ผลต่างระหว่างรุ่นของ "Tabor Academy"
(→ทำเนียบ Thai Scholars) |
|||
แถว 313: | แถว 313: | ||
* [[:Category:TS60|TS60]] (2017-2018): พลอยไพลิน พฤกษ์เจริญ (พลอย/P'Ploy) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [University of Washington] | * [[:Category:TS60|TS60]] (2017-2018): พลอยไพลิน พฤกษ์เจริญ (พลอย/P'Ploy) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [University of Washington] | ||
* [[:Category:TS61|TS61]] (2018-2019): รัฐธีร์ จารุศิลาวงศ์ (ต้า/P'Tar) ทุนโอ Computer Science [U of Wisc Madison] | * [[:Category:TS61|TS61]] (2018-2019): รัฐธีร์ จารุศิลาวงศ์ (ต้า/P'Tar) ทุนโอ Computer Science [U of Wisc Madison] | ||
+ | * [[:Category:TS61|TS61]] (2018-2019): นันท์มนัส หอมช่วย (มุก/ P'Mook) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์เเละเทคโนโลยี (Pennslvania State University) | ||
[[หมวดหมู่:Prep School]] | [[หมวดหมู่:Prep School]] |
รุ่นปรับปรุงเมื่อ 08:31, 5 พฤษภาคม 2562
Tabor Academy | |
ที่อยู่ | |
---|---|
66 Spring Street Marion, MA 02738 | |
ข้อมูลทั่วไป | |
วันสถาปนา | 1876 |
ผู้ก่อตั้ง | Elizabeth Taber |
ประเภท | College Preparatory School |
เว็บไซต์ | www.taboracademy.org |
Tabor Academy หรือโรงเรียนท่าบ่อ เป็นโรงเรียน college preparation ในมลรัฐ Massachusetts ตั้งอยู่ในบริเวณอ่าว Buzzard ที่เมือง Marion ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐซึ่งอยู่ใกล้กับแหลม Cape Cod ได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่มีทิวทัศน์ติดทะเลและมีบรรยากาศอันแสนโรแมนติกอย่างสุดลึกซึ้ง อุดมไปด้วยอาหารทะเลที่ทั้งสดและอร่อยรวมไปถึงตำนานการแข่งเรือใบและเรือโจรสลัด Tabor Boy อันเลื่องชื่อ นอกจากนี้ Tabor Academy เป็นโรงเรียนที่เหมาะกับพวกมีคณิตศาสตร์และฟิสิกส์เป็นลมหายใจ เนื่องจากหลักสูตรที่มีความซาดิสต์ผสมกลมกล่อม พร้อมที่จะให้ Thai Scholars ออกกำลังกายสมองอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญที่สุด โรงเรียนนี้ไม่มีข้อเสียเลยแม้แต่ข้อเดียว ซึ่ง Thai Scholars พยายามหาแล้ว แต่มันไม่มีจริงๆ
เนื้อหา
ความจริงของโรงเรียนท่าบ่อ (2016-2017)
0. Some videos: Welcome to Tabor Why Tabor Visit Tabor Tabor Has
1. มาวันแรกๆ (ช่วง international orientation) จะมี global partners มาประกบ กันงงกับการใช้ชีวิตที่นี่ เขาจะพาทัวโรงเรียน มีอะไรก็ถามเขาได้ [TS59: Global Partner ที่นี่ดีมากเลย เขาจะช่วยน้องจัดการกับชีวิตทุกอย่างเริ่มตั้งแต่ช่วยหาของเข้า dorm และในช่วง international orientation ก็จะมี Target trip ดังนั้นไม่ต้องขนทุกอย่าง Brewster เปลืองแรงเปล่าๆ]
2. อาจารย์คุยได้เข้าใจเด็ก มี office hours ไว้เผื่อตามเนื้อหาไม่ทัน (ปกติจะไปตอนมีงานเขียนใหญ่ๆ ไปคุยกะเขาก่อนต้องส่ง ยกระดับเกรด) [TS59 : ใช่ อันนี้จริงโดยเฉพาะคลาสอังกฤษกลับประวัติศาสตร์ ไปคุยกับเขาบ่อยๆ บอกปัญหาและจุดที่อย่างพัฒนา รับรองว่าเกรดสวยงาม เชื่อเพ่]
3. จะมีวันนึงตอน sep ที่เขาจับคู่ให้ american student แล้วไปกิน dinner กะครอบครัวเขา ก็จะทำความรู้จัก แล้วก็กลายเป็น host family ให้เราได้ [TS59 : แต่นี่ไม่ใช่ Host family ระวังเข้าใจผิดเพราะพี่โดนมาแล้ว Host dinner คือคนที่พาเราไป American dinner ส่วน Host family เป็นคนที่เราไปอยู่ด้วยระหว่าง Thanksgiving break ให้ดูดีๆ ทางที่ดีคุยกับ Mr.Downes ที่เป็น international director เอาไว้เนิ่นๆ]
4. อาหารดี มี stir fry ประมาณวันเว้นวัน มี pizza,soft serve เกือบทุกวัน ของทะเลสดเพราะติดทะเล ทำแซนวิชกินเองได้อะไรได้ [TS59 : Stir fly อร่อย กินกับสปาเก็ตตี้คลุกพริก อร่อยอย่างแรงเลย ซึ่งก็มี Stir fly วันจันทร์ อังคาร และพฤหัส วันอื่นก็มีอาหารอินเดีย แต่ที่แน่ๆ seafood 4วัน/สัปดาห์ ใครเซี่ยนอาหารทะเล กุ้ง หอย ปู ปลา มาเลยพี่น้อง! รับรองไม่พลาดแน่นอน]
5. มีทริปไป target กะ providence/boston ทุกอาทิตย์ [TS59: Target trip=Wareharm Crossing ซึ่งจะต้องรีบ sign up หลัง chapel วันพฤหัสของทุกอาทิตย์ วิ่งไป sign up กันทุกอาทิตย์ ใครดีใครได้]
6. เดินไป Dunkin Doughnut (แบบถ้าไปตอนเย็นลดเหลือลูกละ 0.25 ดอลนะเออ) มาร์ท Cumbies (คล้ายๆ เซเว่นบ้านเรา) ร้านอาหารไทย ได้ตามใจอยาก (ถ้าสนิทกะอาจารย์บางคน (Hartell/DaSilva) เขาอาจจะพาไปร้านอาหารไทยที่อร่อยกว่าได้) [TS59 : Clitantro นี่อร่อยสุดๆละนะ เดิน 10 นาทีถึง พี่สนิทกับเจ้าของ 555]
7. order อาหารจีน เกาหลี พิซซ่า มาก็ได้ถ้าขี้เกียจเดินไป dhall [TS 59: มีร้านอาหารไทยชื่อ Cilantro ซึ่งรสชาติให้เขาปรุงแบบคนไทยได้ แนะนำกะเพราะทะเล ข้าวผัด ต้มข่าไก่ ผัดไทยคลุกพริก อร่อยมั้ย ตอบไงดี สำหรับพี่ สัสๆ หร่อยชิบหาย ไปลอง!]
