Holderness School
Holderness เป็นprep schoolแนวราบที่ใหญ่ที่สุดในplymout, NH (เพราะมีโรงเรียนเดียว)
เนื่องจากโรงเรียนนี้ กพ.ส่งมาบ้างไม่ส่งมาบ้าง เพราะคะแนนTOEFL ITP อยู่กึ่งๆ จะสูงเลยก็ไม่สูง จะน้อยเลยก็ไม่น้อย เลยมีคนที่ลักษณะตรงกับความต้องการของโรงเรียนไม่มาก ที่ผ่านมามีเด็กไทยมาเรียนที่นี่สามคน คือ6ปีที่แล้ว ปีที่แล้ว แล้วก็ปีนี้ค่ะ สำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านยาวๆ พี่ก็มีสรุปโรงเรียนมาให้อ่านกันแบบสั้นๆนะคะ
ข้อดี
1. สังคมน่ารักมากกก เพื่อนๆที่นี่คือดี supportive international studentsที่นี่ไม่เยอะมาก มาจากหลายหลายที่ เวียดนามกับจีนเป็นส่วนใหญ่ แต่ทุกคนน่ารักมากๆถ้าเห็นเราอยู่ด้วยเค้าก้จะพยายามพูดภาษาอังกฤษกันอ่ะ ไม่ก็พยายามชวนเราคุย
2. ได้เกรดง่าย ไม่ได้ง่ายแบบไม่ทำอะไรเลยก้ได้สี่ แต่แบบตั้งใจเรียนในห้องหน่อยๆ บวกทำการบ้านทุกครั้งก้น่าจะได้ A- ขึ้นสบายๆ
3. อาหารโอเค คือไม่ได้ดีเลิศ แต่กินได้ทุกวัน
4. อาจารย์ที่นี่น่ารัก มีเหตุผล คุยได้ขอextensionได้ ขอfinancial aidsได้ college counsellor ช่วยเหลือดีนะ
5. Esol(โปรแกรมช่วยเราปรับภาษาอ่ะค่ะ) ที่นี่ไม่เชิงesol คือไม่มีเกรด ไม่ต้องเรียน แค่ไปหาอาจารย์สัปดาห์ละครั้ง ถ้าไม่มีงานอะไรไปถามเค้าก็คือไปนั่งเม้าท์ดีๆนี่เอง แต่ถ้ามีงานอะไรที่อยากให้เค้าช่วย ถามเค้าได้เลย เค้าช่วยดีมากก ลองเอางานประวัติศาสตร์ให้เค้าอ่าน เค้าก้มานั่งอ่านให้ฟัง แปลให้ฟังทีละตัวเลย
6.มีกิจกรรมเยอะะ เสาร์อาทิตย์มีทริปปีนเขาวอลมาร์ทดูหนัง
7. ดาวทาวน์ใกล้ๆ มีอาหารไทย แสนอร่อยยยย ไม่ป่า ไปวอลมารทขับรถ 10 นาที
8. อยู่ใกล้ New hampton and Tilton school นัดเพื่อนไปกินข้าวได้ หรรษาไปอีก
9. ห่างจาก Brewster 45นาที คือวันจบจากbrewster ก็ไม่ต้องเดินทางไกล สบายๆ อีกอย่างคือไปbostonก็ไม่นานมาก ชม สองชม ชิวๆค่ะ
10. เป็นศูนย์สอบ SAT จ้าาา
ข้อเสีย
1. ไม่มีค่ะ (ล้อเล่น) คือมันก็แล้วแต่คนมองนะ บางทีข้อดีที่พี่คิดก็เป็นข้อเสียสำหรับบางคนเหมือนกัน
2. ด้าน Academic มันไม่ได้เข้มข้นขนาดโรงเรียนดังๆ แต่มันก็ไม่ง่ายขนาดแบบซุยๆได้อ่ะ ประเด็นคือโรงเรียนไม่ค่อย offer course ยากๆ เช่นmulti variables เพราะคนเรียนน้อย
3. คนที่ไม่ชอบเล่นกีฬา อาจจะเหนื่อยหน่อย เพราะบังคับเล่นสามฤดู ( fall winter spring) แต่เปลี่ยนเป็น ศิลปะได้ฤดูนึงนะะ ความจริงมันก็คือเรื่องทั่วไปของprep school ที่นี่แหละ อิอิ
4. ถ้าน้องมาน้องจะเป็นคนไทยคนเดียวว แต่มันไม่เหงาขนาดนั้นหรอก แถมยังดีต่อการฝึกภาษาด้วย
สำหรับน้องๆที่คิดว่า เฮ้ยน่าสนใจอ่ะะะ ลองมาอ่านฉบับเต็ม ดูความชีวิตดี แล้วตัดสินใจกันค่ะ
