ผลต่างระหว่างรุ่นของ "Cranbrook Schools"

จาก TSWiki
(added Thai Scholars)
(Added infobox)
แถว 1: แถว 1:
 +
{{กล่องข้อมูล โรงเรียน
 +
| image = 
 +
| caption = 
 +
| address =
 +
39221 Woodward Avenue<br/>
 +
P.O. Box 801<br/>
 +
Bloomfield Hills, MI 48303-0801
 +
| abbr=
 +
| establish_date =
 +
| founder =
 +
| type = College Preparatory School
 +
| class_range =
 +
| motto =
 +
| song =
 +
| color =
 +
| mascot =
 +
| website = [http://schools.cranbrook.edu/ schools.cranbrook.edu]
 +
| footnote =
 +
}}
 +
 
== Introduction ==
 
== Introduction ==
 
==== Cranbrook Kingswood School ====
 
==== Cranbrook Kingswood School ====

รุ่นปรับปรุงเมื่อ 16:51, 25 กุมภาพันธ์ 2554

Cranbrook Schools
ที่อยู่
39221 Woodward Avenue

P.O. Box 801
Bloomfield Hills, MI 48303-0801

ข้อมูลทั่วไป
ประเภท College Preparatory School
เว็บไซต์ schools.cranbrook.edu


Introduction

Cranbrook Kingswood School

หรือเรียก สั้นๆว่า Cranbrook Schools Bloomfield Hills, MI

- แล้วคุณจะไม่ถูกขังอยู่ใน Prep School เล็กๆ

- "โรงเรียนเราไม่ได้อยู่ในป่า แต่มีป่าอยู่ในโรงเรียน" (P'Pin 48)

- โรงเรียนที่มีเวลาพักระหว่างคาบ นานที่สุด ถึง 15 นาที

- โรงเรียนเดียวที่ได้นั่งรถบัสทุกวัน

- โรงเรียนที่ใกล้ Apple Store ที่สุด

อย่างที่บอกครับ มาที่นี่แล้วจะไม่ต้องบ่นว่าถูกขังอยู่ในโรงเรียนเล็กๆ เหมือนเพื่อนๆ เค้า เพราะว่า คุณจะ...อยู่ในโรงเรียนใหญ่ๆ แทนก่อนอื่นต้องบอกว่า โรงเรียนเราอยู่ใน Michigan ครับ ซึ่งต้องนับว่าไกลจากเพื่อนฝูง New England และก็ไกลจากเมืองใหญ่ๆ ทั้งหลายที่ไปเดินเที่ยวเล่นได้ เช่น Chicago, NYC, Boston, หรือ Philly ค่าโดยสารไปหาเพื่อนๆ จะค่อนข้างแพงมาก เพราะต้องบืนไป

Campus

ก่อนจะเจาะลึกในรายละเอียด มาดูภาพคร่าวๆ ของ CK กันก่อน

โรงเรียนเป็นทั้ง Boarding และ Day School ครับ โรงเรียนของเรามีชื่อในเรื่องความ "ใหญ่" ครับ ใหญ่ แปลว่า ใหญ่ ครับ Cranbrook Schools ประกอบไปด้วยโรงเรียนย่อยๆ ดังนี้ Brookside (Elementary School ครับ), Boy Middle School, Girl Middle School, และ Upper Schools (Cranbrook Kingswood School)

สำหรับ Upper School เรามีสอง Campus ครับ เนื่องด้วยในสมัยก่อนนั้น ผู้ก่อตั้งโรงเรียน George Booth ได้สร้างโรงเรียนชายล้วนขึ้นมา ชื่อว่า Cranbrook School ผ่านไปซักพักนึง ภรรยาของท่าน Ellen Booth บอกว่า นี่มันไม่เท่าเทียมกันเลยนะ เธอเลยสร้างโรงเรียนหญิงล้วนขึ้นมาชื่อว่า Kingswood School ครับ แต่ผ่านไปสักระยะหนึ่ง เค้าก็สำนึกว่า พระเจ้าสร้างผู้หญิงและผู้ชายมาเพื่ออยู่ด้วยกัน (หะๆ) เค้าก็เลยรวมโรงเรียนเข้าด้วยกัน ชื่อว่า Cranbrook Kingswood School มันก็เลยมี 2 Campus ครับ