8. เป็นสนามสอบ SAT สามเดือน: oct nov dec (รวมถึง ACT ด้วย) เป็นสนามสอบ TOEFL ลับ (จัดสอบเฉพาะบางวัน และสมัครได้แค่เด็ก Tabor ทำให้คนสอบไม่เยอะ, สอบฟรี 1 ครั้ง) (TS60: จะมีตอนมกราอีกทีนึงถ้าเรายังไม่พอใจคะแนน (เป็นรอบสุดท้ายที่มหาลัยส่วนใหญ่รับ) พี่เคยสมัครสอบรอบ November ที่สนามสอบห่างจาก Tabor ประมาณ 30 นาที ตอนแรก Advisor บอกว่าจะติดต่อเรื่องเช่ารถให้ แต่สุดท้ายเค้าให้พี่อิ๋วไปรับไปส่งแทน สรุปคือวันนั้นฟรี ไม่ต้องจ่ายค่ารถ)
9. เรียนแบบ semester และปีพี่ไม่มีการสอบ midterm มันถูกเปลี่ยนเป็น major assignment แทน (จำพวก paper, project ซึ่งข้อดีคือถามอาจารย์ได้ ไม่เหมือนนั่งทำข้อสอบที่ถามไม่ได้ / แต่วิชาเลขกะวิทก็เป็นการสอบอยู่ดี) [TS59 : เหมือนมีฟิสิกส์อย่างเดียวมั้งที่มี final assessment] (แก้ไข: ตอนนี้ (2560) โรงเรียนเปลี่ยนเป็นระบบ trimester คือแบ่งเป็นสามเทอม มีสอบ exam รอบเดียวคือช่วงกุมภาก่อนปิด Spring Break มันดีตรงที่เราไม่ต้องไปกังวลกับเกรด winter term แล้ว โรงเรียนจะส่งคะแนนแค่เทอมแรกไปให้มหาลัยเลย แต่ข้อเสียคือถ้าเราทำไม่ดีเราไม่มีโอกาสไปแก้ตรงนั้นแล้ว 55555 อีกอย่างคือเราสามารถเลือกลง activity ตอนหลังเลิกเรียนได้มากขึ้นหนึ่งอย่าง แถมยังเปลี่ยนคอร์สเรียนที่เป็น trimester course ได้อีกด้วย)
10. อยู่ติดทะเล (จริงๆคือมหาสมุทร, สวยวิวดี) เป็นโรงเรียนที่ดีถ้าอยากเล่น sailing/canoeing/crew [TS59 : อันนี้จริง ถูกใจสายโรแมนติกแน่นอน แต่ sailing ที่นี่เล่นกันโหดนะ เหนื่อยเลยแหละ มา Tabor ไม่เล่น sailing ก็เหมือนไม่ได้มา แต่สำคัญมากคือต้องสอบ swim test ให้ผ่าน ที่ยากคือมันว่ายในมหาสมุทรไงครับ แต่พี่ก็สอบผ่าน 5555 เออ โรงเรียนเราไม่มีสระว่ายน้ำนะ มีแต่ทะเลและมหาสมุทร อยากว่ายไปหา partner ไปโดดลงทะเลเลย 555]
11. โรงเรียนเน้นคติ second chance เช่นผิดครั้งแรกจะไม่เปนปัญหาเท่าไรถ้าไม่ใช่เรื่องรุนแรงแบบยาเสพติดหรือ sex
12. ด้วยความเป็น second chance school ทำให้ first year senior เล่นกีฬาได้ทุกอย่าง (โรงเรียนส่วนมากจะอนุญาตให้ senior เล่นได้แค่ระดับ varsity ซึ่งโคดยาก อย่างบาสแม่งก็เหมือนเล่นกันจะไป NBA)
13. มี Fee Waiver สำหรับ Common App (ประหยัดเยอะมากกกก 555) [TS59 : ไม่มี Fee waiver สำหรับ Uncommon app พวก UC UT น่ะ ไม่มี จ่ายเองนะครับเพ่]
14. Uncle John (Student Center) ชื่อเดิมชื่อ Beebee มีโต๊ะ pool ไว้แทงเล่นกะเพื่อนๆ เกมละ $1 กะขายอาหารพวกฟาสฟู้ด, กาแฟ, ขนมปัง เผื่ออยากกิน [TS59 : เบเกอรี่อร่อย แต่ค่อนข้างแพงนะ]
15. มี Chapel ที่ต้องเข้าอาทิตย์ละสองครั้ง แต่มันเหมือนเป็นเวลาผ่อนคลายมากกว่า เวลาเข้ามันจะมีร้องเพลงนิดหน่อย แล้วก็มีคนมาพูดปลุก motivation/inspiration ในตัวคุณ
16. seniors ไม่มี light out แต่ถ้ามีรูมเมท ก็อาจจะมี [TS59: พี่อยู่ดอร์ม FOCSLE single in double room ชีวิตเลยดีขั้นสุด] (TS61: มีรูมเมทเฉยเลยจ้า เเต่ก็ดีนะ ไม่เหงานะ)
17. เนตตัดเวลา 11:30pm ติดอีกทีเวลา 6:00am แล้วยกเว้นคืนสวรรค์วันศุกร์กับเสาร์ (TS60: ปีพี่ senior เค้าจะไม่ตัดเน็ตนะ แต่จะมีรีเราท์เตอร์ตอนเที่ยงคืน ประมาณไม่ถึงนาทีก็กลับมาเล่นได้ ไม่ต้องกลัวเพราะว่าพี่ทำงาน+เล่นเน็ตดึกๆ ตลอด)
18. มีเรียนวันเสาร์บ้าง ประมานสองสามอาทิตย์ครั้ง (TS60: ไม่มีเรียนวันเสาร์แบบเป็นคลาสแล้ว แต่จะมี Saturday School ที่บังคับนักเรียนทุกคนทำกิจกรรมของโรงเรียน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนั่งฟังบรรยายกับ discuss ในห้องเล็กๆ ประมาณนี้)
19. ไม่ต้องซื้อ textbooks เอง โรงเรียนจัดหาให้ [TS59 : Diff Equa กับหนังสือสำหรับ English Elective ต้องซื้อ Text เองนะ หา used book ใน Amazon เอาไม่แพงหรอก ไม่น่าเกินเล่มละ 15 ดอล]
20. มีคลาสเลขที่ค่อนข้างโหดให้เลือกเรียน (Multivariable calculus/Linear algebra/ Differential Equation/ Probability Theory) ทำให้เนื้อหาไม่ซ้ำกะที่เคยเรียนมาจากไทย (Cal AB/BC ก็มีให้ลงเช่นกัน) [TS59 : เลขที่เรียนใน Tabor นี่มันส์มากเลย ดูข้างล่างได้ว่าเรียนอะไรกันบ้าง]
21. คนจะรุจัก Thai Scholars เพราะรุ่นก่อนๆ ทำผลงานไว้โหด (TS61: โดยเฉพาะ Mr.X TS59 คนนี้ดังโคตร ครูคณิตทุกคนรู้จัก 55555)
22. ช่วง Longweekend (เป็นวันหยุดสั้นๆ ของเทอมเล็ก ประมาณ 4-5 วัน) สามารถอยู่ที่ รร ได้
23. ไม่มี Breakfast checkin สำหรับ senior
24. ตอน Fall Semester มีกีฬาให้เลือกเป็น instructional program คือให้ลองกีฬา 3 อย่าง (อย่างละ 3 อาทิตย์) ก็ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ ไม่เครียด
25. มี community service ทุกอาทิตย์ (ไม่บังคับ แต่ต้องเก็บให้ได้อย่างต่ำ 20 points/semester)
26. ที่โรงเรียน Tabor มีคนไทยอยู่ประมาณ 4-7 คนซึ่งคนพวกนี้ก็ nice มากๆ เลย มีอะไรก็ไประบายได้
27. ที่มี Lunch 2block นะต้องดูตารางดีๆ เขาไม่อยากให้เด็กล้นโรงอาหาร
28. มี Art studio และ Hoyt hall(music practice) ให้ไปแก้เครียดได้
29. มี dorm checkin ตอนสองทุ่ม ก็มาจัดห้องให้เรียบน้อย สำหรับ senior ไม่มี study hall จะอยู่ห้องก็ได้ ไป Acadamic building หรือ Beebe ก็ได้แต่ต้อง Sealog โดย Sealog ก็แค่ Text message ผ่านระบบ บอก destination และเวลาก็จบแล้ว เวลากลับมาก็ Text คำว่า Back ง่ายๆแบบนี้เลย แต่ก็จำเป็นจะต้องใช้โทรศัพท์มือถือละ ไปหาบริการเอาตอนไป Target trip แนะนำ AT&T (TS60: เปลี่ยนจาก Sealog เป็นแอพพลิเคชั่น Reach Student)
30. checkin face-to-face วันเสาร์ 5.00-6.30 และวันอาทิตย์บ่ายโมง
31. พี่มีชีทสรุปและข้อสอบเก่าวิชา Multivariable Calculus / Differential Equation / Linear Algebra / Probability Theory/ AP Chemistry/ Adv.Phys ให้ ไม่ต้องห่วง ตั้งใจอย่างเดียว
ประวัติศาสตร์
Tabor Academy. (n.d.). Retrieved January 27, 2017, from http://www.aisne.org/tabor-academy/
ก่อตั้งโดย Mrs. Elizabeth Tabor ในปี 1876
