The Taft School
The Taft School | |
| |
ที่อยู่ | |
---|---|
110 Woodbury Road
Watertown, CT 06795-2100 | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ประเภท | College Preparatory School |
ตัวนำโชค | Red Rhino |
เว็บไซต์ | www.taftschool.org |
[[== สำหรับน้อง ๆ TS57: ข้อมูลไม่ได้อัพเดทมาสองสามปีละนะครับ ส่วนใหญ่ยังใช้ได้เดี๋ยวยังไงมีจะมาอัพเดทให้เร็วๆนี้ฮะ : ) - พี่ปอนด์(ตุ่น) 25 ม.ค. 57 ==]]
Taft เป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียนประมาณ 600 คน ทำให้ได้รับข้อดีของทั้งโรงเรียนขนาดใหญ่ และโรงเรียนขนาดเล็ก แบบ 2 in 1 เลยทีเดียว
เนื้อหา
- 1 Location
- 2 Academics
- 2.1 AP Calculus BC by Mr. Al Reiff
- 2.2 AP Physics C by Mr. James Mooney
- 2.3 AP Chemistry by Mr. David Hostage
- 2.4 US History by Ms. Megan Valenti
- 2.5 Short Story (English elective) by Mr. Steve Palmer
- 2.6 Creativity, Literature and Literacy (English elective) by Ms. Reilly
- 2.7 Arts
- 2.8 College Counseling
- 2.9 Advisor
- 2.10 Support
- 2.11 Clubs
- 3 Transportation
- 4 Banking
- 5 Daily Life
- 6 Dress Code
- 7 Food
- 8 Gifts from Older Taftees
- 9 ทำเนียบ Thai Scholars
- 10 References
Location
โรงเรียนของเราอยู่ Watertown, Connecticut ซึ่งก็จะมีเมืองเล็กๆ อยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนมาก เดินประมาณสิบนาทีถึง ในเมืองมันก็จะมีทุกอย่างที่น้องต้องการ (นอกจากที่เที่ยว) มีร้านอาหารอิตาลี จีน พิซซา มีร้านอาหารไทยด้วย แต่แพงและไม่ใช่ของคนไทยจริงๆ มี rite aid (ร้านชำบ้านเราอะ พวก lotus express) เดินไป 20 นาที จากรร.ถึง Marshall เป็นร้านเสื้อถูกมักๆ แต่ออกแนวคุณป้า ต้องเลือกดีๆ และก็มี supermarket [Adams] ให้ซื้อของกิน และ มี Starbucks, dunkin ด้วย
ถ้าจะไปเมือง Waterbury ซึ่งใหญ่กว่าและไม่ไกลมาก จะมีรถไปทุก 1 ชม. นั่งรถประมาณครึ่งชม. ค่ารถ $1 ในเมืองก็จะมี mall ให้น้องได้ผลาญตังกันหนุกหนาน มี mall ใหญ่โต มีทุกอย่างในนั้นอะ และ walmart(Lotus บ้านเรา)นั่งรถไปอีกนิดนึงมีร้านอาหารจีน อร่อยใช้ได้ เด๋ว advisor น้องก็คงพาไป นอกจากนั้นก็จะมีท่ารถซึ่งจะพาน้องๆไปสู่โลกภายนอก
อากาศ ช่วง winter อยู่ประมาณ -10 ถึง 0 องศา (ปีพี่ (TS56) หนาวสุดประมาณ -15 C) เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้สาหัสมากเพราะว่าตึกเรียนอยู่ใกล้กัน คลาสส่วนใหญ่รวมทั้งหอประชุม โรงอาหาร และดอร์มของผู้ชายจะอยู่ใน Main Building ทั้งหมด คลาสเลขวิทย์จะอยู่อีกตึกหนึ่ง ดอร์มผู้หญิงก็จะมีแยก ๆ ออกไปอีกแต่ก็จะกระจุก ๆ อยู่ใกล้ๆกันทำให้ไม่ต้องฝ่าฟันหิมะมากนัก โหดร้ายหน่อยจะเป็น atheletic facilities ที่อยู่บนเนินเขา ต้องเดินไปประมาณ 5 นาที
อ้อ สถานที่ ตึกเรียน เพื่อนๆ สวยงามมาก ใครมาก็บอกว่ารร. เราสวย อิอิ อารมณ์เดียวกะ Harvard เลย ตึกแดงๆ : )
Academics
เรื่องการเรียนที่นี่ ไม่ยาก ชิวอยู่ในระดับหนึ่ง ถ้าแบ่งเวลาดีๆ ก็มีเวลานั่งอ่านสอบ SAT ดูหนัง ฟังเพลงสบายแฮ (พี่ลง 6 วิชาจัดเต็มสองเทอมได้นอน 7 ชั่วโมงทุกคืนนะฮ้าบ อิอิ--TS56)