ทั้งสอง Campus ห่างกันเป็นระยะ 5 นาทีรถบัส และประมาณ 15-25 นาทีเดินผ่านป่าครับ (ในฤดู Fall) ในปัจจุบัน Cranbrook ก็จะเป็นฝั่งที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศาสนา ศิลปะ (Performing Art) และภาษาต่างประเทศ และก็จะเป็นหอพักชายครับ ส่วน Kingswood ก็จะเป็นฝั่งที่เรียนวิชาประวัติศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และศิลปะ (Fine Art) และก็จะเป็นหอพักหญิง

อย่างที่บอกไปแล้ว รร เรามีเวลาระหว่างคาบนานที่สุด ถึง 15 นาที เพราะว่าการเดินทางระหว่าง Campus จะมี รถบัส สีเหลือง คันใหญ่ๆ ให้บริการครับ ใช้เวลาประมาณ 4-5 นาที ในการขับรถ

นอกจากนี้แล้ว สิ่งที่พี่ว่าดีมากๆ คือ นอกจากโรงเรียนแล้ว ใน Campus เรายังมีอีกหลายสถาบันที่เหมาะแก่การหาความรู้มากๆ นี่พูดจริงๆ

1. Cranbrook Academy of Art และ Art Gallery

เป็น Grad School ด้าน Fine Art อันดับสองของอเมริกาครับ ผลิตนักศิลปะชื่อดังของโลกมากมาย (ไว้กล่าวทีหลัง) ห้องสมุดของ Academy of Art ใช้บัตรนักเรียน เข้า และ ยืม ได้ครับ Art Gallery ก็ดีมากๆ ครับ ก็จะมี exhibition ด้าน art ดังๆ มาจัดเป็นระยะๆ ปกติก็ต้องจ่ายเงินแพงๆ เข้ากันตามระเบียบ แต่ถ้ามีบัตรนักเรียน ก็เข้าฟรี ครับ พี่ก็ชอบไปเดินดู Gallery บ่อยๆ จะได้รับรู้ถึงความงามของศิลปะ

2. Cranbrook Institute of Science

เป็นศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ (ซักด้าน รู้ว่ามีเรื่อง อินเดียนแดง เรื่องอื่นไม่รู้อ่ะ) และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ครับ ดีมากๆ ครับ ก็เหมือนพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ดีๆ ซักที่หนึ่ง มีอะไรให้ลองเล่นมากมาย จะมีเรื่องอินเดียนแดงเยอะเป็นพิเศษครับ มีหอดูดาว ซึ่งบางวันจะเปิดให้ไปดูดาวได้ วันดีคืนดีก็จะมีนักวิทยาศาสตร์มาบรรยายครับ พี่เคยไปฟังครั้งนึง เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำวิจัยเกี่ยวกับ สัตว์จำพวกแมมมอท คนนี้เค้าเป็นคนเจอตัวลูก ที่อยู่ในน้ำแข็ง และเป็นคนพัฒนาทฤษฎีการศึกษาแมมมอท จาก "วงในงา" ไปเปิดเจองานของเค้าเป็น อันดับประมาณ 20 ผลงานวิทยาศาสตร์สุดยอดในปี 2007 ใน Discovery ด้วย อ้อ บัตรนักเรียน เข้าฟรี ครับ

นอกจากนั้นในอาณาเขตของโรงเรียน สวยงามมากๆ ครับ มี Cranbrook House ซึ่งพี่เข้าใจว่า เคยเป็นบ้านของใครซักคน ซึ่งพื้นที่รอบๆ สวยมากๆ โดยเฉพาะใน Fall มีสวนดอกไม้ รูปปั้นมากมาย น้ำพุ บ่อน้ำ แล้วระหว่าง Kingswood กับ Cranbrook ก็มีทะเลสาบขนาดย่อมๆ อยู่ด้วยครับ ที่เหลือก็เป็น "ป่า" ซึ่งถ้าเป็น Fall ก็จะสวยและโรแมนติกมากๆ ใน winter ที่มีหิมะปกคลุม ก็จะสวยงามไปอีกแบบ ไว้เอารูปมาลงให้ดูภายหลัง