Mrs. Elizabeth Tabor เกิดที่เมือง Marion, Massachusetts (สถานที่ตั้งโรงเรียน)
ขณะที่ครอบครับ Tabor ได้ย้ายไปอยู่ที่ New Bedford ลูก 3 คนของเธอตายตั้งแต่วัยทารก รวมทั้งสามีของเธอ Stephen Tabor ได้ตายภายหลังจาก Civil War
Mrs. Tabor จึงอาศัยอยู่คนเดียว และภายหลังต้องการทำประโยชน์จึงกลับไปยังเมือง Marion และเป็นส่วนในการช่วยสร้างสวนสาธารณะ ห้องสมุด Music Hall และโรงเรียน Tabor Academy
เธอตั้งชื่อโรงเรียน โดยให้สอดคล้องกับชื่อของเธอ และชื่อภูเขา Mt.Tabor ใน Holy Land
บุคคลสำคัญใน Tabor
- Mr.Steve Downes เขาเป็น international director ที่คอยดูแลเด็กนานาชาติ และจะคอนดูแลเรื่อง Host family, transportation และ passport ให้เรา ซึ่ง Mr.Downes เป็นคนที่ใจดีมากๆและเขาน่าจะเริ่มติดต่อกับน้องๆ ตอนเดือนพฤษภาคม เพื่อถามข้อมูลเรา ตอนอยู่ Brewster เขาจะมาเยี่ยมและซื้ออาหารไทยมาให้ทาน (ซึ่งนั่นคือสวรรค์ของคนที่อดอยากอาหารไทยมา 3 เดือนนน) หากมีปัญหาหรือธุระที่จะต้องออกไปนอก Bank เช่นไปปิด citizen bank และไปเปิด Bank of America (ซึ่งแนะนำ) หรือขอให้ไปรับส่งที่ New Bedford Bus terminal เพื่อเดินทางไป Winter program at Kemsley Academy ก็ไปบอก Mr.Downes เขาจะขับรถพาเราไปทำธุระให้
- Ms.Eileen Marceau เขาเป็น Dean of Study และเป็น Advisor ของพี่ด้วย ซึ่งคนนี้จะเป็นคนดูแลเราในด้านตารางเรียน คอร์ส เกรด และอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับ Acadamic ซึ่งเราจะได้เจอเขาประจำตอน All school meeting และ Advisor meeting เป็นอีกคนที่ช่วยเหลือ Thai Scholars มากๆ และถ้าหากมีปัญหาอยาก drop หรือลงคอร์สเพิ่ม เช่น independent study ก็ไปบอกเขา ที่ดีอย่างหนึ่งคือถ้า อาจารย์ ELS กับ college counselor ไม่ว่างพร้อมกันก็เดินเข้าไปหาให้เขาช่วยได้เลย เขาเซียนระดับจบมาจาก Harvard เลยนะเอออ
- Mr.Tim Cheney เป็น Director of college counseling และเป็น college counselor ของพี่ เขาเป็นคนมาใหม่แต่ไฟแรงเว่อร์ เป็น CC ที่ active มากที่สุดคนหนึ่งเลย (แบบมีปัญหาตอนสี่ทุ่มยังติดต่อได้เลย) และการนัดประชุมกับเขาได้เท่าที่เราต้องการ (ปกติประมาณ 2 อาทิตย์/ครั้ง) แต่ถ้าอยากรู้อะไรเป็นพิเศษก็ walk in เข้าไปเลย ถ้าเขาว่างเขาก็จะคุยกับเราได้ (พี่ได้คุยกับ CC ตลอดโดยไม่ต้องกังวลว่าคิวจะเยอะ เพราะการจัดตาราง CC ที่ Tabor Professional มาก) ต้องการ revise application และ essay ก็คนนี้แหละที่เป็นคนช่วยเราได้ดีที่สุดคนหนึ่ง
- Mr.Stephen Watt เป็นอาจารย์ในคลาส ELS ซึ่งเป็น class ที่ชิวๆ และเป็นคลาส pass/fail สำหรับพี่มันมีประโยชน์มากๆ เพราะนัดพบแค่ 2 ครั้ง/สัปดาห์ คือ class meeting เพื่อฝึกแกรมม่าและการอ่าน และ one-on-one meeting ที่เอา paper จาก English และ US History รวมถึง college essay ไปให้เขาช่วยแก้ได้ (ซึ่งมีประโยชน์อย่างสูงสุด เขาเป็นทำให้พี่เหลือแค่ 2 app ก่อนไป Kemsley คิดดูว่าโหดสัสขนาดไหน) อีกอย่าง เขาเซียนภาษาเยอรมันมากและเรื่อง revise paper นี่คนนี้ระดับตำนานใน Tabor เลย ( TS61: Mr.Watt ไม่สอน ESL class เเล้ว เพราะว่ารร.ยกเลิกคลาสนีไปเเล้ว ถ้าอยากให้เขาช่วยเรื่องภาษา ให้ไปติดต่อได้เลย เพราะว่า มุก TS61 เคยไปหาเขาบ่อยมาก Mr.Watt น่าร้ากกกกกมากกกกกก คุยเก่งมากๆด้วย)
- Mr.Paul White เป็นครูเลขในตำนานของ Tabor เป็นถึงดอกเตอร์ที่จบเลขสายตรงมาจาก Oxford University ระดับความเซียนนี่ไม่ต้องพูดถึง และเขาก็เป็นเจ้าของคอร์สเลข 4 จตุรเทพ (multi/prob theory/diff equa และ linear) มายาวนานถึง 40 ปี เขาเตรียมการสอนดีมากและตั้งใจสอนสุดๆ เป็นครูเลขที่ดีสุดและเซียนที่สุดเท่าที่พี่เคยเห็นมาในชีวิตเลยนะ ข่าวร้ายคือปีนี้เขาจะ retire แล้วป่ะะะะ TT คงต้องหาคนอื่นมาสืบทอด 5555 (TS60: เค้า retire แล้วนะ ปีนี้พี่เรียนเลขกับ Mr.Becker แทน เป็นคนที่ตลกมากและมี energy ตลอด เค้าจะชอบให้เด็กปรึกษากันในห้องมากๆ)
- Mrs.White หรือพี่อิ๋วเป็นคนไทย เขาเป็นภรรยาของ Mr.White ที่สอนอังกฤษ เขาชอบ invite เด็กไทยไปทานอาหารเย็นที่บ้านแล้วฝีมือการทำอาหารของเขานี่ก็เข้าขั้นเซียน เขาทำงานที่ Tabor shop บน Academic building เครียดอะไรก็ไปคุยกับเขาได้
สถานที่สำคัญใน Tabor
- Chapel เป็นโบสถ์ประจำโรงเรียน ซึ่งจะมี Chapel ทุกวันจันทร์กับวันพฤหัสบดี ที่ชั้นใต้ดินมีบริการ ซักรีด Laundry มีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบแห้งให้บริเวณข้างใต้ Chapel จำนวนอย่างละ 10 เครื่อง (สามารถเพิ่มเวลาได้) แต่ไม่มีเตารีดให้ ตั้งแต่รุ่น TS59 Tabor Academy เปลี่ยนนโยบายเป็นซักและอบฟรี ไปซื้อแค่ detergent กับ sheet มาก็พอ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้บริการ E&R ซึ่งจะมารับผ้าไปซักรีดให้ แม้สะดวกกว่าแต่เสียค่าใช้จ่ายมากกว่ามหาศาล อันนี้ก็แล้วแต่ เพราะบาง dorm ที่อยู่ริมทะเลสาบ เช่น Dagget กับ knowlton นี่ก็ไกลจาก Chapel พอสมควร (TS60: ขนาดพี่อยู่ Heath ใกล้ Chapel มากยังขี้เกียจเดินเลย)
- Academic building หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า Acky มีทั้งหมด 3 wings คือ ปีก English/History , ปีก Classical/Modern language และปีก Math/Science บรรยากาศดี ห้องเรียนสวย (ห้องเรียนแลปเคมีโรแมนติกมากยิ่งตอน fall กับ spring นี่ทำแลปแล้วโคตรฟิน) มีห้องประชุมใหญ่ คือ Lyndon North/South และมี Tabor shop ที่มีพี่อิ๋ว (Mrs.White) เป็นคนดูแล เครียดอะไรไปคุยกับเขาได้เหมือนกัน หรือไปให้เขาสอนทำอาหารก็ได้นะ
- Library เป็นห้องสมุดที่เดียวในโรงเรียน มีห้องคอมพิวเตอร์ Arm Conference room และห้องประชุมย่อยสุดคลาสสิกอีก 2 ห้อง เวลามีสอบ Toefl ก็จะมาสอบที่นี่กัน ปกติเปิดตลอดวัน 7.00-21.00 แต่วันเสาร์ที่ไม่มี Saturday class จะปิดและวันอาทิตย์เปิดตอนบ่าย
- Lillard hall อาคารเหลืองยาว highlight จองโรงเรียนเป็น dorm ที่ใหญ่ที่สุด ทางด้านขวาเป็นที่ตั้งของ Johnson dinning hall
