Westtown School

จาก TSWiki

ข้อมูลทั่วไป

ประวัติ

Westtown School ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1799 ณ เมือง Westtown, Pennsylvania แต่เริ่มเดิมที โรงเรียนถูกจัดตั้ง เพื่อเป็นโรงเรียนสหศึกษาสำหรับผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกาย Quaker เพื่อที่จะให้การศึกษาแก่เยาวชน Quaker โดยไม่ถูกทำให้เสียคนด้วยสิ่งเย้ายวนภายนอก หลังจากนั้นเมื่อปี ค.ศ.1933 โรงเรียนได้เปิดประตูให้แก่นักเรียนที่ไม่ได้นับถือ Quaker เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งรุนแรงในสหรัฐอเมริกา (Great Depression) ณ ทุกวันนี้ โรงเรียนยังใช้หลักคำสอนในนิกาย Quaker ในชีวิตประจำวันของนักเรียนและคณาจารย์

Quaker

ศาสนาคริสต์นิกายหนึ่งที่แยกตัวมาจากนิกาย Protestant ในประเทศอังกฤษในช่วงปี ค.ศ. 1600 Quaker ก่อตั้งโดย George Fox แก่นคำสอนของนิกายนี้คือ การสื่อสารกับพระเจ้าผ่านตัวบุคคลนั้นๆ มิใช่การรับฟังคำสอนจากบาทหลวงหรือพิธีกรรมทางศาสนา คำสอนย่อยๆ ของ Quaker ได้แก่

- ความเรียบง่าย: ไม่เน้นสถาปัตยกรรมสวยงาม ใส่เสื้อผ้าเรียบง่าย ประพฤติตัวเรียบง่าย (เช่น ในสมัยก่อน Quaker จะไม่ถอดหมวกเคารพคนอื่น เพราะถือว่าเป็นพิธีที่ไม่มีประโยชน์ และ Quaker ใช้ thou thee ซึ่งให้ความหมายคล้ายๆ กับคำว่า "มึง กู" แทนที่จะใช้คำว่า you me)

- ความเงียบและสงบ: Quaker คิดว่าความเงียบและสงบช่วยทำให้คนบรรลุถึงปัญญา และในความเงียบนั้นจะทำให้คนได้ยินข้อความจากพระเจ้าได้

      การปฏิบัติ : Meeting for Worship
        ทุกเช้าวันพฤหัสบดี จะมีคาบๆหนึ่งสำหรับการประชุมนี้ นักเรียนจะต้องไปนั่งในห้องประชุมสี่เหลี่ยมที่ไม่มีอะไรตกแต่งเป็นเวลา 45 นาที โดยไม่คุยกับใคร ไม่หลับ ไม่อ่านหนังสือ ไม่ฟังเพลง ไม่ทำอะไรนอกจากนั่งเฉยๆเงียบจนกว่าจะครบเวลา ถ้าใครมีอะไรในใจ หรือ ที่เรียกกันว่าได้ข้อความ (Get a message)จะสามารถลุกขึ้นมายืนพูดได้ สามารถระบายความในใจที่จะมีประโยชน์แก่คนอื่น หรือ เอาอะไรมาแบ่งปันให้คนอื่นได้
        ทุกวันเช้าวันอาทิตย์ก็ทำเช่นเดียวกันแต่เป็นเวลา 60 นาที (เริ่มเวลา 10.30 AM)

- ความเคารพ: Quakers เชื่อว่า "There is that of God in every person." เค้าจึงให้ความเคารพแก่ทุกๆคนอย่างเท่าๆกัน(ตามทฤษฏี)