ข้อเสียของความใหญ่ ก็คือมันใหญ่ครับ ถ้าบางทีไปทำอะไรที่อีกฟากหนึ่ง แล้วมันเลยเวลา หรือ วันเสาร์อาทิตย์ อยากไปหาเพื่อนต่างเพศยังเงี้ย (หรือสำหรับผู้หญิง สอบ SAT) ก็ต้องเดินกลับ แต่บางทีได้เดินบ้างก็ดีนะ

Location and Transportation

Suburban ครับ "suburban ของแท้แน่นอน ไม่มีที่ไหน suburban ไปกว่าที่นี่อีกแล้วค่ะ ทุกอย่างต้องใช้รถออกไป ไม่มีรถ = เสียชีวิต" (P'Pin 48) จริงอย่างที่พี่พิณว่าครับ คือ ที่นี่รถยนต์ส่วนตัวจำเป็นมาก (แค่จะออกไปยืนหน้าป้าย รร) ไม่มีการขนส่งมวลชนใดๆ ผ่านครับ วิธีการในการออกไปข้างนอกมีสามอย่าง คือ 1. Taxi โทรเรียกได้ ราคารับได้ 2. จีบเพื่อนที่มีรถไว้ หรือ อ้อนอาจารย์ให้ไปส่ง 3. Dorm Ride

ตอนเบรก จะมีรถบัสไปรับ-ส่ง สนามบิน

คือ โรงเรียนมันไม่ได้บ้านนอกนะ มีทุกอย่างให้ทำได้ ภายในระยะขับรถ 15 นาที โรงเรียนจะมีพาออกไปข้างนอก ด้วย Dorm Ride ทุกอาทิตย์ครับ ก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่อาทิตย์ จะขอกลับก่อนหรืออะไร ก็คุยกับคนขับรถครับ ตัวอย่าง สถานที่รอบๆ ที่ไปได้ครับ

1. Birmingham / Border Ride

จะมีทุกวันศุกร์กลางคืน 6.30 - 10.00 pm Birmingham เป็น downtown ขนาดย่อม ห่างออกไปประมาณ 10 นาทีครับ เป็น downtown คนรวย ที่สวยมาก ร้านค้าตู้กระจก ได้แต่เกาะอยู่ข้างนอก เพราะว่าราคาจับต้องไม่ได้ แต่มีโรงหนังสองโรงครับ ก็ไปดูหนังได้ ร้านอาหารมีเยอะมากครับ มีร้านอาหารเกาหลี จีน ญี่ปุ่น มากมาย และร้านอาหารไทย 3 ร้าน ไม่ค่อยไทยมาก แต่ก็อร่อยดี ราคาอาหารไม่แพงครับ มีร้านไปหาไรกินน่ารักๆ มากมาย เช่น ไอติม กาแฟ เดินไปโครเกอร์ เพื่อซื้อสเบียงได้ หรือจะบอกให้เค้าไปส่งที่ Border (ร้านหนังสือใหญ่ๆ) ก็ได้ครับ

2. Somerset

มีประมาณ 2 อาทิตย์ครั้ง ทุกวันเสาร์ 1.00-4.00 pm เป็นห้างหรูๆ ก็ไปเดินเล่น นั่งเล่น shopping ซื้อเสื้อผ้าได้ ที่สำคัญ มี Apple Store ครับ ทำให้โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ใกล้ Apple Store ที่สุด ดีเพราะอย่างนี้เอง

3. Greatlake

จะมีนานๆ ครั้ง พี่ว่าเดือนละครั้ง ก็เป็นห้างใหญ่ๆ ใหญ่มากๆ อยู่ห่างออกไปสักครึ่ง ชม แต่ว่าราคาเสื้อผ้าจะถูกกว่า Somerset ก็ไปเดินเล่นได้ครับ (ไม่มี Apple Store)

4. ที่เหลือก็แล้วแต่โอกาส ครับ ก็เป็นพวก Walmart, Target, Meijer, Asian Market ก็ไปตุนอาหาร หาข้าวของเครื่องใช้ ได้ครับ

5. Special Occasion

ก็บางทีเค้าอารมณ์ดีก็จะพาไปที่แปลกๆ อย่างเช่น ที่นี่มีพาไป Laser Tag คือเหมือน paint ball อ่ะ แต่เป็น laser แต่พี่ไม่เคยไปอ่ะ พี่ว่ามันติงต๊อง สู้ รด ไทยไม่ได้ซักนิด หะๆๆ