- Johnson dinning hall เป็นโรงอาหารของโรงเรียน ดูรายละเอียดในหัวข้อของกินได้เลย
- Dorm Knowlton/Daggets/Focsle เป็น dorm ฝั่งทะเล และ Front street ทำให้มีทัศนียภาพที่สวยงามและโรแมนติกมาก เป็นที่อยู่ของ TS มาหลายรุ่น (56 Knowlton/57 Daggets / 59 Focsle) ซึ่งสภาพหอค่อนข้างดีกว่า dorm upper campus มากทีเดียวและเป็นส่วนตัวกว่ามาก พี่ TS59 ได้ single in double ใน Focsle ซึ่งจริงๆ แล้วมันคือบ้านเดี่ยวชัดๆ ทั้งบ้านอยู่กัน 9 คน ฮ่าฮ่าฮ่า
- Sailloft เป็น dorm เก่าแต่ตอนนี้เป็นบ้านของ Mr.Steve Downs ไปแล้ว อยู่หลัง dorm Focsle
- Upper campus -> Pokoik/Heath/Hitchcock/Makepeace/Williams/Spring เป็นที่อยู่ของ dorm หลัง Chapel ถัดขึ้นไปทาง Spring street (TS60: พี่อยู่ Upper Campus (ได้ห้อง dingle คืออยู่คนเดียวในห้อง double room ที่ทุกคนจะอิจฉา) ชีวิตช่วงเปิดเทอมแรกๆ คือขี้เกียจเดินมาก แต่เทอมนี้ (Spring)ที่โรงเรียนเพิ่งมีจักรยานให้เด็กๆ ใช้ประมาณ 25 คัน (ซึ่งบางทีคนก็เอาไปใช้หมดอยู่ดี) แต่ถือว่าออกกำลังกายก็ได้)
- Dorm Baxter/Matsumura เป็น dorm ที่ค่อนข้างจะใหม่ที่สุด อยู่คนละฝั่งกับ Knowlton Thai scholar ยังไม่น่าจะมีคนเคยมาอยู่ดอร์มนี้ เป็นดอร์มที่ทำเลค่อนข้างดีเพราะใกล้ Dining Hall, Library และ Acky จะไม่ต้องเดินเยอะมาก พี่(TS 60)มีเพื่อนสนิทอยู่ Baxter เลยไปเที่ยวค่อนข้างบ่อย ที่ดีคือสองดอร์มนี้จะมีเครื่องซักผ้าภายในดอร์ม ไม่ต้องเดินไปไกลถึง Chapel)
Dorm Bushbell--> The oldest Building at Tabor Academt เป็น dorm ที่เล็ก มีคนประมาณ 12 คน dorm parent ที่อยู่ในหอ คือ Ms.Su กับ The Reimolds + Gus the doggo. ข้อเสียคือ common roomเล็ก, ด้วยความที่มันเก่ามาก เวลาอากาศชื้นจะได้กินสาบนิดๆ เดินลงเท้าหนักไม่ได้ เพราะได้ยินทั้งหอ โดยเฉพาะชั้นล่างที่ the reimolds อยู่ เเละหอนี้มีเรื่องเล้านะจ้ะ หอนี้มีผีค่ะ เเต่พี่ไม่เคยเจอนะ ข้อดีคือ ห่างจากโรงอาหารเเค่ 50 ก้าว เเล้วก็คนน้อย ไม่ค่อยมั่ว ไม่มีดราม่า ไม่มีประวัติคนขโมยของ (added by Mook TS61)
- 66 Spring St เป็นที่รับของและพัสดุทั้งหลาย อยู่ตรงข้ามหอสมุด
- Hoyt hall เป็นอาคารริมมหาสมุทร มีหอประชุมใหญ่สำหรับ All school meeting หรือพิธีการใหญ่ๆ และมีห้องฝึกดนตรีทั้งสองฝั่ง
- Braitmayer Art Center มีอยู่ 2 ปีก คือ ปีก Studio Arts และปีก Ceramics
- Fish Center เป็นยิมของโรงเรียน มี Fitness center และ Bee มีสนามในอาคารขนาดใหญ่ชื่อ Field house ลาน ice hockey และห้องตี Squash อีกด้านมีห้อง Wresting room สนาม Badminton และสนามบาสอีกแห่ง บางครั้ง Fish field house ถูกใช้เป็นสนามสอบ SAT และแอร์เย็นโคตร
- Beebe เป็นร้านกาแฟและเบเกอรี่ใน Fish center ต้องใช้ Credit card หรือบัตร TaborBucks ในการซื้อของกิน ขนมและน้ำปั่นอร่อย แต่ค่อนข้างแพง เอาไว้ช่วยชีวิตสำหรับคนที่อยู่ dorm Knowlton/Dagget/Focsle ตอนตื่นไม่ทันหรือโดนพายุหิมะถล่มแล้วขี้เกียจเดินไป Dinning hall ซึ่งค่อนข้างไกล
อาหารและแหล่งของกิน
Johnson dining hall เป็นโรงอาหารของโรงเรียน ซึ่งอาหารถูกใจขาซีฟู้ดแน่ๆ ใครอยากกินอาหารทะเลละก็ โรงเรียนนี้นี่ตำนานสัสๆ มีเสิร์ฟประมาณ 4 ครั้งต่อสัปดาห์ (หรืออาจจะมากกว่านี้) เพราะตลาดของทะเลอยู่ไม่เกิน 10 นาที ที่สำคัญมี stir fly 3 ครั้งต่อสัปดาห์และมีพริกและซอสปรุงได้ตามใจชอบ วัน M/T/W/TH/F เปิด 6.45-7.45 / 11.20-13.30 / 17.00-19.00 วันเสาร์และวันอาทิตย์มี Brunch (9.00-12.00) ช่วงวันเรียนตอนเที่ยงคนจะเยอะ ทำให้พี่มีแผนตารางการกินชั้นเซียน (พี่รู้หมดว่าเมนูวันไหน แม่งวันไหน มีไรบ้าง คนอื่นไม่ได้แดกกูแน่นอน หรือ ถ้าวันไหนไม่หรอยกูเผ่นไป Cilantro ฮ่าฮ่าฮ่า)
Cilantro เป็นร้านอาหารไทยที่อยู่ตรง Route 6 เป็นร้านอาหารไทยที่อร่อยสัสๆๆๆๆๆ (อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาในอเมริกาแล้ว) ราคาก็ประมาณ 15-25 ดอลต่อมื้อตามค่าครองชีพในรัฐ Massachusett เจ้าของร้านเป็นคนไทยและใจดี พี่สนิทกับเข้าอยู่ เมนูแนะนำคือ ผัดกะเพรา(หมู/ไก่/ทะเล) ต้มยำกุ้ง ต้มข่าไก่ ผัดไทย ซึ่งกะเพรานี่มันระดับเซียนเลย เขามีบริการส่งอาหารไทยเข้า Tabor campus ด้วยเพราะเด็กสั่งบ่อยและเข้ารู้ทุก dorm แต่ส่วนใหญ่พี่ก็เดินไปกิน ไม่ไกล ประมาณ 10 นาที ก็ถึง แต่ต้องขอ permission โดย Sea log ก่อนนะ มา Tabor นี่อย่าพลาด Cilantro เชียว เหมือนชีวิตขาดรสชาติ ฮ่าฮ่าฮ่า
Sports, Music & Arts
Credit & Picture : Explore more in this link : http://www.taboracademy.org/page/athletics
Fall offerings
- Active interscholastic : Cross Country / Field Hockey / Football / Soccer / Tabor Boy(Co-ed)
- Active Non Interscholastic : Dance / Strength& Conditioning / Instructional program (Squash/Tennis/Golf/Crew/Sailing)
- Non active activities : Art / Ceramics / Drama / Applied Music / Communication / Photo pool
Winter offerings
- Active interscholastic : Basketball / Ice Hockey / Squash / Wrestling
- Active Non Interscholastic : Musical (Cast/Crew) / Strength& Conditioning
- Non active activities : Art / Ceramics / Drama / Debate / Applied Music / Photography
Spring offerings
- Active interscholastic : Sailing / Crew / Tabor Boy (co-ed) / Baseball / Competitive dance / Golf(co-ed) / Lacrosse / Softball / Tennis / Track&Field
- Active Non Interscholastic : Senior program / Strength& Conditioning
- Non active activities : Art / Ceramics / Communication / Applied Music / Photography
การเดินทางและเทคโนโลยี
- Boston/Providence trip โดยมีระยะทาง 30 min ถึง providence,RI และ 45 min ถึง Boston มีให้ sign up ทุกอาทิตย์ เพราะโรงเรียนนี้ ไม่"ป่า" ครับ !!!