Taft มีชือเรื่องความเข้มข้นของวิชาการ ซึ่งจะว่าไปแล้วถ้าเรื่องเรียนล้วนๆ (โดยเฉพาะสายวิทย์) ก็อยู่ league เดียวกะ Choate Rosemary Hall, Phillips Academy และ Phillips Exeter Academy เลยที่เดียว Facility ของเราก็ดีพร้อมครับ ทั้ง lab ชีวะ เคมี ฟิสิกส์ เนื่องจากมีจำนวนนักเรียนค่อนข้างมากและมีเงินบริจากสูง อีกอย่างคือว่า หากว่าน้องเป็นเด็กสายวิทย์ แล้วเกิดว่าเก่งจัด เก๋าจัด ไม่พอใจกะคอร์สที่เปิดสอนอยู่(MAX math=multivariable+linear algebra MAX physics=AP physics c) ก็สามารถคุยกะครูแล้วเปิดคอร์สเรียนเอง แบบตัวๆ หรือว่าจับกลุ่มกะเพื่อน เรียนก็ได้นะครับ เค้าเรียกว่า ISP [Independent Study Project] เช่นว่า เพื่อนพี่Topทำ Quantum Mechanic เป็นต้น
AP Calculus BC by Mr. Al Reiff
น่าเบื่อนิดๆ สำหรับคนที่เรียนมาแล้ว ถ้าคิดว่าแน่น calculus พอสมควร ก็ไปเรียน multivariable calculus ได้ คะแนนสอบ 100% เป็น quiz บ้าง test บ้าง อาจารย์สอนเก่ง จบ applied math มาจาก harvard เลยทีเดียว
AP Physics C by Mr. James Mooney
ไม่ยาก แต่ก็ไม่ simple ขนาดนั้น ใช้ calculus ตลอดคอร์ส ข้อสอบส่วนใหญ่ให้พิสูจน์สูตร ไม่ยากถ้าเข้าใจ concept และไม่ประมาท ข้อสอบส่วนใหญ่มี extra credits เก็บได้เยอะๆ ก้ ได้เกิน ร้อย ไม่ยาก
AP Chemistry by Mr. David Hostage
อาจารย์ฮามาก ตลกดี เป็น Democrat ด้วย ฮ่าๆ อาจารย์เค้าแคร์นักเรียนมาก บรรยากาศจะประมาณว่าไปพร้อมกันทั้งห้องเรียน มาเรียนก็พยายามนั่งแถวหน้าไว้ จะได้ดูดีว่าตั้งใจ ยิ้ม (มีแค่สามแถว) ข้อสอบอ่านไปก้ไม่ยาก ทำ lab report ให้ดี คะแนนก็จะดีเอง
US History by Ms. Megan Valenti
ก็ตามปกติของ วิชาประวัตศาสตร์ทั่ว ไป การบ้านอ่านวันละสิบหน้ากว่าๆ แต่ต้อง take note ด้วย ซึ่งก็จะช่วยให้เราจำง่ายขึ้น แต่ใช้เวลาเพิ่มขึ้นหน่อย ไม่ยาก เวลาตอบก้ตอบให้ครบ เขียน opinion paragraph ก็ควรจะเป็นการวิเคราะห์ ไม่ใช่สรุป history ของเหตุการณ์นั้นๆ แต่ละเทอมก็จะมี harkness discussion สองครั้ง ก็เตรียมข้อมูลให้ดี แล้วก็พยายามพูดเยอะๆ ก็จะดีเอง
ทางสาย history ก็จะมีครูดีมากๆ กะครูห่วยมากๆ ปนกัน ซึ่งอันนี้ น้องต้องเลือกให้ดี เกิดว่าได้มาอยู่จริงๆ แล้วถามพี่ๆได้ครับ พี่เอง(พี่ก่อ)ได้ครูโหด T_T history รร.เรา reading ไม่หนักมากนะ อ่านน้อยกว่าหลายๆรร.เท่าที่ได้ข่าวมา นานๆก็มี paper ให้ปั่นทีนึง มี quiz ประมาณ chapter ละครั้ง (ขึ้นอยู่กะอาจารย์ด้วยแหละ เรียน history เหมือนกะลูกไก่ในกำมืออาจารย์ เค้าชอบก็ให้แต้มดี เค้าไม่ชอบ คุณก็ซวยไป) อาจารย์จะเรียกร้องเรื่อง discussion history เป็นคลาสที่ค่อนข้างท้าทาย เพราะจะมีกิจกรรมจำพวก debate, class discussion leader, oral presentation, research papers อะไรที่มันเรียกร้องมากอ่า อยู่ในคลาสนี้หมดและ แต่ก็ดี ถ้าไม่เจอเลยก็ไม่ได้ฝึก เพราะอังกฤษที่นี่ (ที่พี่เรียน) ออกแนวอ่านแล้วก็ discuss แล้วก็เขียน paper ไม่ค่อยมีอะไรมาก คะแนน SAT Writing พี่ขึ้นเยอะ ส่วนนึงก็เพราะ class history นี่แหละ (คอนเฟิร์มโดยพี่ TS56!)
