Asheville School
เนื้อหา
History
In 1900, Asheville School was founded by two Ohio men, Charles Andrews Mitchell and Newton Mitchell Anderson. Previously, the two had founded the University School in Cleveland in 1890. The founding of these two schools was a daring experiment in preparatory education, as it challenged the time-honored system of classical education of British origin. The idea in Anderson's mind was a school where boys could prepare for college or for the business world; where the body, through organized athletics, would be trained as well as the brain; and where boys could learn constructive work with their hands as well as their heads.
Fifty-three boarding students from grades 5-12, called "forms" according to the British system, were enrolled that first year. By 1910, the elementary grades had been eliminated, but the 7th and 8th grades (First and Second Forms) remained until 1964 when John L. Tyrer was appointed the School's sixth headmaster. Throughout the next decade and beyond, the enrollment would rise to over 200 and would include day students, females, and minority students. Today, the School has a ratio of 50-50 male and female students, a 25 percent day student population, and a diverse student body.
Over the last ten decades of its existence, Asheville School has been careful to maintain the integrity of its original Tudor-style buildings while incorporating newer structures into the campus master plan. Asheville School was named to the National Register of Historic Places in 1996. The School has had a place of distinction in the field of independent education for over 100 years as it celebrated its centennial in 2000. It looks forward to maintaining that place of distinction in the 21st century as one of the nation's premier boarding schools.
Symbols
School's Shield:
Color: Blue
รุ่นพี่
TS33 (1990-1991) - ธาชาย เหลืองวรานนท์ ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
TS34 (1991-1992)
TS35 (1992-1993)
TS36 (1993-1994)
TS37 (1994-1995)
TS38 (1995-1996)
TS39 (1996-1997) - อารณีย์ เตชะวิบูลย์วงศ์
TS40 (1997-1998) - ตุลยา ลิมปิติ (แป๋ม) [University of Wisconsin-Madison]
TS41 (1998-1999)
TS42 (1999-2000)
TS43 (2000-2001) - Panchika Prangkio (Orm) [University of Michigan]
TS44 (2001-2002)
TS45 (2002-2003)
TS46 (2003-2004) - สลิลพร กิตติวัฒนากุล (หลิน) ทุน พสวท. ฟิสิกส์ [Cornell University-->University of Virginia(PhD)]
TS47 (2004-2005) - ธนพล จันทร์เพ็ญ (ท็อป) ทุนไทยพัฒน์ [Washington University]
TS48 (2005-2006) - ชานิน เลาหพันธ์ (เดฟ) ทุน พสวท. คอมพิวเตอร์ [Carnegie Mellon University]
TS49 (2006-2007) - พิเชฐ อัษฏมงคลกูล (ทีม) ทุนไทยพัฒน์ Nanotechnology [Johns Hopkins University], พิชชาภรณ์ หลิวเจริญ (แพรว) ทุนกระทรวงการต่างประเทศ Human Resource Management [Cornell University]
TS50 (2007-2008) - ปวีณ์อร อังศุธรารักษ์ (อี๊ฟ) ทุนไทยพัฒน์ Nanotechnology [University of Pennsylvania], นวพรรณ คันธชา (จ้อ) ทุนกระทรวงการต่างประเทศ [Georgetown University]
TS51 (2008-2009) - มณฑกาญจน์ บุญเพิ่มผล (ดัช) ทุนสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร สาขา เทคโนโลยีด้านอาหาร (การเพิ่มมูลค่าข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว), ดุสิต มั่นคง (ไบรท) ทุน ปตท.สผ.