อ้อ มีพาไป Detroit Motor Show ด้วยนะ ออกค่าบัตรให้เราฟรีด้วย

Weather

หนาว

หนาวครับ ความจริงมันก็ไม่ได้หนาวอะไรมากมายนะครับ ไม่ได้หนาวไปกว่าพวกอยู่ New England เท่าไร แต่ว่ามันหนาวเร็วกว่า และเลิกหนาวช้ากว่า เท่านั้นเอง แต่ลมแรงกว่า แต่ก็ไม่แรงเท่าฝั่ง Illinois ครับ ที่พี่บันทึกไว้ หนาวสุดแบบไม่รวมลมมัน -1 F เองครับ

หิมะตก แล้วก็อยู่ในหิมะเป็นเดือนๆ แต่ว่าหิมะนี่สวยมาก ชอบ ถ้าฤดูหนาวที่ไม่มีหิมะ คงดูแย่น่าดู ยิ่งทางเดินไป Kingswood ก็จะเป็นหิมะคลุมทั้งหมด ทะเลสาบแข็งเป็นสีขาว มองไปเห็นโรงเรียนอีกฝั่ง สวยป่ะ

แต่มันหนาวเราก็อยู่ได้ครับ เพราะว่าโลกนี้มีฮีตเตอร์ แล้วการเดินทางใน รร ระหว่างอาคารก็ไม่ได้ลำบากครับ เพราะว่าที่นี่เค้าจะมีท่อความร้อนอยู่ใต้ทางเดินครับ เพราะฉะนั้นไม่ว่าหิมะจะตกหนักแค่ไหน ตรงทางเดินก็ไม่มีหิมะเกาะ อาจจะหนาวหน่อยตอนเดินไปขึ้นรถบัส

แต่อาจารย์ US History พี่บอกว่า "ไม่มีหรอกอากาศที่หนาวเกินไป มีแต่การแต่งตัวที่ยังไม่อุ่นพอมากกว่า" เพราะฉะน้ันถ้าเราแต่งตัวอุ่นๆ แล้วก็ไม่ต้องกลัวหนาวครับ

อีกอย่าง ข้อดี คือที่นี่อากาศดีครับ แปลว่า อากาศพยากรณ์ได้ ไม่แปรปรวนมีสามสี่ฤดูเหมือน NE หนาวก็คือหนาวไปเลย ห้าๆ


อันนี้ของพี่พิณ อากาศ หนาวค่ะ ยอมรับเลยว่าหนาว แต่ว่า ก็ไม่หนักเท่ากะที่พี่เคยคิดไว้ ก่อนมานี่ ได้ถามพี่รร.ว่า หนาวมากมั้ย เพราะมิชิแกนมันเหนือมาก พี่กลัวหนาวสุดๆ ประมาณว่า มือเย็นแล้วจะทำงานไม่ได้อะค่ะ พี่รร.ก็บอกว่า หกเดือนอยู่ในหิมะ อะน้อง แต่ว่า มันไม่จริงนะคะ ไม่ถึงหกเดือนแน่นอน แล้วก็ หิมะเป็นอะไรที่น่ารักมาก ตอนอยู่ บรูสเตอร์มีคนบอกพี่ว่า อยู่กับหิมะปีเดียวไม่พอหรอก พี่ไม่เชื่อค่ะ แต่ว่า มันก็เป็นจริงๆ หิมะสวยแล้วก็น่ารักมาก ตอนนี้ก็กะลังรอให้ตกอยู่ ฤดูหนาวมันต้องมีหิมะค่ะ มะงั้นทุกอย่างจะขาดความสวยงามมาก นึกภาพดูนะ ต้นไม้ก็ไม่มีใบแล้ว พื้นหญ้าก็แห้งๆ อากาศก็แห้งๆหนาว ไม่มีอะไรสดชื่นเลย แล้วหิมะขาวๆน่ารักๆ ก็ตกลงมาค่ะ โอ้โห ทุกอย่างก็กลายเป็นสีขาวไปหมด สวยมากๆค่ะ เหมือนกับ หญ้ากลับมามีชีวิตชีวา เพียงแต่เป็นสีขาวแทนสีเขียว ใบไม้แตกใบใหม่ เป็นสีขาวแทน มันขาวไปสุดลูกหูลูกตาเลยนะ ท้องฟ้าก็สีกลืนไปกับพี้น สวยมั่กๆ สำหรับน้องที่ชอบอากาศหนาว ที่นี่ไม่ทำให้น้องผิดหวัง แต่ถ้าไม่ชอบ พี่ว่า มันก็เป็นการท้าทายตัวเองที่ดีนะ ความจริงพี่ก็ไม่ชอบอากาศหนาวเลย ตอนนี้ก็ไม่ได้ชอบ แต่ชอบหิมะ และพี่ก็ค้นพบว่า พี่สามารถอยู่ในอากาศหนาวอย่างมีความสุขได้ แม้มือจะเย็นก็ทำงานได้ (มะก่อนทำไม่ได้)