Short Story (English elective) by Mr. Steve Palmer
พี่ชอบวิชานี้ที่สุด ถึงแม้จะเอกฟิสิกส์ก็ตาม Short Story จะเรียนในหนังสือ The Art of the Short Story ซึ่งจะได้อ่านเรื่องสั้นของนักเขียนดังๆ หลายคน ไม่ว่าจะเป็น Conrad, Hamilton, Joyce, Jack London, Faulkner และอื่นๆ อีกมากมาย วิชานี้ก็จะเป็นแบบว่าให้อ่านวันละเรื่องแล้ว ก็มา discuss กันในห้องเรียน ของพี่ส่วนใหญ่ ก็จะมี American seniors พูดมากอยู่สองสามคน พี่ก็พูดบ้าง ฮ่าๆ อาจารย์คนนี้เก่งมาก เค้าก็จะโยงทุกอย่างมารวมกัน แล้วทำให้เราอึ้งว่าคิดได้ไง อะไรประมาณนั้น บางทีก็จะมี quiz ถามพวก details ในเรื่องเพื่อดูว่าเราอ่านมาจริงมั้ย แล้วก็จะมี in class essay หรือ paper ซึ่งก็น่าสนใจมาก in class essay ส่วนใหญ่พี่ก็เขียนไม่ทัน ในคาบ แต่อาจารย์เค้าก็ไม่ strict บอกว่าส่งหลังคาบ ไรงี้ก็ได้ ก็ไม่ซีเรียส เรียนแล้วสนุกดี ยิ้ม
"อาจารย์อังกฤษที่นี่เค้าเข้าใจน้องค่ะ ว่าน้องเป็นเด็กอินเตอร์ น้องสามารถไปขอให้เค้าช่วย อธิบายให้เค้าฟัง ว่าเราไม่เข้าใจตรงนี้ๆ อาจารย์ใจดี ถึงแม้ว่าเกรดมันจะเทียบกะฝรั่ง แต่เอาเข้าจิงๆ เค้าก็แอบมีลำเอียงให้พวก อินเตอร์บ้างนิดนึง โดยเฉพาะเด็กใหม่อะ เอาไปเอามาก็ได้เกรดพอๆกะเมกันอะแหละ ดีกว่าด้วยบางที เพราะไอพวกนั้นมันไม่อ่านหนังสือ แต่ที่จะยากหน่อย (และยากมากสำหรับพี่) คือ discussion อาจารย์จะคาดหวังว่าเราต้องพูดและแสดงความเห็น ถึงน้องจะพูดไม่รู้เรื่อง เค้าก็จะตั้งใจฟัง เรื่องการเขียน ตอนแรกๆอาจจะเขียนได้ห่วยบรม เค้าจะมี writing center ช่วยดูเรื่องการเขียนให้ ครูพ่ีแนะนำให้ไปเหมือนกัน (แสดงว่าเขียนห่วยมาก ครูทนไม่ไหว) แต่ก็ไม่เคยจะไปเลย ส่วนใหญ่ให้เพื่อนสอน ฮะๆ" (P'Pong)
Creativity, Literature and Literacy (English elective) by Ms. Reilly
พี่ชอบวิชานี้ที่สุด (พี่ข้อนี้กับพี่ข้อข้างบนคนละคนกัน 555) เป็นวิชาใหม่เพิ่งเปิดเมื่อ fall 2013 วิชานี้เรียนเกี่ยวกับพวกการศึกษา, literacy, identity, psychology บลาๆ อะไรทำนองนั้น คือไม่ได้เป็นภาษาหรือวรรณกรรมล้วน ๆ แต่เรียนแล้วทำให้ได้คิดและ discuss เรื่องที่เชื่อมโยงกับชีวิตและสังคมเราได้ ใครที่ชอบเรื่องจิตวิทยาหรือปรัชญาจะเรียนสนุก เรื่องงานวิชานี้เยอะพอสมควร พวก reading ค่อนข้างยากและเข้มข้น (อาจารย์เค้าเอาหนังสือมหาลัยมาให้อ่าน ระวังไว้ หุหุ) เปเปอร์นาน ๆ ที แต่จะมีช่วงนึงที่ต้องอ่านและเขียนเปเปอร์แบบรัว ๆ หนังสือที่ใช้คือ Pedagogy of the Oppressed กับ Nineteen Eighty-four อาจารย์ใจดี แต่ชอบลืมตรวจงาน 555