Location
Asheville School เป็นโรงเรียนขนาดกลาง ตั้งอยู่บนเนินเขาหนึ่งของ Blue Ridge Mountain ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ North Carolina บริเวณโรงเรียนกว้างขวาง ห้อมล้อมไปด้วยต้นสนภูเขา เป็นรั้วธรรมชาติ ด้านหลังของโรงเรียน เป็นป่า แต่มีถนนดินเล็กๆตัดผ่าน ใช้เป็นลู่วิ่งออกกำลังกายของนักเรียน
แม้ว่าตัวโรงเรียนจะอยู่ห่างจากตัว Asheville Downtown ประมาณสิบนาที นักเรียนก็สามารถเรียกรถ taxi ไปสถานที่ต่างๆได้ในช่วงวันหยุด อย่างไรก็ดี ในบริเวณใกล้ๆโรงเรียน ก็มี supermarket และร้านอาหารหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรร ทั้งจีน ฝรั่ง หรือแม้แต่อาหารไทย (ที่คิดว่าอร่อยที่สุดในย่านนี้)
Asheville School อยู่ห่างจากตัวสนามบิน Asheville Regional Airport ประมาณยี่สิบห้าถึงสามสิบนาที
Academic
Asheville School has no extraordinary science course. The only class that is not offered in Thai high school level is the Anatomy and Physiology class. Its emphatic courses are humanities, which include U.S. history, European history, and Foundations. Only U.S. Studies and European Studies classes are the combined history and English classes in which they are taught in parallel. In the past, Seniors had to take U.S. Studies, which is beneficial for Thai Scholars to adapt to the American society. Not until this year(2006-2007) that they switched them so that everybody, juniors and seniors, have to take European Studies. In the following year(2007-2008), they switched back so the seniors had to take U.S. Studies.
Asheville School ไม่มี course อะไรที่พิสดารมากมาย
Science classes ได้แก่ Biology AP, Physics AP B/C, Chemistry AP, Anatomy and Physiology
Math classes ได้แก่ Calculus AB/BC, AP Statistics
Humanities ได้แก่ European Studies, US. History, Foundations (World History), Humanities Seminars
รายละเอียดเกี่ยวกับ class บาง class
- Biology AP
เนื้อหานั้นจะสอนตาม Campbell Biology Textbook ปัจจุบันใช้ seventh Edition การเรียนการสอนนั้นจะเน้นด้านการเขียนตอบคำถามและการศึกษาด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีประโยชน์ต่อการสอบแบบ Advance Placement เป็นอย่างดี
- Physics C
เนื้อหานั้นจะสอนตามหนังสือ Fundamentals of Physics ของ Halliday /Resnick/ Walker ปัจจุบันใช้ sixth edition การเรียนจะเน้นการประยุกต์ พิสูจน์สูตรทางฟิสิกส์ โดยใช้ Calculus เป็นส่วนใหญ่ จึงเป็น course ที่สมควรลงคู่กับ Calculus BC แต่concept ส่วนใหญ่จะเหมือนกับที่ไทย
- Calculus BC
เนื้อหาจะสอนตั้งแต่ limit, derivative, differentiate, integral, applications, series/sequences, parametric/polar coordination เป็นต้น เป็นคลาสที่ดีมากในการปูพื้นฐานการเรียน Calculus ในระดับ College ต่อไป
- European Studies
เนื้อหานั้นจะสอนตั้งแต่ยุคสมัย Renaissance ขึ้นมาจนถึงยุคปัจจุบัน มีทั้งการสอน music, art, literatures ตามยุคสมัยต่างๆ ควบคู่กันไป เป็นคลาสที่ต้องใช้ ความพยายามสูง แต่ก็เป็นคลาสที่มีส่วนช่วยในเรื่องการเขียน paper and essay เป็นอย่างมาก
Food
สำหรับเรื่องอาหารการกินนั้น ที่นี่จะมีระบบการรับประทานอาหารสองแบบคือ Seated meal และ Buffet
Buffet เป็นการรับประทานอาหารแบบตามอัธยาศัย ไม่มีกฏเกณฑ์อะไร