- Break traveling มีรถไปสนามบิน Providence และ Logan airport คิดเงิน 15 ดอลและให้ sign up กับโรงเรียน แต่สบายๆ เพราะ charge เข้าบัญชีและ Mr.Downes หรือ Mr.Dasilva จัดการให้
- การเดินทางจาก Brewster Academy จะมาถึงโรงเรียนในช่วง 3-7 September โดยมีคนขับรถมาส่ง
- การเดินทางไป Kemsley Academy (Winter program) อาจเดินทางไปที่ Logan Airport แล้วมีคนมารับหรือให้ Mr.Downes ขับรถไปที่ New Bedford bus terminal แล้วนั่งบัสผ่าน Providence,RI ไปที่ Springfield จะมีคนมารับที่นั่น ทั้งนี้ให้เช็คสภาพอากาศด้วยเพราะบางครั้งก็อาจโดนพายุหิมะเล่นงาน
- อินเตอร์เน็ต มีอินเตอร์เน็ตภายในดอร์ม และระบบ Wireless ในอาคารเรียนและห้องสมุด อินเตอร์เน็ตตัดหลัง 5 ทุ่ม 30 นาที, บล๊อก BitTorrent และ FTP แต่สามารถหลีกเลี่ยงโดยใช้โปรแกรมช่วยได้ อินเตอร์เน็ตความเร็วเฉลี่ย 5-20M (Local) (2556)
- คอมพิวเตอร์-ปรินเตอร์-เน็ตเวิร์ค มีห้องคอมพิวเตอร์พร้อม Printer ให้ใน Study Area (Academic Building), ห้องสมุด และ Printer laser สีใน International Center แต่ไม่สามารถสั่ง print จากดอร์มได้เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องต้องนำไปลงทะเบียนเน็ตเวิร์คกับโรงเรียน และโรงเรียนจะลง anti-spy/virus ให้ (แต่จริงๆ ไม่จำเป็น เพราะพบว่าไม่ต้องไปลงทะเบียนก็ใช้งานได้ปกติ)
- ปัจจุบันเปลี่ยนระบบปรินเตอร์เป็นการส่งเมลล์ไปที่ printing@taboracademy.org แล้วค่อยเอาบัตรนักเรียนไปแตะที่ printer อันไหนก็ได้
วิชาการ
ตั้งแต่ TS60 เป็นต้นไปโรงเรียนจะเปลี่ยนไปใช้ระบบ Trisemester แทนระบบเก่า semester ทำให้ตารางเรียนและวิชาอาจจะเปลี่ยนไปจากรุ่น TS59 ได้
ทางโรงเรียนได้เปิดวิชาเรียนมากมายแก่นักเรียน และมีความเข้มข้นทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์พอสมควร
การลงวิชาเรียน
นักเรียนทุนรัฐบาลไทยจะได้รับการติดต่อจากทางโรงเรียนก่อนเดินทางมาสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการลงวิชาเรียน [TS59: Advisor จะส่งอีเมลล์มาหาเราช่วงอยู่ Brewster เกี่ยวกับ course preference อารมณ์ส่ง course list มาให้ Ms.Marceau อาจารย์ที่ปรึกษาพี่ list แต่คอร์สที่ยากที่สุดในโรงเรียนมาให้ ฮ่าฮ่าฮ่า] สำหรับโรงเรียนเทเบอร์นั้นจะแบ่งการเรียนการสอนออกเป็น 8 คาบ (รวมคาบว่าง) วิชาของโรงเรียนนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ Major (วิชาเต็ม, 1 หน่วยกิต) และ Minor (วิชาสบายๆ เช่น ศิลปะ ดนตรี เป็นต้น, 0.5 หน่วยกิต) โดยทั่วไปแล้ว นักเรียนโรงเรียนนี้จะลง 5 Majors/5 Majors+1 Minor/6 Majors แต่สำหรับนักเรียนทุนรัฐบาลไทยแล้ว ทางโรงเรียนจะวางแผนการลงวิชาเรียนดังนี้
กรณีวิชาบังคับ
- English 4 (อันที่จริงนักเรียนชั้นปี senior จะต้องลง English 4 หรือ AP Literature) แต่โดยส่วนมากทางโรงเรียนแนะนำให้ลงวิชานี้ ทาง รร จะจัดครอสนี้ให้ตามคะแนน TOEFL ที่เราได้ตอนจบ Brewster
- US History (อัพเกรดเป็น AP US History ได้ แต่ไม่แนะนำ เพราะเรียนยาก+เสียเวลา) เป็นวิชาบังคับจบของโรงเรียน เนื่องจากเรามาเรียนปีเดียว ดังนั้นเราต้องเรียน
- English Language Support (Minor) เป็นวิชาที่จัดให้นักเรียนทุนรัฐบาลไทยถึงแม้นักเรียนผู้นั้นจะไม่มีปัญหาภาษาอังกฤษมากก็ตาม เป็นคอร์ส Pass/fail และไม่ปรากฏใน Transcript คลาสนี้จะให้รวมกลุ่มกันเรียนทักษะภาษาอังกฤษทั่วไปอาทิตย์ละครั้ง ส่วนอีก 4 วันจะเป็นประชุม 1:1 กับอาจารย์ เค้าจะช่วยดูเรื่องงานเขียนเราพวก UShis, English, college essay ให้ มีประโยชน์มากๆ คอร์สนี้มีแต่ช่วยกับช่วย บังคับลงแค่ช่วง fall semester (TS60: ปีนี้ไม่มีแล้ว)
กรณีวิชาเสรี
- คณิตศาสตร์ นอกจากคอร์สทั่วไปแล้ว โรงเรียนเทเบอร์ได้เปิดคอร์สระดับ AP และ POST-AP แนะนำตอน fall ให้ลง 2 ตัวมี Multivariable Calculus กับ Probability Theory และตอน Spring จะมี 3 ตัวคือ Differential Equations , Linear Algebra และ Probability Theory (ภาค 2) ขอให้สนุกนะฮาฟฟฟฟ น้องๆ ทุกท่านดังนี้
AP Statistics AP Calculus AB/BC POST-AP Multivariable Calculus POST-AP Linear Algebra POST-AP Differential Equations POST-AP Probability Theory (เป็นคอร์สที่สนุก ท้าทาย และเปิดอยู่ไม่กี่โรงเรียน แนะนำให้ใครที่พอมีพื้นฐานแคลคูลัสลง)
- วิทยาศาสตร์ นอกจากคอร์สทั่วไปแล้ว โรงเรียนเทเบอร์ได้เปิดคอร์สระดับ AP และ POST-AP ดังนี้
AP Chemistry AP Physics C (M&E) AP Biology POST-AP Organic Chemistry (ยังไม่เปิดสอน) POST-AP Advanced Topics in Physics (New course!!! TS59)
- วิชาใน History และ English Department
AP Economics AP US History AP World History AP English Language (สำหรับ junior) AP Literature (สำหรับ Senior)
- ศิลปะ (Minor) เช่น วาดรูป เซรามิกส์
- ดนตรี (Minor) มีเกือบทุกรูปแบบ
ในกรณีวิชาเสรี เราควรลงประมาณ 3 ตัว (หรือ 3 Majors + 1 Minor) นอกจากนี้ ทางโรงเรียนบังคับลงคณิตศาสตร์ แต่ไม่บังคับลงวิทยาศาสตร์ ดังนั้นกรณีหนึ่งที่เป็นไปได้คือการลงวิชาคณิตศาสตร์ 2 ตัว และวิชาอื่นๆ อีก 1 ตัว อันที่จริง เนื่องจากวิทยาศาสตร์โรงเรียนนี้เปิดสูงสุดถึงระดับ AP ซึ่งนักเรียนจากโรงเรียนบางโรงเรียนในไทย (เตรียมอุดมศึกษาและมหิดลวิทยานุสรณ์) จะเคยเรียนเนื้อหาภายในมาแล้วเป็นส่วนใหญ่ (ดังใน AP Chemistry และ AP Physics B) ทำให้อาจเกิดความเบื่อหน่ายจากการเรียนซ้ำได้ จึงขอแนะนำให้พิจารณา AP Physics C หรือ AP Biology แทน (จะทำให้ transcript ดูดีขึ้นหากอยากลงวิทยาศาสตร์) [TS59 : โรงเรียนมี Art requirement ก่อนจบ แต่เราไม่ต้องลงคอร์ส Arts ก็ได้โดยเลี่ยงไปทำ Ceramics หรือ Studio Arts ที่เป็น afterschool ในช่วง winter แทน สนุกนะบอกให้ แถมได้ Arts credit ตาม requirement ด้วย]
ระบบเกรด
ทางโรงเรียนใช้ Numeric Scale กล่าวคือ 0-99 (ไม่มี 100 เพราะโรงเรียนเชื่อว่าไม่มีมนุษย์ใดสมบูรณ์แบบได้) นอกจากนี้ยังได้เทียบเป็นระบบ 4.00/ABCDF ดังนี้
- 90-99 = 4.00 (A)
- 87-89 = 3.67 (B+), 83-86 = 3.33 (B), 80-82 = 3.00 (B-), ... เป็นลำดับถัดไป
ความยากง่ายของเกรด
สำหรับโรงเรียนเทเบอร์ ในหมวดวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์นั้น เนื่องจากเป็นการเรียนโดยวัดผลจากการสอบเป็นส่วนใหญ่ (ทำถูกได้คะแนน ทำผิดเสียคะแนน) จึงทำให้นักเรียนทุกคนมีโอกาสที่จะทำเกรดเกิน 90 ถึงระดับสูงสุด 99 ได้ไม่ยากมาก (สำหรับนักเรียนทุนรัฐบาลไทย เนื่องจากมีพื้นฐานที่ดีมาก่อนหน้านี้แล้ว) ส่วนวิชา English นั้น ที่ผ่านมาในรอบสองปี (2013-2014) ไม่มีผู้ได้ได้คะแนน English 3 สูงกว่า 94 (นั่นคือไม่มีผู้ใดได้ A+) นอกจากนี้วิชา US History ยังเป็นวิชาหินของนักเรียนทุนรัฐบาลไทย เนื่องจากไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์อเมริกาเหมือนเด็กอเมริกันมาก่อน ทำให้โอกาสทำเกรดสูงกว่า 90 มีไม่มากนัก (แต่ก็มีโอกาสและต้องขยันอ่านจริงๆ ซึ่งจะเสียเวลาพอสมควร) สรุปคือวิชาในหมวด English และ History จะกดค่าเฉลี่ยระดับคะแนนลง แต่วิชาในหมวดคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จะดึงคะแนนขึ้น
