ผลต่างระหว่างรุ่นของ "Westtown School"

รุ่นปรับปรุงเมื่อ 18:30, 30 กันยายน 2551

Westtown School
975 Westtown Road
P.O. Box 1799
Westtown, PA 19395-1799
610.399.7700
Fax: 610.399.7799
http://www.westtown.edu/
Chester County
CEEB Code: 395230

ข้อมูลทั่วไป

ประวัติ

Westtown School ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1799 ณ เมือง Westtown, Pennsylvania แต่เริ่มเดิมที โรงเรียนถูกจัดตั้ง เพื่อเป็นโรงเรียนสหศึกษาสำหรับผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกาย Quaker เพื่อที่จะให้การศึกษาแก่เยาวชน Quaker โดยไม่ถูกทำให้เสียคนด้วยสิ่งเย้ายวนภายนอก หลังจากนั้นเมื่อปี ค.ศ.1933 โรงเรียนได้เปิดประตูให้แก่นักเรียนที่ไม่ได้นับถือ Quaker เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งรุนแรงในสหรัฐอเมริกา (Great Depression) ณ ทุกวันนี้ โรงเรียนยังใช้หลักคำสอนในนิกาย Quaker ในชีวิตประจำวันของนักเรียนและคณาจารย์

Quaker

ศาสนาคริสต์นิกายหนึ่งที่แยกตัวมาจากนิกาย Protestant ในประเทศอังกฤษในช่วงปี ค.ศ. 1600 Quaker ก่อตั้งโดย George Fox แก่นคำสอนของนิกายนี้คือ การสื่อสารกับพระเจ้าผ่านตัวบุคคลนั้นๆ มิใช่การรับฟังคำสอนจากบาทหลวงหรือพิธีกรรมทางศาสนา คำสอนย่อยๆ ของ Quaker ได้แก่

- ความเรียบง่าย: ไม่เน้นสถาปัตยกรรมสวยงาม ใส่เสื้อผ้าเรียบง่าย ประพฤติตัวเรียบง่าย (เช่น ในสมัยก่อน Quaker จะไม่ถอดหมวกเคารพคนอื่น เพราะถือว่าเป็นพิธีที่ไม่มีประโยชน์ และ Quaker ใช้ thou thee ซึ่งให้ความหมายคล้ายๆ กับคำว่า "มึง กู" แทนที่จะใช้คำว่า you me)

- ความเงียบและสงบ: Quaker คิดว่าความเงียบและสงบช่วยทำให้คนบรรลุถึงปัญญา และในความเงียบนั้นจะทำให้คนได้ยินข้อความจากพระเจ้าได้ การปฏิบัติคือ Meeting for Worship ทุกเช้าวันพฤหัสบดี จะมีคาบๆหนึ่งสำหรับการประชุมนี้ นักเรียนจะต้องไปนั่งในห้องประชุมสี่เหลี่ยมที่ไม่มีอะไรตกแต่งเป็นเวลา 45 นาที โดยไม่คุยกับใคร ไม่หลับ ไม่อ่านหนังสือ ไม่ฟังเพลง ไม่ทำอะไรนอกจากนั่งเฉยๆเงียบจนกว่าจะครบเวลา ถ้าใครมีอะไรในใจ หรือ ที่เรียกกันว่าได้ข้อความ (Get a message)จะสามารถลุกขึ้นมายืนพูดได้ สามารถระบายความในใจที่จะมีประโยชน์แก่คนอื่น หรือ เอาอะไรมาแบ่งปันให้คนอื่นได้ ทุกเช้าวันอาทิตย์ก็ทำเช่นเดียวกันแต่เป็นเวลา 60 นาที (เริ่มเวลา 10.30 AM)

- ความเคารพ: Quakers เชื่อว่า "There is that of God in every person." เค้าจึงให้ความเคารพแก่ทุกๆคนอย่างเท่าๆกัน(ตามทฤษฏี)