ถึงจะบอกว่าหนาวนะ แต่ลองเทียบๆ กะพวกที่ แมสซา ก็ไม่ได้ต่างกันมากนะ พี่ว่า พวกนั้นก็บ่นหนาวเหมือนกัน คือที่นี่ อาจจะเริ่มหนาวเร็วกว่า แต่ว่า ไม่ได้หนาวมากกว่า อะค่ะ

ที่จริงอากาศที่นี่ มีดีอย่างนึงล่ะ เรามีฤดูเดียวแน่ๆ ในหนึ่งวันค่ะ (ไม่เหมือนพวก new England ที่บางทีเจอสามฤดู ในหนึ่งวัน)ที่นี่ตั้งแต่มาถึงช่วงปลาย fall ก็ต้องใส่เสื้อหนาวแล้ว มีหิมะตก แต่ว่ามันสวยและไม่เปียก ฝนหายากค่ะ ไม่ต้องกลัวว่า แดดออกอยู่ดีๆ จะมีฝนตกหนักค่ะ พี่ไม่ได้เอาร่มมาด้วย ตอนแรกว่าจะซื้อ แต่ก็ผ่านมาได้โดนไม่ต้องมีร่มค่ะ แค่เสื้อหนาวแบบกันน้ำได้ตัวเดียวเกินพอแน่นอนค่ะ แม้ว่าเด็กที่นี่ชอบหาว่า Michigan weather's suck แต่เพราะว่าเค้าไม่เคยไปอยู่ New England ค่ะ เลยว่าอย่างงั้น เพราะอากาศที่นี่ คงที่จริงๆ นะ เดาได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพยากรณ์อากาศค่ะ ไม่ชัวร์ก็ใส่เสื้อหนาวค่ะ ยังไงมันไม่อยู่ๆร้อนเกินแน่ๆ อิอิ


Food

กินได้

ไม่ได้ดีเลิศแบบ Cate ไม่ได้เอิ่มแบบ Kent กินได้ ดีกว่า Brewster

เป็นแบบ Buffet ทุกวัน เช้า กลางวัน เย็น กลางวันมีพิซซ่าให้กิน ไม่รู้จะกินไรก็กินพิซซาได้ มีสลัดบาร์ตลอด และ Sandwich Bar ไม่รู้จะกินไรก็กินนี่ได้ มี Mass Dessert ให้กินได้ ก็พอใช้ได้

เย็นวันอาทิตย์จะมี Ice Cream Sunday Brunch เสาร์ อาทิตย์ สั่ง Omelette ตามสั่งได้

ก็เรื่องอาหารก็อยู่ได้ครับ บอกตามตรง พี่กินพิซซ่าทุกกลางวันเลย ห้าๆ

ถ้าเป็นหอหญิง เค้าบอกกันว่า อาหารจะดีกว่า (ทดสอบแล้ว ไม่ได้ดีไปกว่ากันเล้ย)

อ้อ หอหญิงทำอาหารได้ครับ ก็ไปซื้อข้าวของเข้ามาเก็บตู้เย็นไว้ แล้วอยากทำอาหารไทยกิน แบ่งเพื่อนๆ ก็ทำกินได้ ผู้ชาย ทำไม่ได้ครับ เพราะว่าเค้ากลัวเราทำไฟไหม้ - -a แต่วันหยุด จะมี Faculty มาทำอาหารให้กิน เค้าก็จะขนครอบครัว มาอบคุ้กกี้ หรือทำ sandwich แปลกๆ ไรเงี้ย ขอกุญแจไปเปิด ต้มมาม่าได้