Arts
รร.เรามีให้เลือกน่าทำมากมาย ทั้ง drawing, ceramics, singing, dancing, acting, sculpture, computer graphic, maya 3d, 2d, และ ที่พี่ภูมิใจนำเสนอ glass ครับ น้องจะได้ประดิษฐ์ของตกแต่ง มากมายหลายอย่าง น้องๆผู้หญิงอาจจะได้ต่างหูทำเองไว้ใส่เล่น "คลาส art เป็นอะไรที่เยี่ยมยอดสุดแล้ว ถ้าน้องชอบวาดรูป อย่าคิดมาก ลง intermediate-advance drawing กะ Ms.Chic ซึ่งเป็นคุณครูที่น่ารัก และฮาที่สุดในโลกใบใหญ่ เรียนอาร์ททำให้ชีวิตพี่ดีขึ้นเยอะมากๆ นี่ได้ไป field trip ที่NYC มา...เจ๋งปะหละ" (P'Pong)
College Counseling
College Counselor ที่นี่มี สามคน ชายสอง หญิงหนึ่ง ขึ้นอยู่กับดวงว่าจะได้ใคร ก็ไปหาเค้าบ่อยๆ อาทิตย์ละครั้งกำลังดี เพราะเค้าต้องเขียน recommendation ให้เรา บางทีก็ฟังหูไว้หู แต่ส่วนใหญ่ พี่บอกอะไร เค้าก็ จะเชื่อ แล้วก้แนะนำเพิ่ม ถ้าได้ผู้หญิง (Ms. Ganung) เวลามีเรื่องอะไรก็พยายามเตือนเค้าบ่อยๆ เหมือนเค้าจะชอบลืม แล้วเวลาสมัครมหาลัย อาจจะไม่ต้องจ่ายตังเพราะ college counselor อาจจะขอ fee waiver ให้ได้ ก็ต้องดูๆ แต่ละมหาลัย แต่ก็อย่าลืมถาม CC ของตัวเอง
Advisor
ตอนที่มาถึง นักเรียนใหม่จะได้ temporary advisor ซึ่ง ปกติก็จะไปคุยด้วยอาทิตย์ละครั้ง หรือมากกว่าตามความสนิท พอผ่านไปสามอาทิตย์ ถ้าเจออาจารย์ในห้องเรียน หรืออาจารย์คนอื่นที่ชอบ ก็สามารถเปลี่ยนคนได้ ก็แค่เดินไปขอเค้า ของพี่ตอนแรกได้ advisor เป็นครู ประวัตศาสตร์แต่เค้าไม่ได้สอนพี่ เลยไปเลือก Mr. Hostage ที่ตลกๆ ตามที่บอกไปแล้ว Advisor ก็จะค่อนข้างสนิทกับเรา บางทีก็กินข้างเที่ยงด้วยกัน มีเรื่องอะไรก็ไปบอกเค้า เค้าก็จะช่วยเราเอง อย่ามีอะไรเครียดแล้วเก็บไว้
Support
ขณะเดียวกัน ในแง่ของ support จาก faculty โรงเรียนของเราก็มีชื่อทางด้านความใกล้ชิดของครู และ นักเรียนเป็นอย่างมากเลยครับ (อันนี้จะเป็นข้อดีที่คล้ายกับโรงเรียนขนาดเล็ก) คือว่าครูส่วนมากก็จะอยู่ในโรงเีรียน หรือแถวๆ โรงเรียน แล้วก็มี extra hour สำหรับนักเรียนที่สงสัย มีคำถาม หรืออยากรุ้อยากเห็น ก็สามารถมาถามได้ ตัวอย่างเช่น ครูเลขพี่ เค้าอยู่สองทุ่มถึงสามทุ่มอาทิตย์ละประมาณ 5 วัน!!!(โอ้โห อาทิตย์นึงมันมีเจ็ดวันไม่ใช่เร้ออออ) พี่ก็ไปหาเค้าบ้าง นานๆ ที(พี่คิดว่าถ้าเกิดว่าน้องจะลงคอร์สโหดๆ มากๆ อันนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ดีมากของน้องเลยทีเดียว) ก่อนสอบเค้าก็จะจัด review session ให้น้องสามารถถามได้จนน้องเบื่อไปเอง แต่จริงๆแล้วคอร์สมันไม่โหดขนาดนั้นหรอก ถ้าน้องเรียนพอประมาน แบบพี่ พี่ลง BC & Physics C ธรรมดาเหมือนคนอื่นทั่วไป จะว่ายากไหม มันก็ไม่ยากมากนะ แต่น้องถ้าอยากเร้าใจ จะลง multi or linear algebra ก็ได้ ซึ่งบางรร.อาจจะไม่มีคอร์ส advance math แบบนี้