ขนาด และ ที่ตั้ง

- โรงเรียนเปิดสอน ตั้งแต่ PreK จนถึง เกรด 12 มีนักเรียนทั้งหมดประมาณ 600คน สำหรับระดับ High School มีนักเรียนชั้นละประมาณ 100 คน - ที่อยู่ 975 Westtown Road, Westtown, PA 19395 - โรงเรียนตั้งอยู่ในบนภูเขา หรือ ในหุบเขา แล้วแต่จะนิยาม ถูกล้อมรอบโดยฟาร์มของ Quakers ทั่วด้าน โรงเรียนมีขนาด 600 เอเคอร์ ซึ่งรวมทั้ง ภูเขาส่วนตัว ทะเลสาบส่วนตัว และ ฟาร์มส่วนตัว ซึ่งถ้าน้องโชคดีก็จะได้มีโอกาสไปทำนา - โรงเรียนอยู่ห่างจาก Philadelphia เมืองใหญ่อันดับต้นๆของอเมริกาเป็นระยะประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถยนต์ หรือ หนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยรถไฟ ประโยชน์จากการอยู่ใกล้เมืองทำให้ซื้อของได้มากมาย สามารถไปวิสิท University of Pennsylvania มหาลัยอันดับห้าของสหรัฐอเมริกาได้สะดวก ไปนอนค้างกับพี่ๆได้ - โรงเรียนห่างจาก King of Prussia ห้างที่ใหญ่สุดในฝั่งตะวันออกของอเมริกาประมาณ 30 นาทีโดยรถยนต์ โรงเรียนจัดทริปไปฟรีประมาณสองอาทิตย์ครั้ง ที่ห้างมีเกือบทุกอย่างที่จินตนาการได้ ทั้งนี้ รวมถึง Apple Store

ภายในโรงเรียน

ตัว Campus มีขนาดเล็กมาก นักเรียนไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้รถบัสอย่างโรงเรียนชื่อดังบางโรงเรียนแต่อย่างดัง ถ้าต้องการสามารถกลิ้งจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่งในเวลาไม่เกินห้านาที ถ้าเดินก็ไม่เกินหนึ่งนาที

1. Main Building

ตึกใหญ่สุดของโรงเรียน มีขนาดยาวๆผอมๆ รวมทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน ตึกเรียน หอนอน โรงอาหาร ห้องสมุด ทั้งหมดเป็นตึกเดียวกัน ฉะนั้นไม่ว่าอากาศจะหนาวแค่ไหน นักเรียนก็ไม่มีความจำเป็นต้องออกไปนั่งตากลมรับหิมะแต่อย่างใด พื้นและเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นไม้ ให้ความรู้สึกคลาสสิค และ โปร่งสบาย ทั้งนี้ว่ากันว่าเนื่องจากการที่เป็นไม้ ทำให้ตึกทั้งตึกไหม้ได้ในสิบเอ็ดนาที main building เป็นที่อยู่ของห้องเรียนภาษาอังกฤษ ศาสนา และ ประวัติศาสตร์

2. หอนอน

แบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งชายและหญิง โดยที่ในแต่ละฝั่งอยู่บนชั้นสองและชั้นสามของ main building ซึ่งชั้นสองนั้นเป็นที่สำหรับเด็ก senior และชั้นสามสำหรับ junior ถ้าน้องที่มาเป็นเพศชาย จะได้อยู่ชั้นสองที่เรียกว่า Boy Second เป็นอย่างแน่นอน ในหอชายประกอยด้วยห้องน้ำที่มีเครื่องซักผ้าพร้อมเครื่องอบที่ไม่คิดค่าบริการในตัว ทั้งสองฝั่ง ทุกห้องเป็นห้องคู่ เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสรู้จักกับผู้คน ซึ่งอาจจะโชคร้ายได้อยู่กับคนที่ไม่มีใครอยากอยู่ด้วย บางครั้งคนในหอมักสร้างความอึกทึกครึกโครมอย่างรุนแรง ทำให้เสียสมาธิในการเรียนได้ ในหอมี ห้องกลาง (common room) ซึ่งมีคอมพิวเตอร์ทั้งหมด 6 ตัว และโต๊ะ pool กลางห้อง ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมของเหล่าผู้คนมากมายในช่วง ฤดูใบไม้ร่วง และ ฤดูหนาว