Seated meal เป็นการนั่งโต๊ะร่วมกับอาจารย์และนักเรียน คละกัน มีคนเสิร์ฟ เป็นนักเรียน โดยปกติแล้ว senior จะต้องเป็นพนักงานเสิร์ฟสองครั้ง
Dormitory
ตัวหอพักอยู่ใกล้ๆกัน มีสามหอ คือ หอชาย Anderson หอหญิง Kehaya และหอหญิงชาย Lawrence หอ Lawrence นั้นจะแบ่งเป็นสามชั้น (ชายอยู่ชั้นบนสุด, หญิงอยู่สองชั้นล่าง)
แต่ละชั้นของหอพักจะมีHall parents และมีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าในห้องน้ำของแต่ละชั้น [ไม่เสียค่าซักและอบ]
หอพักLawrenceและAndersonอยู่ใกล้ตึกเรียน ซึ่งมีอยู่ตึกเดียวคือ Mitchell Hall
หอที่นี่เป็นห้อง single ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม ภายในห้องมีเพียงฟูกเตียงให้ จึงจำเป็นต้องหาผ้าปูรองและหมอนมาเอง
Dress Code
เรื่องการแต่งกาย ทางโรงเรียนกได้กำหนด dress code ไว้ว่า
ผู้ชาย - shirt, slack trousers, tie, blazer, leather shoes
ผู้หญิง - blazer, dress or ..., skirt or slack, nice shoes
Activities
Here, at Asheville School, there are several activities and sports for you to choose. However, some activities are available only in a particular season. The popular activities are: mountaineering, soccer, football (American football), cross country, swimming, and tennis.
Afternoon activity ที่เป็นที่นิยมมาก และเป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียนคือ Mountaineering มี link ของตัว program เอง สามารถดูได้ว่าวันนี้ต้องไปทำอะไรที่ไหนกี่โมง เป็นกิจกรรมที่เรียกได้ว่า safety activity คือเลือกลงไป ยังไงก็มี percent ได้สูง
กิจกรรมก็จะแบ่งเป็นสามอย่างหลักๆ (แต่อาจจะมีอย่างที่สี่คือ fly fishing ซี่งเริ่มมีใน spring 2007) ได้แก่ rock/ice climbing, biking, kayaking (อาจจะมี caving)
Rules
There are less rules for seniors. They can freely go to the library during the study hall while other students, except the honor students and other special permitted students, have to study in their rooms. Seniors sit in the most front rows in the chapel and are the first to exit the chapel. On some Sundays, after vesper, seniors will have a 'coffee house,' which is the offering of cookies, coffee, and some beverages from the head of the school.
Student Life
นักเรียนมีประมาณ 250 คน
ที่นี่มีระบบ advisee group
มี college counsellor เป็นที่ปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับ college และการสอบ standardized tests
มี shuttle bus สามารถไป mall ในเมืองได้ แต่ต้อง sign up ล่วงหน้า
Specific Requirements for Graduation
As a senior, you are required to do two pieces of work before you can be graduated from the school; first is the chapel/convocation talk and the second is the Senior Demonstration.
การจะจบการศึกษาจากที่นี่ได้นั้น นักเรียนปีสุดท้ายต้องทำงานที่เรียกว่า Chapel Talk โดยเป็นการพูดต่อหน้านักเรียนและอาจารย์ทั้งโรงเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่เราได้เรียนรู้ในชีวิต
อีกงานหนึ่งคือ Senior Demonstration เป็นการแสดงความสามารถของ senior ที่จะจบโดยการอ่านหนังสือสองเล่มเป็นอย่างต่ำ แล้ววิเคราะห์ คล้ายการทำวิทยานิพนธ์ฉบับย่อ และผ่านการสอบสัมภาษณ์เกี่ยวกับหนังสือที่อ่านโดยอาจารย์ humanities และ อาจารย์ sponsor
เมื่อผ่านสองงานใหญ่นี้ใน spring term แล้ว ถือว่าสามารถจบหลักสูตรของโรงเรียนอย่างสมบูรณ์