Academic

พอใช้ครับ ระบบการเรียนแบ่งเป็น 2 เทอมครับ เกรด A,B,C,D ตัด GPA A นับเป็น 4 เหมือนเมืองไทย, A- ได้ 3.75, B+ ได้ 3.25 A+ ไม่มีให้เพิ่ม ถ้าวิชา AP เอาไปบวกหนึ่งก่อน GPA เช่น ได้ A ใน AP History ก็ได้ได้เป็นค่า GPA = 5

ที่นี่เข้าใจความหนักหนาของการสอบและการทำการบ้านครับ ถ้าสมมติว่ามีกำหนดส่ง Major Paper หรือ Test อยู่แล้ว 2 วิชาในวันเดียวกัน น้องสามารถขอเลื่อนกำหนดส่ง หรือสอบ ของวิชาที่ 3 ได้ครับ (เห็นเพื่อนมันใช้กัน แต่พี่ยังไม่เคยใช้เลยอ่ะ ขี้เกียจสอบทีหลัง)

ไม่ได้ยากอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับง่ายจนไม่ต้องทำอะไร งาน ถือว่าสบายพอประมาณ เมื่อเทียบกับ รร อื่นๆ การเรียน จึงจัดว่า สบายพอสมควรครับ วิชาที่น้องต้องเรียน

1. US History

ของ รร เราจะสบายครับ เพราะว่าเป็นโปรแกรมที่จัดเพื่อ International Student เป็นพิเศษ อาจารย์ที่สอนใจดี และเข้าใจเด็ก inter ครับ เค้าก็จะเข้าใจว่าเรื่องภาษาเรายังใหม่ๆ เค้าก็จะหยวนๆ ให้ บางทีก็ช่วยสอนด้วย และเนื้อหา ก็ไม่ต้องไปบ้าคลั่งอะไรมาก สิ่งที่จะได้เรียนเป็นพิเศษคือ เรื่องอินเดียนแดงครับ ที่อื่นเค้าจะเริ่ม ประวัติศาสตร์อเมริกา กันที่ Columbus ของเราเริ่มที่ ทฤษฏีการอพยพ ของอินเดียนแดง ส่วนตอนที่เกี่ยวกับอินเดียนจะเรียนละเอียดเป็นพิเศษ เรื่องของเรื่องคืออาจารย์เค้าทำ ป.เอก ด้านนี้อยู่ครับ มีบางทีเค้าบอกว่า Text Book ผิดด้วย เท่มากๆ เค้าชอบเด็กไทยครับ ขอให้เค้าเขียน rec ให้ก็ดี แนะนำ

2. Math

ก็เรียน BC ดีกว่าเนาะ เป็น วิชาที่สูงสุดใน รร ละครับ ช่วงแรกจะสอน BC ช่วงหลังจะสอน Multi เนื่องจากพี่ถูกส่งมาเรียนคณิตศาสตร์ มันก็ไม่ได้ยากเท่าไรอ่ะครับ ก็เรียนไปสบายๆ ได้ครับ อาจารย์ "ฮา" มากๆ ครับ แต่ความจริงใจดี เครื่องคิดเลขพี่ชอบ TI-89 แต่ใช้สอบไม่ได้ ก็ถ้าเอา 89 มาก็ ไปบอก Fred (อาจารย์) ว่าขอยิมเครื่องคิดเลขตอนสอบนะ

3. Science

มันขึ้นอยู่ว่าน้องจะชอบเรียนอะไร แต่เค้าว่ากันว่า AP Physics เป็นวิชาที่ยากที่สุดของ รร นี้ ซึ่งพี่ว่าไม่จริง หะๆ ปีพี่เป็น AP Physics B ครับ แต่ปีน้องจะเปลี่ยนเป็น AP Physics C ก็น่าจะดีขึ้น (โดนส่วนตัว ง่ายขึ้น เพราะมันมีจำนวนเรื่องน้อยลง) พี่ชอบครุฟิสิกส์ครับ เพราะว่าเค้าเป็นครุฟิสิกส์ที่เข้าใจความสำคัญของคณิตศาสตร์ และเป็นครูฟิสิกส์ด้านทฤษฎี (ทำให้ไม่ค่อยมีคนอื่นชอบเท่าไร เพราะว่าบอกว่าสอนไม่รู้เรื่อง) แต่พี่ชอบเชิงนี้ บอกเอาไว้เป็นข้อมูล ฟิสิกส์ที่นี่ก็ไม่ได้ยากครับ แต่ก็ไม่ถึงกับสบาย คือปกติพี่ขี้เกียจไง ก็จะไม่ทำการบ้านฟิสิกส์​ (เพราะเค้าไม่ตรวจ) และก็จะอ่านวันก่อนสอบ คราวก่อนข้อสอบดันยาก เลยได้คะแนนไม่ค่อยสวยเท่าไร

