanford University], กรพงศ์ พงศ์มรกต (ท็อป/P'Top) ทุนไทยพัฒน์ [Stanford University]
  • TS49 (2006-2007): ปองกานต์ จักรธรานนท์ (ปอง/P'Pong) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [Northwestern University → Stanford University]
  • TS50 (2007-2008): ธนชาติ นิละนนท์ (ก่อ/P'Gor) ทุน พสวท. [Carnegie Mellon University → University of North Carolina-Chapel Hill], ณัฐนรี ศิริวรรณ (พลอย/P'Ploy) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [California Institute of Technology → University of Southern California]
  • TS51 (2008-2009): นัทธมน ถาวรพิทักษ์ (ยุ้ย/P'Yui) ทุนบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด [Carnegie Mellon University]
  • TS52 (2009-2010): วรัชรี ศรีฟ้า (หวาย/P'Wai) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [Bowdoin College]

References