ขนาด และ ที่ตั้ง

- โรงเรียนเปิดสอน ตั้งแต่ PreK จนถึง เกรด 12 มีนักเรียนทั้งหมดประมาณ 600คน สำหรับระดับ High School มีนักเรียนชั้นละประมาณ 100 คน - ที่อยู่ 975 Westtown Road, Westtown, PA 19395 - โรงเรียนตั้งอยู่ในบนภูเขา หรือ ในหุบเขา แล้วแต่จะนิยาม ถูกล้อมรอบโดยฟาร์มของ Quakers ทั่วด้าน โรงเรียนมีขนาด 600 เอเคอร์ ซึ่งรวมทั้ง ภูเขาส่วนตัว ทะเลสาบส่วนตัว และ ฟาร์มส่วนตัว ซึ่งถ้าน้องโชคดีก็จะได้มีโอกาสไปทำนา - โรงเรียนอยู่ห่างจาก Philadelphia เมืองใหญ่อันดับต้นๆของอเมริกาเป็นระยะประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถยนต์ หรือ หนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยรถไฟ ประโยชน์จากการอยู่ใกล้เมืองทำให้ซื้อของได้มากมาย สามารถไปวิสิท University of Pennsylvania มหาลัยอันดับห้าของสหรัฐอเมริกาได้สะดวก ไปนอนค้างกับพี่ๆได้ - โรงเรียนห่างจาก King of Prussia ห้างที่ใหญ่สุดในฝั่งตะวันออกของอเมริกาประมาณ 30 นาทีโดยรถยนต์ โรงเรียนจัดทริปไปฟรีประมาณสองอาทิตย์ครั้ง ที่ห้างมีเกือบทุกอย่างที่จินตนาการได้ ทั้งนี้ รวมถึง Apple Store

ภายในโรงเรียน

ตัว Campus มีขนาดเล็กมาก นักเรียนไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้รถบัสอย่างโรงเรียนชื่อดังบางโรงเรียนแต่อย่างดัง ถ้าต้องการสามารถกลิ้งจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่งในเวลาไม่เกินห้านาที ถ้าเดินก็ไม่เกินหนึ่งนาที

1. Main Building

ตึกใหญ่สุดของโรงเรียน มีขนาดยาวๆผอมๆ รวมทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน ตึกเรียน หอนอน โรงอาหาร ห้องสมุด ทั้งหมดเป็นตึกเดียวกัน ฉะนั้นไม่ว่าอากาศจะหนาวแค่ไหน นักเรียนก็ไม่มีความจำเป็นต้องออกไปนั่งตากลมรับหิมะแต่อย่างใด พื้นและเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นไม้ ให้ความรู้สึกคลาสสิค และ โปร่งสบาย ทั้งนี้ว่ากันว่าเนื่องจากการที่เป็นไม้ ทำให้ตึกทั้งตึกไหม้ได้ในสิบเอ็ดนาที

    main building เป็นที่อยู่ของห้องเรียนภาษาอังกฤษ ศาสนา และ ประวัติศาสตร์ 

2. หอนอน

แบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งชายและหญิง โดยที่ในแต่ละฝั่งอยู่บนชั้นสองและชั้นสามของ main building ซึ่งชั้นสองนั้นเป็นที่สำหรับเด็ก senior และชั้นสามสำหรับ junior ถ้าน้องที่มาเป็นเพศชาย จะได้อยู่ชั้นสองที่เรียกว่า Boy Second เป็นอย่างแน่นอน ในหอชายประกอยด้วยหอน้ำที่มีเครื่องซักผ้าพร้อมเครื่องอบที่ไม่คิดค่าบริการในตัว ทั้งสองฝั่ง ทุกห้องเป็นห้องคู่ เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสรู้จักกับผู้คน ซึ่งอาจจะโชคร้ายได้อยู่กับคนที่ไม่มีใครอยากอยู่ด้วยได้ บางครั้งคนในหอมักสร้างความอึกทึกครึกโครมอย่างรุนแรง ทำให้เสียสมาธิในการเรียนได้

3. Industrial Hall

4. Griffith Science Center

5. Athletic Center

6. Belfry

7. Meeting House

8. Theatre

9. Sport Field

10. Lake Forest (ที่ไม่ใช่ชื่อโรงเรียนแต่อย่างใด)

Location and Transportation

Suburban ครับ "suburban ของแท้แน่นอน ไม่มีที่ไหน suburban ไปกว่าที่นี่อีกแล้วค่ะ ทุกอย่างต้องใช้รถออกไป ไม่มีรถ = เสียชีวิต" (P'Pin 48) จริงอย่างที่พี่พิณว่าครับ คือ ที่นี่รถยนต์ส่วนตัวจำเป็นมาก (แค่จะออกไปยืนหน้าป้าย รร) ไม่มีการขนส่งมวลชนใดๆ ผ่านครับ วิธีการในการออกไปข้างนอกมีสามอย่าง คือ 1. Taxi โทรเรียกได้ ราคารับได้ 2. จีบเพื่อนที่มีรถไว้ หรือ อ้อนอาจารย์ให้ไปส่ง 3. Dorm Ride