ตารางเรียนรายวัน
คำอธิบายรายวิชา
เนื้อหานี้เขียนโดย TS59 ซึ่งค่อนข้างมีความ subjective สูง รุ่นน้องอาจเจอประสบการร์ที่แตกต่างกัน แต่พี่ต้องการให้ข้อมูลน้องเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าเราจะ Take course ไหนดี ซึ่งถ้าเราจะชอบ ชีวิตเพรพสคูลมันก็จะดีขึ้นและไม่มีวันน่าเบื่อเลย ลองดูอ่านละกันนะฮาฟฟฟฟ
POST-AP Multivariable Calculus (แคลคูลัสหลายตัวแปร) by Mr. Paul White
เป็นคอร์ส half-year เปิดเฉพาะ fall-semester ความยากจะประมาณ calculus 3 ที่เรียนในปีสองภาคคณิตศาสตร์หรือวิศวกรรมศาสตร์ในเมืองไทย ซึ่งเนื้อหาก็จะเป็นการวิเคราะห์ทางแคลคูลัสของฟังก์ชันที่ซับซ้อนกว่า single variable calculus มีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะน้องที่สนใจทางด้าน engineering, geophysics, physics, economics หรือ applied mathematics น่าจะต้องมีความรู้ทางด้าน infinite series, taylor serires และ polar coordinate analysis มาบ้างจึงจะทำให้สามารถเรียนได้อย่างราบรื่น การเรียนจะเป็นแบบ lecture และจะมี problem set ตามหนังสือ textbook มาให้ทำ ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ได้บังคับให้ส่ง (เป็น optional) แต่การฝึกฝนก็จะทำให้การสอบเก็บคะแนนราบรื่น การเก็บคะแนนใช้การสอบเก็บคะแนนรายบท (chapter) และมีการสอบย่อย (quiz) ไม่มีการสอบ midterm และการสอบ final แต่อย่างใด และใช้ Textbook : Multivariable (Anton 9th edition) Chapter 11-15 ซึ่งทางโรงเรียนมีไว้ให้แล้ว ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ คอร์สนี้เหมาะสำหรับคนที่เรียน AP Calculus BC จบแล้ว (มีอีกคอร์สที่เป็นพื้นฐานคือ AP Calculus BC) แต่ถ้าเป็นคนเก่งเลขและฟิสิกส์ก็ลงได้เลย คุยกับ Advisor เอาตอนอยู่ Brewster ก็ได้
POST-AP Probability Theory (ทฤษฎีความน่าจะเป็น) by Mr. Paul White
เป็นคอร์ส full-year (แต่ถ้าเป็น TS สามารถ take concurrently พร้อมกับ Multivariable calculus ได้) คอร์สนี้ยากที่สุดใน Tabor Academy แล้ว เป็นคอร์สสำหรับแฟนคณิตศาสตร์ตัวจริง และทำให้การเรียนคณิตศาสตร์ในโรงเรียนอเมริกันเป็นอะไรที่สนุก ท้าทาย และน่าจดจำ เหมือนเดิม น้องๆ ที่สนใจทางด้าน engineering, geophysics, physics, economics หรือ applied mathematics โดยเฉพาะนัก stat ทั้งหลาย ไม่ควรพลาดคอร์สนี้ ผู้ใดชื่นชอบเกมในบ่อน Casino และอยากรู้ว่าเล่นยังไงไม่ให้แพ้เจ้ามือ ก็คอร์สนี้นี่แหละจะสอนทุกศาสตร์แห่งความน่าจะเป็นที่คุณควรรู้ ความมันส์ก็ไม่ได้แพ้เนื้อหาเลขในค่ายฟิสิกส์โอลิมปิกแต่อย่างใด แน่นอนว่าผู้ที่จะลงควรจะมีความรู้พื้นฐานเรื่อง infinite series, taylor serires, combinatorics, graphing, complex number, diffrential equation (แบบง่ายๆ) และ multivariable caluclus มาบ้าง (ตรงนี้ไม่ต้องกังวล หลักสูตร Mr.White น่ะเซียนมากขอบอก เรียน multiple integral กับ parial derivative เสร็จก็เอามาใช้ได้ทันที) การเรียนจะเป็นแบบ lecture และจะมี problem set ตามหนังสือ textbook มาให้ทำ ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ได้บังคับให้ส่ง (เป็น optional) แต่การฝึกฝนก็จะทำให้การสอบเก็บคะแนนราบรื่น ก็มีการสอบเก็บคะแนนรายบท (chapter) และมีการสอบย่อย (quiz) ไม่มีการสอบ midterm และการสอบ final แต่อย่างใด ใช้ Text book : Fundamentals of Probability (Saeed 2th edition) Chapter 1-11 + special topic ซื้อไม่แพง แต่ต้องหาเอง พี่สั่งจาก Amazon ถ้าเป็น version เก่าไม่ถึง 15 ดอลด้วยซ้ำ หนังสือถูกมาก แต่ดีโคตรรรร คอร์สนี้เหมาะสำหรับ คนที่เรียน Multivariable calculus จบแล้ว (แต่โดย general TS ก็ลงพร้อมกันกับ probability theory ได้ ไม่มีปัญหา) โดยทั่วไปมักเป็นผู้คลั่งอนุกรมอนันต์ นักพนัน พวกชอบเสี่ยงดวง พวกเด็กเลข และเซียนฟิสิกส์ทุกท่าน(ซึ่งสิ่งที่ ดร.วุทธิพันธ์(หรือป๋า) สอนในค่ายจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน)
September : (CH 1-2) Sample space and event, basic theorem, set theory, counting principle, tree diagram, permutation, combination, Stirling’s formula
October : (CH3-4) Conditional probability, Law of Multiplication, Law of Total Probability, Bayes’ formula, Independence, random variable, distribution function (pdf), probability mass function (pmf) discrete random variable, expected value, variance
November : (CH5-6) special discrete distribution (Bernoulli, Binomial, Poisson, Negative binomial, geometric, hypergeometric), continuous distribution, probability density function (pdf), method of transformation, expected value, variance
December : (Special handout) generating function, probability generating function (pgf)
January : (CH7) Special continuos distribution (uniform, normal, exponential. gamma and beta) >> ซึ่งมันส์มากเพราะทุกอย่างในจักรวาลแห่งแคลคูลัสจะมายำกันเละ มันส์สาสสสสสสส ขอบอก
POST-AP Differential Equation (สมการเชิงอนุพันธ์) by Mr. Paul White
เป็นคอร์ส half-year เปิดเฉพาะ spring-semester และเป็นภาคต่อจาก Multivariable calculus หรือ calculus BC ซึ่งก็จะเปิดในช่วงเทอม 2 (spring term) ความยากก็จะเป็นเนื้อหา cal4 เมืองไทย ซึ่งน้องจะได้เจอกับเทคนิคการแก้ diff equa ในหลากหลายรูปแบบ คอร์สนี้จะเน้นการนำไปประยุกต์ในปัญหาฟิสิกส์ วิศวกรรมและคอมพิวเตอร์ ด้วย ดังนั้นสายคำนวณไม่ควรพลาด และคอร์สนี้มีสอนเกี่ยวกับ numerical method และ computatiobal graphic calcultation ก็จะสนุกไปอีกแบบ สำหรับคนที่มีพื้นฐาน diff equa มาบ้างแล้ว คอร์สนี้อาจจะง่ายไปบ้างนะ (ซึ่งแน่นอนว่าค่อนข้างง่ายกว่า multi ในเทอม fall เลย) แต่เรียนค่อนข้างคลุมเนื่อหาทั้งหมด (เรียนตั้งแต่ first order ยัน Lapalce transform เลยอ่ะ) ซึ่งก็ดีไปอีกแบบ คะแนนก็มาจากการสอบอย่างเดียว (สไตล์ Mr.White) ซึ่งก็ควรทบทวนและอย่าสะเพร่าก็พอ (เพราะมันหลอกเยอะมากกกก) คะแนนมาจากการสอบเก็บคะแนนรายบท (chapter) และมีการสอบย่อย (quiz) ไม่มีการสอบ midterm และการสอบ final แต่อย่างใด ใช้ Textbook : Textbook Differential Equation Computing & Modeling (Edward 4th edition) ซึ่งต้องหาซื้อเอง จาก Amazon ก็ประมาณ 20 ดอลแต่เดี๋ยวทิ้งมรดกไว้ให้ จะได้ไม่ต้องไปซื้ออีก คอร์สนี้เหมาะสำหรับคนที่เรียน Multivariable calculus หรือ AP Calculus BC จบแล้ว ดูแล้วพวกชอบ model และ computational computer น่าจะชอบคอร์สนี้นะ
POST-AP Linear Algebra (พีชคณิตเชิงเส้น) by Mr. Paul White