Clubs
นอกจากนี้ยังมี clubs ต่างๆน่าสนใจ เช่นพี่ทอปเค้าไปเป็นนักเต้น ขาแดนซ์ ก็ประสบการณ์แปลกใหม่ไปอีกแบบนะ มี international club ซึ่งมี feed แสนอร่อยเป็นประจำ มี hydrox เป็นคณะร้องเพลงประสานเสียง มี a capella ด้วย (ของผู้ชายชื่อ oriocos)หรือถ้าน้องลงคลับ United Cultural at Taft (UCT) ก็จะมีมีทติ้งนานๆครั้ง และถ้าโรงเรียนได้รับเชิญไป interschool dance เขาจะแจ้งข่าวสมาชิกคลับให้ลงชื่อก่อน น้องก็จะได้ไปเจอเพื่อน เช่น Choate
Transportation
การเดินทางไปที่ต่างๆ ทาฟก็จัดว่าอยู่ไม่ห่างไกลเท่าไหร่ ไม่ได้ป่า เหมือนหลายๆโรงเรียน เช่น Hotchkiss อยู่ห่างจากนิวยอร์กประมาณสองชั่วโมง แต่ละเบรก ไม่ว่าจะเป็น fall long weekend สี่วัน, thanksgiving break 10 วัน ถ้าน้องจะไปหาใครที่ไหน โดย เฉพาะ นิวยอร์ก โรงเรียนก็จะจ้างรถไปส่งให้ ก็เสียเงินนิดหน่อย แต่ก็ทำให้สะดวก ไม่ยาก การสอบ SAT ทาฟ ก็เป็นศูนย์สอบ เป็นบางเดือนเช่น October, November and January ก้สบายไม่ต้องเดินทาง แต่เดือน ธันวา ซึ่ง Taft จะไม่ได้เป็น ก็ให้น้องเลือก Watertown High School ซึ่งอยู่ห่างไปแค่ นั่งรถห้านาที ตอนแรกนึกว่าจะไม่ดี แต่โรงเรียนนี้สวยมาก เหมาะกับการทำข้อสอบอย่างยิ่ง ยิ้ม ส่วนสอบ TOEFL น้องก็ลองดูของพี่ๆปีก่อน เพราะพี่ไม่ได้สอบตอนอยู่ที่นี่เลย
Banking
Watertown จะมี Wells Fargo Bank ในโรงเรียนก็มี ATM ของ Wells Fargo ถ้ามาแล้วเปิดบัญชีของธนาคารนี้ก็จะสะดวก ตอนต้น ๆ ปีจะมีจนท.ของธนาคารมารับเปิดบัญชีที่โรงเรียน ก็เดินเข้าไปคุยได้เลย สะดวกดี ใครที่ทำบัญชี Citizen Bank ที่ Brewster ไว้ แนะนำให้ปิดก่อนมาเพรพนะครับ นอกจากนี้ ในโรงเรียนก็จะมี account ให้น้องไว้เก็บตังค์ เวลาน้องซื้อของที่ book store ของโรงเรียน (เรียก book store แต่ขายพวกขนม ของชำ เสื้อกันหนาว รองเท้าแตะ บลาๆ) ก็สั่งให้เค้าคิดเงินจาก account ได้ เวลาขอ transportation ของโรงเรียนตามเบรกต่าง ๆ เค้าก็จะแอบชาร์จจาก account ของเราเช่นกัน
Daily Life
ตารางเรียนปกติของทาฟ เรียนวันจันทร์ถึงเสาร์ เริ่มคาบแรก เจ็ดโมงสี่สิบ บางวันคาบแรกจะว่าง ก็ได้นอนยาว วันอังคาร พุธพฤหัส และเสาร์ จะมี school meeting ตอน 10 โมงถึง ประมาณ สิบโมงยี่สิบ แล้วก็จะเรียนเสร็จประมาณ อย่างมาก ก็ 3.20 pm หลังจากนั้นก็จะเป็นเวลาเล่นกีฬา