เคมี เท่าที่ดูที่เพื่อนเรียนมา ก็ไม่ได้ยากอะไรคอขาดบาดตาย พอประมาณ

4. English

เค้าบังคับเรียนของ เกรด 10 อ่ะ ซึ่งจะแบ่งเพศ เด็กเมกันผู้ชายพวกนี้ ก็น่ารำคาญบ้างเป็นบางเวลา งานเยอะ น้อย ขึ้นอยู่กับอาจารย์ครับ ไม่ได้หนักมาก ไม่ได้ยากเกินความสามารถ พี่ก็ถูๆ ไถๆ จนรอดไปได้เทอมนึงละ

5. ESOL

จะเป็น ESOL ของเกรด 11-12 ครับ เค้าบังคับลง อาจารย์ใจดีมากๆ ชื่อ Ms.Apsey ไม่ค่อยได้เรียนอะไรมาก แต่ก็สบายดี คือจะไปขอให้เค้าตรวจ Essay ต่างๆ ได้ครับ แบบการบ้านวิชาอื่น หรือว่า college essay ให้เค้าตรวจก่อนก็ได้ครับ ลูกชายกับลูกสาวเค้า น่ารักมากๆ ปีนี้ตอนพี่จะไปชิคาโก แต่ รร มันปิดก่อนวัน รถไฟออก เค้าก็พาไปนอนบ้านเค้าครับ แล้วเค้าก็ไปหาซื้อของทำอาหารไทยมา ก็มาทำอาหารไทยกินกันเย็นนั้น ตอนกลับจากชิคาโก กลับมารถ Ms.Apsey เพราะว่าเค้าไปหาเพื่อนที่นั่น

6. Art

เค้าบอกว่า ที่นี่ art แข็งแรงมากๆ ควรจะลงไว้ครับ พี่ไม่แน่ใจว่าบังคับเปล่า ถ้าน้องอยากทำเรื่องดนตรี หรือ การแสดงก็ได้ครับ แต่พี่ไม่ถนัด ก็ทำเรื่อง Fine Art ครับ ก็สนุกดี ตอนแรกนึกว่าจะทำไม่ได้ แต่เรียนแล้วก็สบายใจดีครับ พี่ลง Sculpture เทอมแรก และ Metalsmith/Jewelry ตอนเทอมสอง

7. AP Computer Science

ไม่ได้บังคับ พี่ไม่ได้เรียนนะ เพราะว่าพี่อยากได้คาบว่าง แต่พี่ปีก่อนเค้าบอกว่าได้เกรดง่ายมากๆ

ทำเนียบ Thai Scholars

  • TS47 (2004-2005): สถาปนวัฒน์ สิทธิหาญ (แพท/P'Pat) ทุนไทยพัฒน์ (พิเศษ) [Cornell University -> Massachusetts Institute of Technology], พงศกร กาญจนบุศย์ (ตั๋ม/P'Tum) ทุน พสวท. [Washington University in St. Louis -> University of Chicago]
  • TS48 (2005-2006): กุนทินี การุณรัตนกุล (พิน/P'Pin) ทุนบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด [University of Virginia]
  • TS49 (2006-2007): กนกวรรณ จำปาสา (ผักกาด/P'Paggard) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [Bowdoin College]
  • TS50 (2007-2008): ธันวา ธีระกาญจน์ (นิคส์/P'Nics) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [Brown University]
  • TS51 (2008-2009): ร้อยกรอง สุขเกิด (ซอ/P'Sor) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [University of Washington]
  • TS52 (2009-2010): ณัฐสิทธิ์ ด่านชลวิจิตร (นอร์ท/P'North) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [University of Michigan-Ann Arbor]