เป็นคอร์ส half-year เปิดเฉพาะ spring-semester จริงๆ ปกติคอร์สนี้ปิดตายไปหลายปีแล้ว แต่พี่ไปขอเขาเปิดและทำเป็น independent study ครับผมมม เพื่อความสนุกสนานในเทอม spring พีชคณิตเชิงเส้นก็มีประโยชน์โดยเฉพาะสายพวก computer science และ theoritical physics (เอาไปใช้กับ diff equa ได้ด้วยนะขอบอก) เกรดจะเป็น Pass/fail แต่ก็ยังมีสอบ (ตามสไตล์ Mr.White เหมือนเดิม) เรียน linear algebar เหมือนเรียนภาษาใหม่ภาษาหนึ่ง เพราะจะมีคำศัพท์แปลกๆ เข้ามาเยอะ ซึ่งจะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจโดยถ่องแท้พอสมควร ยังไงก็ตามเรียนคอร์สนี้ก็จะสนองความคลั่งเลขของใครบางคน (รวมถึงพี่ด้วย 5555) คิดดู Tabor มีเลขให้ take ตั้งสี่ตัว 4 ตัว muti/diff equa/inear/prob theory ซึ่งก็สนุกและมันสัสๆ ใครสนใจก็จัดเหมือนพี่เลย pack 4 เอาให้บ้าตายกันไปข้าง คอร์สนี้ใช้ Textbook : Elementary Linear Algebra (Anton 4th edition) เรียน Chapter 1-8 คอร์สนี้ใครอยากเรียนก็เรียน อย่างมันส์ก็จัดเลยเฟ้ยยยยย
POST-AP Advanced Topics in Physics (ฟิสิกส์ขั้นสูง) by Mr. David Pierce
เป็นคอร์ส full-year (เปิดเป็นบางปีเท่านั้น ถ้าไม่มีก็ลง AP Physics C) น้องอาจจะเคยได้ยินว่า ในระบบการเรียนแบบอเมริกันจะมีการสอบ AP หรือ Advanced placement exam ซึ่งในส่วนของวิชาฟิสิกส์ก็จะมีให้เลือกระหว่าง Mechanics กับ electromagnetics ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดมีอยู่ในคอร์ส AP Physics C ดังนั้นคอร์สนี้จึงไม่ใช่คอร์สเตรียมสอบ AP Physics แต่อย่างใด ซึ่งที่จะเจอในคอร์สคือทุกอย่างที่นอกเหนือจาก AP โดยตอน fall เรียน Fluid mechanics, wave, thermodynanics และ optics ส่วนตอน Spring เรียน Quantum mechanics, Solid States, Nuclear physics และ Cosmology เนื้อหาเป็นฟิสิกส์แบบมหาวิทยาลัยปี 1-2 ซึ่งไม่ยากเกินไปสำหรับนักเรียนโอลิมปิกหรือนักเรียนมหิดลวิทย์ คอร์สนี้จะไม่มีแลปแบบ AP Physics ทำให้เรียนแค่ 3 คาบต่อสัปดาห์ และการสอนจะเน้นการพิสูจน์เชิงทฤษฎีและการทำโจทย์เป็นหลัก สามารถหา paper หรือ topic ที่น่าสนใจมา discuss กับอาจารย์ในห้องได้ ก็จะทำให้เป็นคลาสฟิสิกส์ที่สนุกและท้าทายคอร์สหนึ่งในโรงเรียนอเมริกัน อย่างไรก็ตาม Tabor Academy เป็นไม่กี่โรงเรียนที่เปิด POST-AP Science และก็เปิดปีพี่เป็นปีแรก (โชคดีมาก 5555) ก็ภาวนาให้ปีน้องเปิดได้ละกัน การสอบใช้การสอบเก็บคะแนนรายบท (chapter) และมีการสอบย่อย (quiz) คลาสนี้มีการสอบปลายภาค หรือที่เรียกว่า Final assessment และ Textbook Physics for Scientists and Engineers with Modern Physics (Giancoli 4th edition) Chapter 13,15-20, 32-35, 37-44
AP Chemistry (เคมี) by Mr. Kurt Wicks
น้องอาจจะเคยได้ยิน(อีกแล้ว)ว่า ในระบบการเรียนแบบอเมริกันจะมีการสอบ AP หรือ Advanced placement exam ซึ่งในส่วนของวิชาเคมี Tabor Academy ก็มีคอร์ส AP Chemistry ซึ่งเรียนแล้วก็จะบังคับสอบ AP Chem ช่วง May ของทุกปี รูปแบบการเรียนจะมีทั้ง lecture และ lab และบางครั้งก็มี hand-on material มาให้เล่นด้วย ซึ่งข้อสอบจะออกตามที่อาจารย์สอนในห้อง และไม่ควรขาดเรียนเพราะจะมีสอบค่อนข้างถี่ แต่ยังไงก็ตาม รุ่นพี่ก็มีข้อสอบเก่าและแลปให้น้องดูเป็นต้นแบบ การบ้านก็ไม่ยากจนเกินไป แต่ก็ไม่ควรจะทำผิดเพราะจะทำให้เสียคะแนน และควรตั้งใจเขียน lab report ทุกครั้ง อุปกรณ์และห้องแลปสวยและวิวดี โรแมนติกมากเป็นพิเศษในช่วง Fall และ spring (เป็นความดีงามของโรงเรียน) เนื้อหาที่เรียนค่อนข้างกว้างแต่นำไปใช้ได้จริงคล้ายเคมีระดับมหาวิทยาลัย (ไม่รวมเคมีอินทรีย์) สำหรับน้อง สสวท เคมีลองไปขอเขาเปิด POST-AP Organic Chemistry ดูนะ พี่กลัวน้องจะเบื่อเอาได้ ฮ่าฮ่าฮ่า
English 4 [elective] by Ms.Kristein Reidmold & Mr. Christopher White
คอร์สอังกฤษที่ Tabor ค่อนข้างดีและสนุกเลยทีเดียว ซึ่งอังกฤษที่นี่จะเป็น elective ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็เลือกให้ TS แล้วเพราะต้องจัดตารางเวลาให้ไม่ตรงกับคอร์สเลขและวิทย์ขั้นสูงทั้งหลาย เทอมแรกพี่เรียนเกี่ยวกับ shame กับ empathy ซึ่งก็จะมีให้ดู TED talk และอธิบายทฤษฎีทาง psychology ซึ่งจะนำไปใช้วิเคราะห์ในหนังสือใน catagory ที่จะอ่าน สำหรับเทอมแรกพี่อ่านแค่ 2 เล่มเอง (เห็นความชิวมาแต่ไกล) ซึ่งเฉลี่ยก็จะอ่านวันละ 20-25 หน้า (บางวันก็ไม่ถึง) บางครั้งก็จะมี quiz เกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่อ่านซึ่งก็ควรทำให้ดี เพราะ quiz นี่สำคัยพอๆ กับ essay เลย การให้คะแนนขึ้นอยู่กับความใจดีของอาจารย์ (เทอมแรก Ms.Reidmold โคตรใจดี พี่ได้ 98 อ่ะ ทั้งๆที่พี่ก็ไม่ได้เก่งอังกฤษอะไรมากมาย 555) ส่วนเทอมสองพี่เรียนเป็นคอร์ส film คืออ่านหนังสือแล้วดูหนังตาม ซึ่งเป็นหนังยุค 1960 โดยมี Mr.White (อีก white) เป็นคนสอน เขามีแฟนเป็นคนไทยชื่อพี่อิ๋วอยู่มี่ร้านขายของใน acadamic building ซึ่งเขาก็พูดไทยได้(จริงๆ) โหดป่ะล่ะ สำหรับครูอังกฤษ ถ้าอยากให้ช่วยเรื่องการเขียน การอ่านหรือคุยกับเข้าเพื่อระบายความเครียดในเทอม fall ก็ทำได้ Faculty ในภาคอังกฤษที่ Tabor ก็ nice จริงๆ แหละ ลองดู น้องๆ น่าจะชอบอยู่
English 3 by Mr. John Heavey added by Mook TS61
(ถ้าระดับคะเเนนน้องไม่ผ่านเกณฑ์เรียน English 4)
เป็นครูที่ใจดีมาก คือพี่ไปคุยกับครูตรงๆว่า ไม่ชอบพูดในห้องเท่าไรเพราะภาษาไม่เเน่นพอ เเล้วก็ เวลาทำข้อสอบอาจต้องใช้เวลานานกว่าคนอื่นในห้องงี้ เเล้วเเกก็โอเค พยายามช่วย เเบบ ถามๆบ้างในห้อง เเล้วเวลาสอบคือ ถ้าหมดเวลาเเล้ว พี่นั่งทำข้อสอบต่อได้เลย ครูไม่เฝ้าด้วย เเต่เราต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเองนะ เเล้วถ้าสอบเสร็จ ตรงไหนที่เราเขียนไม่เข้าใจ ครูจะเรียกเราไปคุยด้วยเลย ประมาณว่า เราหมายถึงอะไร ครูไม่เข้าใจนะ office hour ไปหาเเกบ่อยๆเลยเด้อ ครูชอบสั่งงานคู่กับงานพรีเวนต์หน้าห้องเยอะ งานพรีเซนต์มีทั้งเดี่ยวเเล้วคู่เลย
U.S. History (ประวัติศาสตร์อเมริกัน) by Mr. Gary Sousa