location
Holderness school ตั้งอยู่ในเมือง plymouth รัฐ New Hampshire ซึ่งก็อยู่มนNew england ทำให้ได้เจอเพื่อนบ่อยๆ โรงเรียนนี้ไม่ติดแม่น้ำ แต่ติดลำธารเล็กๆ และที่สำคัญติดติดดาวทาวน์ค่ะ
ร้านอาหารที่สำคัญในละแวกนี้คือ Thai smile ร้านอาหารไทยโดยคนไทยเพื่อคนไทยที่มีแทบทุกอย่าง ข้าวซอย ข้าวเหนียวมะม่วง เฝอ ซูชิ บุลโกกิ พีร้านนี้น่ารักแล้วก็ใจดีมากๆค่ะ เพื่อนพี่จาก new hamptonยังถ่อมากินที่นี่บ่อยๆเลยย แต่เราไม่ต้องเหนื่อยขนาดนั้นเพราะโรงเรียนเราใกล้ค่ะ 5555 จากโรงเรียนเดินไป downtown ก็ประมาณ 10นาที แบบชิวๆ
ร้านอาหารอื่นๆที่แนะนำคือ bieder man sandwich อร่อยมากก นรที่นี่ชอบกินกัน, down town pizza, m&m scoop ร้านไอติมที่อร่อยไม่แพ้ belly's bubble, ละก็ร้านวาฟเฟิลที่อยู่ในตู้รถไฟ (อันนี้คนเยอะมาก แต่มีคนเรคคอมเมนมาค่ะ)
Academic and teacher
สำหรับ academic ที่นี่คือมันไม่ได้ง่ายขนาดแบบว่าเราไม่ต้องเรียนก็ทำได้ คือเรายังต้องตั้งใจเรียนในห้องนั่นแหละ
ระบบเกรดที่นี่ คือ ระบบตัวอักษรติดประจุ A+/A/A-/B+/B/B= บลาๆ เวลาเกรดจะได้เกรดแต่ละวิชาสองตัว คือ academic grade กับ effort grade ไอ้ academic grade ก็คือ พวกตัวอักษรนั่นแหละ A+ก็97 up A dH 94-97 A-ก็ 90-94 ละก็ไล่ลงไป ส่วนeffort grade คือเกรดความตั้งใจอ่ะ เวลาเรียนตั้งใจเรียนมั้ย แสดงความคิดเห็นมั้ย ไม่อู้นะ งานเสร็จเร็ว การบ้านส่งตามเวลา ถ้าทำได้หมดก็ excellent effort รองลงไปก็ good, fair, poor จ้า
จำนวนวิชาที่ลงได้มากสุดคือ 7วิชา ระบบการเรียนที่นี่คือสองเทอม เทอมแรกเริ่มตั้งแต่ วันแรกถึงก่อน christmas break เทอมสองเริ่มตั้งแต่ หลัง chritmas break จนถึงกลับบ้าน แต่ละวิชาจะมีความยาวนานในการเรียนไม่เท่ากัน บางวิชาจะ semester long บางวิชาจะ year long ก็เลือกกันดีๆนะคะ5555
วิชาที่บังคับเรียนคือ US history, English 4, Senior thesis, ESOL (แต่อย่างที่บอกคือคาบESOLสบายย อาจารย์ชอบมาเลท ชอบพาเม้าท์ แต่เวลาขอให้ช่วยนางมาอย่างโหด พลิกคะแนนเอสเสเราให้สวยงามได้เลยข่ะ)
เนื่องจากว่าวิชาที่พี่ไม่เคยเรียนพี่ก็จะไม่รู้ พี่จะขอพูดในส่วนวิชาที่พี่เรียนละกันเนอะ เทอมแรกพี่ลง 6วิชา (คือมีคาบว่าง 1 คาบ) เทอมสองพี่ลง 7วิชา (คือไม่ว่างเลย) -->นี่คือตัวอย่างที่ไม่ดีนะน้อง เรียนหนักก็งานเยอะนั่นแล
1. AP physics C Mr. Carrigan วิชานี้เลือกเรียนได้ระหว่าง mechanics กับ Electro Magnetic เพราะมันเป็นyear long ทั้งคู่ (พี่ลง mechanics เพราะโง่ฟิ55) มีอาจารย์ฟิสิกส์คนเดียวว น่ารักมาก ชอบเล่นกล้ามกับบาส (ไม่เกี่ยว) จะว่าสอนดีมั้ยก็เฉยๆนะ แต่เค้าเทคแคร์ส่ใจไทยสกอล่าร์ เพราะว่าพี่ปีที่แล้ว คือพี่ออย ที่ทำผลงานไว้มากมาย 5555 ถ้าอยากขอrecommendation คนนี้ก็โอเคค่ะ แต่พี่ไม่ได้ขอกับคนนี้นะ เพราะพี่major เลขเลยขอกับจารเลข