ตอนเบรก จะมีรถบัสไปรับ-ส่ง สนามบิน

คือ โรงเรียนมันไม่ได้บ้านนอกนะ มีทุกอย่างให้ทำได้ ภายในระยะขับรถ 15 นาที โรงเรียนจะมีพาออกไปข้างนอก ด้วย Dorm Ride ทุกอาทิตย์ครับ ก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่อาทิตย์ จะขอกลับก่อนหรืออะไร ก็คุยกับคนขับรถครับ ตัวอย่าง สถานที่รอบๆ ที่ไปได้ครับ

Weather

หนาว

หนาวครับ ความจริงมันก็ไม่ได้หนาวอะไรมากมายนะครับ ไม่ได้หนาวไปกว่าพวกอยู่ New England เท่าไร แต่ว่ามันหนาวเร็วกว่า และเลิกหนาวช้ากว่า เท่านั้นเอง แต่ลมแรงกว่า แต่ก็ไม่แรงเท่าฝั่ง Illinois ครับ ที่พี่บันทึกไว้ หนาวสุดแบบไม่รวมลมมัน -1 F เองครับ

หิมะตก แล้วก็อยู่ในหิมะเป็นเดือนๆ แต่ว่าหิมะนี่สวยมาก ชอบ ถ้าฤดูหนาวที่ไม่มีหิมะ คงดูแย่น่าดู ยิ่งทางเดินไป Kingswood ก็จะเป็นหิมะคลุมทั้งหมด ทะเลสาบแข็งเป็นสีขาว มองไปเห็นโรงเรียนอีกฝั่ง สวยป่ะ

แต่มันหนาวเราก็อยู่ได้ครับ เพราะว่าโลกนี้มีฮีตเตอร์ แล้วการเดินทางใน รร ระหว่างอาคารก็ไม่ได้ลำบากครับ เพราะว่าที่นี่เค้าจะมีท่อความร้อนอยู่ใต้ทางเดินครับ เพราะฉะนั้นไม่ว่าหิมะจะตกหนักแค่ไหน ตรงทางเดินก็ไม่มีหิมะเกาะ อาจจะหนาวหน่อยตอนเดินไปขึ้นรถบัส

แต่อาจารย์ US History พี่บอกว่า "ไม่มีหรอกอากาศที่หนาวเกินไป มีแต่การแต่งตัวที่ยังไม่อุ่นพอมากกว่า" เพราะฉะน้ันถ้าเราแต่งตัวอุ่นๆ แล้วก็ไม่ต้องกลัวหนาวครับ

อีกอย่าง ข้อดี คือที่นี่อากาศดีครับ แปลว่า อากาศพยากรณ์ได้ ไม่แปรปรวนมีสามสี่ฤดูเหมือน NE หนาวก็คือหนาวไปเลย ห้าๆ

Food

กินได้

ไม่ได้ดีเลิศแบบ Cate ไม่ได้เอิ่มแบบ Kent กินได้ ดีกว่า Brewster

เป็นแบบ Buffet ทุกวัน เช้า กลางวัน เย็น กลางวันมีพิซซ่าให้กิน ไม่รู้จะกินไรก็กินพิซซาได้ มีสลัดบาร์ตลอด และ Sandwich Bar ไม่รู้จะกินไรก็กินนี่ได้ มี Mass Dessert ให้กินได้ ก็พอใช้ได้

เย็นวันอาทิตย์จะมี Ice Cream Sunday Brunch เสาร์ อาทิตย์ สั่ง Omelette ตามสั่งได้

ก็เรื่องอาหารก็อยู่ได้ครับ บอกตามตรง พี่กินพิซซ่าทุกกลางวันเลย ห้าๆ

ถ้าเป็นหอหญิง เค้าบอกกันว่า อาหารจะดีกว่า (ทดสอบแล้ว ไม่ได้ดีไปกว่ากันเล้ย)