3. Industrial Hall

เป็นอาคารเรียน ที่มีห้องเรียนวิชา คณิตศาสตร์ และภาษาต่างประเทศ อันได้แก่ สเปน ญี่ปุ่น เยอรมัน และ ฝรั่งเศส บางครั้งถูกใช้เป็นห้องสอบ final เนื่องด้วยความสะดวกในการใช้ห้อง กระดานที่ใช้ในหอนี้ มักเป็น white board หรือ interactive electronic board ต่างจากใน main building ที่ใช้ black board

4. Griffith Science Center

เป็นอาคารสำหรับการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ ซึ่งสำหรับวิชาเคมี และ ชีววิทยา (ชั้นสูง) จะเรียนที่ชั้นหนึ่ง และวิชาฟิสิกส์ที่ชั้นสอง ณ ห้องใต้ดินจะมีห้องน้ำ และห้องที่สำหรับในการประชุมทั่วไป เรียกว่า Science Lecture Hall (SHL) โดยมากถูกใช้ในการประชุมนักเรียนนานาชาติ อันรวมถึงนักเรียนทุนไทย ในช่วงวันอังคาร และเป็นสถานที่สอบ AP หรือ standardized tests ประเภทอื่นๆ

5. Athletic Center

เป็นอาคารกีฬาที่สร้างขึ้นใหม่โดยมีส่วนเชื่อมต่อกับอาคารกีฬาหลังเก่าที่มีโรงยืมขนาดเล็กและสระว่ายน้ำ อาคารหลังใหม่นี้ ประกอบด้วยลานกรีฑาขนาดใหญ่ พร้อมสนามบาสเก็ตบอลในตัว และลานกีฬาในร่มที่มักใช้ในการแข่ง มวยปล้ำ ที่ชั้นใต้ดิน ณ ชั้นหนึ่ง ประกอบด้วยห้องพักอาจารย์กีฬา ห้องเต้นรำ และ ห้องฟิตเนส ซึ่งสามารถมาลงทะเบียนขอใช้บริการได้

6. Belfry

เป็นอาคารหลังเล็กๆ ที่ชั้นหนึ่ง จะมีโทรทัศน์ขนาดใหญ่ และ หิ้งขายขนม เครื่องดื่ม และของว่าง สำหรับเหล่านักเรียนที่เพิ่งเล่นกีฬามาอย่างเหน็ดเหนื่อย ทุกๆ อาทิตย์หลัง study hall จะมีแจก pizza และ root beer ฟรี ซึ่งควรจะไปเร็ว ก่อนที่อาหารจะหมด เป็นศูนย์รวมของคนมากมายในช่วง เทศกาลกีฬา หรือ งานขายอาหารพิเศษ ในโอกาสต่างๆ เมื่อเดินลงไปชั้นล่าง จะมีร้านค้าของโรงเรียน ซึ่งมีตั้งแต่เครื่องใช้ประจำวัน ขนม เครื่องเขียน และอื่นๆ แต่ราคานั้น จะค่อนข้างแพงเมื่อเปรียบเทียบกับราคาในตลาดทั่วไป เปิดบริการเฉพาะจันทร์ ถึง ศุกร์

7. Meeting House

8. Theatre

เป็นสถานที่สำหรับจัดงานแสดงต่าง รวมถึง การประชุมร่วม (joint collection) ในวันอังคารของทุกสัปดาห์ ชั้นบนจะเป็นห้องโสต สำหรับผู้ควบคุมแสงเสียง ณ เวที ด้านหลังเวทีจะเป็นห้องทำงานสำหรับกลุ่มออกแบบและตกแต่งฉากเวที (scenic art design) ห้องเปลี่ยนชุดของนักแสดง และบริเวณเชื่อมต่อกับหอศิลป์ ที่มีจัดนิทรรศการเป็นระยะ และห้องใต้ดินสำหรับการฝึกซ้อมดนตรี งานแสดงโดยทั่วไปประจำโรงละครนี้ ได้แก่ dance recital ทุกๆ term, ละครเวทีของทั้งกลุ่ม musical รวมถึง senior play, concert ในวาระสำคัญ, และ การอภิปรายของแขกรับเชิญนอกสถานที่ เป็นต้น