2. AP Statistics Ms. Stigum ( year long course)คนนี้เด็ดค่ะ ส่วนตัวคือพี่ชอบนาง นางเป็นโค้ช JV field hockey ด้วย พี่เลยลงเล่น JV field hockey หวังสร้างความประทับใจ แต่ไม่รู้นางประทับใจมั้ย5555 คือเค้าสอนดีนะ แต่ค่อนข้างpickyตามสไตล์อาจารย์สอนสถิติ คือเขียนผิดนิดหน่อยก็หักคะแนน ตั้งแต่สอบมายังไม่เคยไเ้เต็มเลยค่ะ โดนหัก 0.5 เป็นอย่างต่ำ เพราะลืมนู่น ลืมนี่ วิชานี้อาจจะได้เกรดยากกว่าเลขตัวอื่นหน่อยเพราะความpicky ของอาจารย์ แต่รวมๆคือดี คนที่เรียนส่วนใหญ่gxHo american seniors เป็นโอกาสดีที่จะทำความรู้จักเพื่อนๆรุ่นเดียวกันนะเออ ปล. พี่ขอrecommendation กับคนนี้ค่ะ
3. AP calculus BC Ms. Wolf อันนี้ พี่ลงเพื่อนครึ่งเทอมหลังค่ะ เพราะอยากสอบ AP cal ตัวนี้พี่ว่าน่าจะง่ายสำหรับเด็กไทย เพราะเราเรียนมาหมดแล้ว ลงๆไปค่ะ ทำให้เกรดสวย5555
4. Photography Mr. Nicolay วิชานี้เป็น year long ที่ต้องทุ่มเทค่ะ ตอนแรกพี่นึกว่าได้เกรดง่ายเหมือนศิลปะบ้านเรา แต่คือความจริงเราต้องทำ extra timeค่อนข้างเยอะ คือในคลาสอาะสบายจริง แต่ต้องทำโปรเจคนอกคลาสเยอะ แต่ส่วนตัวพี่ชอบนะ คือเราจะได้เรียนการใช้กล้องฟิล์ม ล้างฟิล์ม ปริ้นรูปฟิล์ม ทำเองหมดเลย สนุกดีๆๆ เหมือนเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับเรา ช่วงหลังๆนี้พี่ทำ extra time เยอะ จารย์เค้าก็จะใจดีกับเรามากๆ(ปกติก็ใจดีแบบเว่อๆอยู่แล้ว) วิชานี้เน้นถ่ายรูปฟิล์มเป็นหลัก แต่ครึ่งเทอมหลังจะสอนการใช้ห้อง studio แล้วก็ การใช้ photoshop
5. English4: คือเราสามารถเลือกได้ว่าอยากเรียนอะไร ในปีพี่มันมีสามช้อยส์ ( แต่ละช้อยส์ เป็น semester long คือเราต้องเลือกสองจากสาม ตัวแรกเรียนเทอมแรก ตัวที่สองเรียนเทอมสอง) เทอมแรกพี่เรียน Monster Ms. Sparkman สนุกมากก คืออาจารย์คนนี้เป็นคนที่สร้าสรรค์ งานแต่ละอย่างคือ ครีเอททิฟ แบบทำคลิปแนะนำหนังสือ ออกแบบmonster ของตัวเอง ไรเงี้ยย มีดู x-menในคลาสด้วยย แต่านเขียนที่ต้องส่งในคลาสอ่ะค่อนข้างยาก เพราะ เค้าครีเอทีฟ วิชานี้จะอ่านหนังสือนิยายที่เกี่ยวกับ monster ปีพี่อ่านสองเล่ม คือ interview with a vampire กับ frankenstien แล้วเอามาดิสคัสกันในห้อง ค่อนช้างออกแนวปรัชญา แบบที่แท้จริงแล้วใครคือ monster หนแรำะั หรือ คนที่ถูกมองว่าเป็นmonster เนื่องจากอาจารย์คนนี้น่ารัก พี่เลยขอrecommendation ไปตามระเบียบ