อ้อ หอหญิงทำอาหารได้ครับ ก็ไปซื้อข้าวของเข้ามาเก็บตู้เย็นไว้ แล้วอยากทำอาหารไทยกิน แบ่งเพื่อนๆ ก็ทำกินได้ ผู้ชาย ทำไม่ได้ครับ เพราะว่าเค้ากลัวเราทำไฟไหม้ - -a แต่วันหยุด จะมี Faculty มาทำอาหารให้กิน เค้าก็จะขนครอบครัว มาอบคุ้กกี้ หรือทำ sandwich แปลกๆ ไรเงี้ย ขอกุญแจไปเปิด ต้มมาม่าได้

Academic

พอใช้ครับ ระบบการเรียนแบ่งเป็น 2 เทอมครับ เกรด A,B,C,D ตัด GPA A นับเป็น 4 เหมือนเมืองไทย, A- ได้ 3.75, B+ ได้ 3.25 A+ ไม่มีให้เพิ่ม ถ้าวิชา AP เอาไปบวกหนึ่งก่อน GPA เช่น ได้ A ใน AP History ก็ได้ได้เป็นค่า GPA = 5

ที่นี่เข้าใจความหนักหนาของการสอบและการทำการบ้านครับ ถ้าสมมติว่ามีกำหนดส่ง Major Paper หรือ Test อยู่แล้ว 2 วิชาในวันเดียวกัน น้องสามารถขอเลื่อนกำหนดส่ง หรือสอบ ของวิชาที่ 3 ได้ครับ (เห็นเพื่อนมันใช้กัน แต่พี่ยังไม่เคยใช้เลยอ่ะ ขี้เกียจสอบทีหลัง)

ไม่ได้ยากอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับง่ายจนไม่ต้องทำอะไร งาน ถือว่าสบายพอประมาณ เมื่อเทียบกับ รร อื่นๆ การเรียน จึงจัดว่า สบายพอสมควรครับ วิชาที่น้องต้องเรียน

1. US History

ของ รร เราจะสบายครับ เพราะว่าเป็นโปรแกรมที่จัดเพื่อ International Student เป็นพิเศษ อาจารย์ที่สอนใจดี และเข้าใจเด็ก inter ครับ เค้าก็จะเข้าใจว่าเรื่องภาษาเรายังใหม่ๆ เค้าก็จะหยวนๆ ให้ บางทีก็ช่วยสอนด้วย และเนื้อหา ก็ไม่ต้องไปบ้าคลั่งอะไรมาก สิ่งที่จะได้เรียนเป็นพิเศษคือ เรื่องอินเดียนแดงครับ ที่อื่นเค้าจะเริ่ม ประวัติศาสตร์อเมริกา กันที่ Columbus ของเราเริ่มที่ ทฤษฏีการอพยพ ของอินเดียนแดง ส่วนตอนที่เกี่ยวกับอินเดียนจะเรียนละเอียดเป็นพิเศษ เรื่องของเรื่องคืออาจารย์เค้าทำ ป.เอก ด้านนี้อยู่ครับ มีบางทีเค้าบอกว่า Text Book ผิดด้วย เท่มากๆ เค้าชอบเด็กไทยครับ ขอให้เค้าเขียน rec ให้ก็ดี แนะนำ

2. Math

ก็เรียน BC ดีกว่าเนาะ เป็น วิชาที่สูงสุดใน รร ละครับ ช่วงแรกจะสอน BC ช่วงหลังจะสอน Multi เนื่องจากพี่ถูกส่งมาเรียนคณิตศาสตร์ มันก็ไม่ได้ยากเท่าไรอ่ะครับ ก็เรียนไปสบายๆ ได้ครับ อาจารย์ "ฮา" มากๆ ครับ แต่ความจริงใจดี เครื่องคิดเลขพี่ชอบ TI-89 แต่ใช้สอบไม่ได้ ก็ถ้าเอา 89 มาก็ ไปบอก Fred (อาจารย์) ว่าขอยิมเครื่องคิดเลขตอนสอบนะ