ประวัติศาสตร์อเมริกันที่ Tabor จะให้นักเรียนไปอ่านส่วนที่เป็น content เองและจะนำเนื่อหาที่เรียนและอภิปรายกันในห้องมา discuss การบ้านก็จะมีให้อ่านใน openstax (10 หน้าต่อวันเอง) อ่าน primary source หรือไม่ดูวีดีโอเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียน Mr.Sousa เคยทำงานกับ international student มาก่อนและรู้จัก Thai Scholar เป็นอย่างดี (เขารัก TS มากนะขอบอกเลย พี่สัมผัสได้!) ที่สำคัญ เขาให้ความสำคัญกับการเขียน paper และ research มากเพราะคะแนนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์มาจากงานเขียนหมดเลย (ทำให้ไม่ต้องพูดมากในห้องก็ได้ พี่ก็คะแนนดี แม้จะพูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ 5555) ซึ่งงานเขียนก็เอาไปปรึกษากับอาจารย์ ELS ก็ได้ ก็จะทำให้เนื้องานดูดีขึ้น อาจารย์ใน History wing ค่อนข้างให้ความสำคัญในด้านพัฒนาการ ซึ่งถ้าเราแสดงให้เห็นว่าเราตั้งใจจริง แบบถึงเป็นอยากจะเป็น engineer แต่ก็มีความอยากรู้ (กระเหี้ยนกระหือรือใคร่รู้) ในประวัติศาสตร์บ้านเมืองเขา ก็จะทำให้เขาเป็นคนหนึ่งที่พร้อมจะเขียน recommendation ดีๆให้กับเรา พี่ไม่ได้ชอบประวัติศาสตร์มากนะ แต่คอร์สนี้ สนุก บ่องตง (TS60: พี่เรียนกับ Miss Parente เค้าใจดีมากกกกก แต่การให้คะแนนจะโหดนิดนึง เด็กในคลาสส่วนใหญ่จะเป็น sophomore มี junior บ้างสองสามคน เราจะเป็น senior คนเดียวในห้อง ซึ่งในขณะเดียวกันพี่ก็เป็นคนที่เอ๋อที่สุดในห้องเหมือนกันเพราะตอนอยู่ไทยเราไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์อเมริกันลึกขนาดนี้ ทำให้ต้องตั้งใจมากๆ แต่ดีตรงที่ในคลาสเพื่อนๆ ทุกคนใจดีมาก เราไม่เข้าใจตรงไหน ถ้าเรากล้าถามเข้าก็อธิบายหมดเลยนะ) (TS61: ถ้าน้องได้เรียนกับ Mr.Bratton หรือ Ms.Parente พี่ขอให้น้องโชคดีนะ ครูสองคนนี้ถือว่าเป็นครูที่โหดสุดใน History department คือครูเเกเกรดยาก พี่เรียนกับ Mr.Bratton ตอนสอบเรกๆ เเกรมม่าพี่ไม่ดีพอ ผิดหนึ่งจุด ลบ 0.5 คะเเนน)
Computer Science by Mr. Matthew Voci (New)
คลาสเขียนโปรแกรม เพิ่งเปิดปี 2560 เป็นปีแรก เขาจะสอนเราเรียนการเขียนโปรแกรมที่ง่ายที่สุดและเป็นพื้นฐานของทุกสิ่ง ก็คือ Python นั่นเองจ้า ส่วนตัวพี่ไม่เคยเรียน Python มาก่อน แต่พี่ว่า Voci เขาสอนโอเคเลยนะ ส่วนใหญ่เขาจะให้เราอ่านแล้วก็ทำเองซะมากกว่า อย่างปีพี่เขาจะสอนแค่พวกคำสั่งแล้วก็การทำงานของมัน แต่ว่าถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามได้ตลอด พี่ชอบคลาสนี้มากเพราะ Voci เค้าเน้นให้เด็กทำพวกโปรแกรมเกม เราก็จะเห็นภาพมากขึ้น แล้วก็สนุกกับมันมากขึ้น คลาสนี้เป็นคลาส trimester ที่ (เหมือนจะ) บังคับให้เรียนต่อเทอมที่สอง เพราะเทอมแรกจะเป็น Computer Science-1 จะเรียนเขียน python อย่างเดียวเลย ส่วนเทอมสองเป็น Computer Science-2 ที่จะใช้ Pygame เข้ามาประยุกต์ เราก็จะเริ่มเน้นเรื่องเกมมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนเทอมที่สามเป็นคลาสต่อเนื่องจากสองตัวที่เรียนมา ชื่อว่าคลาส Mobile App Development ซึ่งเราจะเน้นการเขียนโปรแกรมในเว็บ MITAppInventor ซึ่งก็จะเป็นอีกแบบนึง คลาสนี้จะไม่มีการสอบปลายภาค แต่ว่าจะมี Test เรื่อยๆ (สองสามครั้ง) เก็บเป็นคะแนนสอบ และมี Final Project เป็น Major Item ที่จะเหมือนเป็นตัวชี้วัดเกรดก็ว่าได้ อย่างพี่เรียนมาสามคอร์ส ก็ทำ Final Project สามครั้ง มันเหนื่อยก็จริงนะแต่พอเราทำเสร็จแล้วเราจะรู้สึกภูมิใจมากแบบ เห้ย เราก็ทำได้นี่หว่า สรุปคือถ้าใครสนใจอยากเขียนโปรแกรม (ไม่ต้องมีพื้นฐานมาก่อนก็ได้) ก็แนะนำให้ลงเรียนวิชานี้
ทำเนียบ Thai Scholars
- TS13: ผศ. ดร. วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ ทุนเล่าเรียนหลวง [Massachusetts Institute of Technology → Stanford University → University of Chicago]
- TS16: เลอสรร ธนสุกาญจน์ ทุนเล่าเรียนหลวง [Harvard College → Harvard University]
- TS31: ธีระชัย พรสินศิริรักษ์ (นิค) [California Institute of Technology → Stanford University → California Institute of Technology]
- TS40: แทนไท ประเสริฐกุล (แทน) ทุน พสวท. ชีววิทยา [Cornell University]
- TS43 (2000-2001): ภควา เจียสกุล (อ้น) ทุนเล่าเรียนหลวง [Williams College], ภิญญ์ ศิรประภาศิริ ทุนเล่าเรียนหลวง [Brown University → Oxford University]
- TS45 (2002-2003): สรรเสริญ เจียมอนันท์กุล (เต้ย/P'Toey) [Carnegie Mellon University → University of California-San Diego]
- TS46 (2003-2004): นพงศ์ รักขพันธุ์ (ตาว/P'Tao) ทุนเล่าเรียนหลวง [Brown University → University College London → University of Michigan-Ann Arbor]
- TS47 (2004-2005): อรรถพล ธำรงรัตนฤทธิ์ (เต้/P'Te) ทุนไทยพัฒน์ [Stanford University → Princeton University → Brandeis University]
- TS48 (2005-2006): กันตภณ แก้วทิพย์ (จอม/P'Jom) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [Brown University → University of California-Los Angeles], วุฒิชัย จงจิตเมตต์ (ท็อป/P'Top) ทุน พสวท. คณิตศาสตร์ [Duke University → University of California-Los Angeles]
- TS49 (2006-2007): ศุภศรณ์ สุวจนกรณ์ (เอก/P'Aek) ทุน พสวท. คอมพิวเตอร์ [Cornell University → University of Washington], คุลิกา ชมวงศ์ (ไผ่/P'Pi) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [University of Pennsylvania → University of California-Berkeley]
- TS50 (2007-2008): วิชินพงศ์ สินชัยศรี (ปาร์ค/P'Park) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [Brown University → Massachusetts Institute of Technology], สินีนาฎ มะปรางทอง (เซธ/P'Seth) ทุนไทยพัฒน์ [Concordia University]
- TS51 (2008-2009): สราลี พฤกษะริตานนท์ (สาม/P'Sam) ทุนบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด [University of Virginia], วาที ศรีนิล (กราฟ/P'Graph) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [University of Chicago → New York University]
- TS52 (2009-2010): ภูมิรัตน์ นวรัตน์ (ดิว/P'Dew) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [Middlebury College], นันทวัฒน์ อุดมชาติพิทักษ์ (นัน/P'Nan) ทุน พสวท. คณิตศาสตร์ [Brown University → University of California-San Diego]
- TS53 (2010-2011): วีรภัทร คิ้ววงศ์งาม (นุ้ย/P'Nui) ทุน พสวท. ชีววิทยา [Massachusetts Institute of Technology]
- TS54 (2011-2012): บุญสิตา กิตติคุณ (บีม/P'Beam) ทุนไทยพัฒน์ [Middlebury College]
- TS55 (2012-2013): ธีรวัจน์ พุทธิศักดิ์แสง (เอิร์ธ/P'Earth) ทุน พสวท. คณิตศาสตร์ [Rennselaer Polytechnic Institute]
- TS56 (2013-2014): ปวรุตม์ เสมอวงษ์ (บิ้ก/P'Bigg) ทุนกองทัพเรือ [United States Coast Guard Academy], วีรชัย นีรนาทวงศ์ (จูเนียร์/P'Junior) ทุนวิวัฒนไชยานุสรณ์ [Massachusetts Institute of Technology]
- TS57 (2014-2015): ทศพร แสงจ้า (ตรี/Tree) ทุน พสวท. คอมพิวเตอร์ [Massachusetts Institute of Technology]
- TS58 (2015-2016): นิพัทธา วงศ์วิเศษ (มะปราง/P'Maprang) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [University of Virginia]
- TS59 (2016-2017): กิตติพงศ์ ลิ่มชูเชื้อ (เอก/Mr.X) ทุน ปตท.สผ.
- TS60 (2017-2018): พลอยไพลิน พฤกษ์เจริญ (พลอย/P'Ploy) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [University of Washington]
- TS61 (2018-2019): รัฐธีร์ จารุศิลาวงศ์ (ต้า/P'Tar) ทุนโอ Computer Science [U of Wisc Madison]
- TS61 (2018-2019): นันท์มนัส หอมช่วย (มุก/ P'Mook) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์เเละเทคโนโลยี (Pennslvania State University)