เทอมสองพี่เรียน Creative writing Ms. Dahl อันนี้ดีตรงไม่มีสอบ แต่ทำ port folio แทน เรียนชิวคือมีแค่ เขียน poem, กับ short story แต่อย่าดองงานนะน้องๆ poemไรเงี้ยไม่ใช่ว่าจะเขียนได้ในครึ่งชมนะคะ5555
6. US history Mr. Cabot วิชาหินของทุกโรงเรียน โรงเรียนนี้ US history บอกให้ซื้อ หนังสือค่ะ พี่ก็ซื้อมา แต่ไม่ได้ใช้!!!! คือแบบสั่งงานคือเอา primary source มาให้อ่านแล้ว ภาษาแม่งงโบราณ อ่านยากค่ะ 555555 แล้วงานนางคือ มีการบ้านทุกวันที่เรียน ให้กลับไปอ่านวันละ 7-10หน้าเป็นอย่างต่ำ แล้วกลับมาดิสคัสในคาบถัดไป ถามว่าอ่านรู้เรื่องมั้ย บางทีก็ไม่ค่ะ ไปซุยในห้องเอา คือวิชานี้บอกจรงๆว่าใช้เวลาทำการบ้านค่อนข้างนาน แต่อีกนัยหนึ่ง มันก็ช่วยพัฒนาreading skill อ่ะน้อง พอเราไปทำ SAT น้องจะรู้สึกว่า เห้ยก็ชิวๆป่ะะ (ก็ไม่ขนาดนั้น แต่มันช่วยเยอะมากๆ คือพี่ไม่กลัวที่จะอ่าน passage SAT อีกต่อไปประมาณนั้นน)
7. Senior thesis Ms. Lin วิชานี้คือวิชาบังคับ และเป็นทีเด็ดของโรงเรียนนี้ คือเค้าจะให้เราเลือกหัวข้ออะไรก็ได้ที่เราสนใจแล้วทำโครงงานเรื่องนั้น ช่วงแรกๆก็คือให้หาข้อมงข้อมูล แต่เดือนมีนาคมจะมี special program คือ march experience ซึ่งสำหรับ senior จะได้หยุด เกือบสองอาทิตย์ให้ไปทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับโครงงานของเราแล้วก็ไปเที่ยวspring break ต่อได้เล้ยยย สรุปคือเราจะได้หยุดยาวมากๆๆ เกือบเดือนนั่นเองง แต่อย่างไรก็ตาม พี่คิดว่า วิชานี้คือโอกาสที่เราจะได้แสดงศักยภาพให้มหาวิทยาลัยเห็น คือถ้าโครงงานเรามันเจ๋งและsupport major มันก็เป็นหน้าเป็นตาให้กับตัวเราเอง สำหรับ seniorที่นี่ส่วนใหญ่นางจะเลือกหัวข้อตามที่ที่นางอยากไปเที่ยว อย่างเช่น ชั้นจะไปปีนเขา ชั้นจะทำโครงงานเรื่องการปีนเขาส่งผลการท่องเที่ยวในละแวกนั้นยังไง บลาๆ
รับน้อง Orientation program
อันนี้เด็ด จนทำให้พี่ได้เรื่องไปเขียน college essay ถถถถถถ คือสำหรับinternational students เราจะไปถึงรรก่อนที่พวกเมกันจะมา แต่พอกับนักเรียนใหม่ที่เป็นอเมริกันมา เราจะมีการไปเข้าค่ายกัน สำหรับพวก PG หรือพวกแก่ๆอย่างเราเค้าก็จะสนองความอึดของเราด้วยการพาไปพายเรือแคนูสองชม.เพื่อไปนอนเล่นบนเกาะ เล่นน้ำ และ ทำsmore กินกันน สนุกดี แต่ก็ทำให้เหงาได้อ่ะ เพราะมันเป็นช่วงแรกๆที่เราจากเพื่อนๆมา แล้วเรายังไม่รู้ว่าจะคุยยัง คุยกับใคร แต่พี่แนะนำว่าเพื่อนในกลุ่มcanoe จะกลายเป็นเพื่อนที่ดีของเราเลยแหละ
ปล. ไอ้ที่นอนคืออาจารย์อ่ะ แต่สำหรับเด็กๆจะมีผ้าใบคลุม ปลอดภัยค่ะ หลังจากไปติดเกาะ เราก็จะไปนอนบ้านหลังใหญ่ของอาจารย์กันนน