3. Science

มันขึ้นอยู่ว่าน้องจะชอบเรียนอะไร แต่เค้าว่ากันว่า AP Physics เป็นวิชาที่ยากที่สุดของ รร นี้ ซึ่งพี่ว่าไม่จริง หะๆ ปีพี่เป็น AP Physics B ครับ แต่ปีน้องจะเปลี่ยนเป็น AP Physics C ก็น่าจะดีขึ้น (โดนส่วนตัว ง่ายขึ้น เพราะมันมีจำนวนเรื่องน้อยลง) พี่ชอบครุฟิสิกส์ครับ เพราะว่าเค้าเป็นครุฟิสิกส์ที่เข้าใจความสำคัญของคณิตศาสตร์ และเป็นครูฟิสิกส์ด้านทฤษฎี (ทำให้ไม่ค่อยมีคนอื่นชอบเท่าไร เพราะว่าบอกว่าสอนไม่รู้เรื่อง) แต่พี่ชอบเชิงนี้ บอกเอาไว้เป็นข้อมูล ฟิสิกส์ที่นี่ก็ไม่ได้ยากครับ แต่ก็ไม่ถึงกับสบาย คือปกติพี่ขี้เกียจไง ก็จะไม่ทำการบ้านฟิสิกส์​ (เพราะเค้าไม่ตรวจ) และก็จะอ่านวันก่อนสอบ คราวก่อนข้อสอบดันยาก เลยได้คะแนนไม่ค่อยสวยเท่าไร

เคมี เท่าที่ดูที่เพื่อนเรียนมา ก็ไม่ได้ยากอะไรคอขาดบาดตาย พอประมาณ

4. English

เค้าบังคับเรียนของ เกรด 10 อ่ะ ซึ่งจะแบ่งเพศ เด็กเมกันผู้ชายพวกนี้ ก็น่ารำคาญบ้างเป็นบางเวลา งานเยอะ น้อย ขึ้นอยู่กับอาจารย์ครับ ไม่ได้หนักมาก ไม่ได้ยากเกินความสามารถ พี่ก็ถูๆ ไถๆ จนรอดไปได้เทอมนึงละ

5. ESOL

จะเป็น ESOL ของเกรด 11-12 ครับ เค้าบังคับลง อาจารย์ใจดีมากๆ ชื่อ Ms.Apsey ไม่ค่อยได้เรียนอะไรมาก แต่ก็สบายดี คือจะไปขอให้เค้าตรวจ Essay ต่างๆ ได้ครับ แบบการบ้านวิชาอื่น หรือว่า college essay ให้เค้าตรวจก่อนก็ได้ครับ ลูกชายกับลูกสาวเค้า น่ารักมากๆ ปีนี้ตอนพี่จะไปชิคาโก แต่ รร มันปิดก่อนวัน รถไฟออก เค้าก็พาไปนอนบ้านเค้าครับ แล้วเค้าก็ไปหาซื้อของทำอาหารไทยมา ก็มาทำอาหารไทยกินกันเย็นนั้น ตอนกลับจากชิคาโก กลับมารถ Ms.Apsey เพราะว่าเค้าไปหาเพื่อนที่นั่น

6. Art

เค้าบอกว่า ที่นี่ art แข็งแรงมากๆ ควรจะลงไว้ครับ พี่ไม่แน่ใจว่าบังคับเปล่า ถ้าน้องอยากทำเรื่องดนตรี หรือ การแสดงก็ได้ครับ แต่พี่ไม่ถนัด ก็ทำเรื่อง Fine Art ครับ ก็สนุกดี ตอนแรกนึกว่าจะทำไม่ได้ แต่เรียนแล้วก็สบายใจดีครับ พี่ลง Sculpture เทอมแรก และ Metalsmith/Jewelry ตอนเทอมสอง

7. AP Computer Science

ไม่ได้บังคับ พี่ไม่ได้เรียนนะ เพราะว่าพี่อยากได้คาบว่าง แต่พี่ปีก่อนเค้าบอกว่าได้เกรดง่ายมากๆ

ผู้คน

อาจารย์

- อาจารย์คุมหอ: หรือเรียกว่า dorm parent ซึ่งจะผัดเปลี่ยน