ตอนสองทุ่มถึงสี่ทุ่มทุกวันก็จะมี study hall time ซึ่งก็ใช้ทำการบ้าน ของ senior ก้ไม่ซีเรียส sign out ไปกินขนม เล่น pool ปิงปอง ไรงี้ได้ แต่ก็พยายามทำการบ้านให้เสร็จ
Sports
กีฬาที่ทาฟจะแบ่งเป็นสามเทอม (การเรียนแบ่งเป็นสองเทอม semester)
- fall sport: football(American), Voleyball, Soccer, Cross Country, Field Hockey, Riding, Tennis และอื่น
- winter sport: Ice Hockey, Squash, Wrestling, Basketball, Skate, Yoga, Aerobics, skiing, etc.
- spring sport: Baseball, Tennis, Track, Lacrosse, Golf, Crew, Softball
กีฬาที่ Prep School ก็จะแบ่งเป็นระดับๆตามความโปร ตั้งแต่ Varsity, Junior Varsity, Third จนถึง intramural ซึ่งจะไม่ได้แข่งกับโรงเรียนอื่น เล่นขำๆ ถ้าไม่อยากเล่นกีฬา ก็สามารถทำอย่างอื่นได้ เช่น drama, computer graphic, volunteering หรือ project ที่เราอยากทำเอง
Laundry
จริง ๆ ที่นี่มีบริการซักผ้าครับแต่ว่าต้องจ่ายเงินเอง พี่ไม่รู้ราคาเหมือนกัน แต่ยังไงก็แนะนำให้ซักเองเพราะสะดวกพอสมควร เครื่องซักและเครื่องอบอย่างละ $1.25 รวมทั้งสองอย่างก็เป็น $2.50 การจ่ายเงินต้องใช้ laundry card ซื้อได้ที่ book store (อยู่ชั้นใต้ดิน) น้องที่ถามว่าจะรีดยังไง บอกได้เลยครับว่าไม่ต้องรีด ผ้าที่ออกมาจากเครื่องอบจะไม่ค่อยยับมาก ขนาดเสื้อเชิ้ตผู้ชายที่ยับง่าย ๆ ก็ใส่ได้ไม่มีปัญหาครับ : ) ส่วนถ้าใครอยากรีดจริง ๆ พี่ไม่เคยเห็นเตารีดในหอพักชาย หอหญิงเดี๋ยวจะถามมาให้นะฮะ
Dress Code
นักเรียนชายมี Dress Code แต่จริงๆ แล้วก็เป็นแค่ ใส่เสื้อคอปก ถ้ามีกระดุมตรงกลาง ก็ต้องใส่ในกางเกง แต่ถ้าเป็นพวกโปโล ก็ใส่นอกกางเกงได้ กางเกงต้องไม่ใช่ยีน ส่วนใหญ่ เค้าใส่ Slack สี่เนื้อ หรือน้ำตาล จริงๆ ก็ยังไงก็ได้ รองเท้าก็ให้หุ้มส้น ใส่รองเท้ากีฬาใด้ ดูให้เหมาะสมก็โอเค
นักเรียนหญิงแทบจะใส่อะไรก็ได้ - -" อ้อ ยกเว้น legging แล้วก็ถ้าเป็นกระโปรงต้องยาวเลยปลายนิ้วมือไปสองนิ้ว
Food
อาหารที่นี่จัดได้ว่าดีที่สุดใน NEW ENGLAND เทียบกับ Prep School ทั้งมวล Chef ที่นี่ไปแข่งทำอาหารมา มีเหรียญทองเป็นการันตี ความอร่อย อาหารก็มีให้เลือกจำนวนมากทั้ง ซีเรียล พิซซ่าทุกวัน main course สลัดบาร์ ไอติม คุกกี้ แซนวิชบาร์ เยลลี่ และอาหารพิเศษอีกมากมาย นานๆ ทีจะมีอาหารที่กินไม่ค่อยได้ แต่โดยรวม อร่อยมาก จิงๆ มาที่นี่ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินแน่นอน เรื่องอาหารนี้ต้องซีเรียสหน่อย เพราะมันดีมากจริงๆ เหมือนที่พี่หวายให้ข้อสังเกตว่า "Bowdoin ที่ว่าอาหารอร่อยที่สุดใน American College, according to Princeton review ทำpizzaได้ไม่อร่อยเท่า Taft นะจ๊า"
Dining Hall ที่นี่หรู ด้วยห้องอาหารขนาดใหญ่ ประดับผนังไปด้วยไม้(สัก) หรืออะไรทำนองนั้น มีด้วยกันสามห้อง ทำให้สามารถเลือกนั่งกิน เปลี่ยนบรรยากาศไปได้ตามสบาย บางห้องยังมีมุมส่วนตัว เป็นคอกๆ ให้อีกด้วย แต่ละอาทิตย์ก็จะมี ประเพณี SIT DOWN DINNER วันอังคารและวันพฤหัส ซึ่งนักเรียนทั้งโรงเรียนจะมานั่งกินข้าวเย็นร่วมกัน แบ่งเป็นโต๊ะๆ ละประมาณ สิบคน สับเปลี่ยนไปเรื่อย ทำให้ได้คุยและรู้จักคนกว้างขวางขึ้น SIT DOWN DINNER นักเรียนชายก็ต้องใส่ shirt necktie แล้วก็ Blazer ซึ่งก็ทำให้ได้แต่งตัวแลดูดีอาทิตย์ละสองครั้ง ส่วนผู้หญิงก็ใส่ dress แต่งตัวกันสะบัดเลย
Gifts from Older Taftees
สำหรับน้องๆที่จะมา พี่ๆ รุ่นก่อนๆ ก็จะทิ้งของไว้ให้ จำนวนมาก ตอนนี้มีอยู่สามกล่อง กับ พรมม้วนใหญ่ๆ หนึ่งม้วน หนังสือ ส่วนใหญ่ จะเป็น SAT, Toefl, text ที่ใช้เรียน AP Chem, Cal และ US History, Text Physics for engineering และอื่นๆ อีกมากมาย
ทำเนียบ Thai Scholars
- TS47 (2004-2005): วราสิณี ฉายแสงมงคล (จ๋า/P'Jah) ทุนไทยพัฒน์ [Cornell University → Yale University]
- TS48 (2005-2006): สิริภัทร สุมนาพันธุ์ (กุ๊ก/P'Kook) ทุนไทยพัฒน์ [California Institute of Technology → Stanford University], กรพงศ์ พงศ์มรกต (ท็อป/P'Top) ทุนไทยพัฒน์ [Stanford University]
- TS49 (2006-2007): ปองกานต์ จักรธรานนท์ (ปอง/P'Pong) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [Northwestern University → Stanford University]
- TS50 (2007-2008): ธนชาติ นิละนนท์ (ก่อ/P'Gor) ทุน พสวท. [Carnegie Mellon University → University of North Carolina-Chapel Hill], ณัฐนรี ศิริวรรณ (พลอย/P'Ploy) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [California Institute of Technology → University of Southern California]
- TS51 (2008-2009): นัทธมน ถาวรพิทักษ์ (ยุ้ย/P'Yui) ทุนบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด [Carnegie Mellon University]
- TS52 (2009-2010): วรัชรี ศรีฟ้า (หวาย/P'Wai) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [Bowdoin College]