9. Sport Field

10. Lake Forest (ที่ไม่ใช่ชื่อโรงเรียนแต่อย่างใด)

Location and Transportation

Weather

Food

Academic

1. US History (Susan R.)

2. Math (Kwesi K.)

มีหลายระดับสำหรับให้นักเรียนเลือก โดยมากแล้ว นักเรียนทุนไทย จะเลือกลง calculus BC สำหรับเตรัยมตัวสอบ AP Cal BC ซึ่งอาจารย์ Kwesi Koomson จะเตรียมการสอนไว้อย่างดี ด้วยความเข้มข้น และการปูพื้นฐานที่มีระบบ แต่ถ้าหากต้องการความท้าทายสามารถเลือกลง class Math seminar II ซึ่งจะเป็น multivariable calculus และ linear algebra ซึ่งโดยปกติจะมีนักเรียนประมาณปีละ 2-3 คน เท่านั้น แต่เนื่องด้วยความที่ Kwesi ต้องเตรียมการสอน calculus BC เป็นพิเศษ ประกอบกับความเกียจคร้านส่วนตัว อาจทำให้นักเรียนวิชานี้ ต้องศึกษาเองเป็นส่วนใหญ่

3. Science

Biology (Tim L.)

จัดได้ว่าเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ที่เข้มข้นที่สุดในโรงเรียนก้อว่าได้ ระดับสูงสุดในโรงเรียน คือ สำหรับการสอบ AP และความรู้ที่เกินหลักสูตร AP อันได้แก่ วิวัฒนาการเชิงลึก อนุกรมวิธาน และกายวิภาคเปรียบเทียบของสัตว์มีกระดูกสันหลัง ในขณะเดียวกัน ตอนสอบก้อต้องอ่านหนังสือเยอะ ปริมาณงานและการบ้านจัดได้ว่ามากพอสมควร อันได้แก่ lab report ที่เป็น essay และบางครั้ง ต้องหาข้อมูลจากแหล่งความรู้ภายนอกในการทำ presentation จึงเป็นวิชาที่น่าสนใจสำหรับผู้ปรารถนาความท้าทาย

Chemistry (Rose K.)

เป็นวิชาสำหรับเตรียมการสอบ AP โดยเฉพาะ เนื้อหาอยู่ในระดับพอสมควร ซึ่งโดยมากล้วนอยู่ในหลักสูตรมัธยมปลายของประเทศไทย ยกเว้น เรื่อง thermodynamics และเนื้อหาอื่นๆ เล็กน้อย ทำให้ไม่จำเป็นต้องเครียดในการเรียนมากนัก ปริมาณงานเหมาะสม มี lab report ทุกอาทิตย์ ซึ่งในช่วงแรก อาจจะโดนหักคะแนนเล็กน้อย แต่เมื่อจับจุดได้แล้วจะไม่ประสบปัญหาแต่อย่างใด ข้อควรระวังคือ ต้องส่งงานตรงเวลา เพราะ แม้อาจารย์จะใจดี แต่เข้มงวดและเคร่งระเบียบมาก จึงไม่ควรประมาท

Physics (Patti S.)

เป็นวิชาที่นับว่าอ่อนประสิทธิภาพสำหรับการเตรียมสอบ AP physics C อันเนื่องมาจาก รูปแบบการสอนของอาจารย์ที่เน้น เชิงทฤษฏี มากเกินไป โดยขาดการประยุกต์ด้าน คิดคำนวณ และแก้ปัญหาโจทย์ ซึ่งตรงข้ามกับ physics C ที่เต็มไปด้วยการพลิกแพลง และคำนวณมากมาย มีการทำ lab และส่ง lab report เป็นระยะ ในการสอบนั้น จะเป็นการเขียน essay บรรยายทฤษฏีทาง physics ซึ่งรวมถึงการนำเสนอเนื้อหา physics ที่ตนสนใจ ไปเขียนในห้องสอบด้วย จึงอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ชอบคิดคำนวณและความแปลกใหม่

4. English (Tom W.)

5. ESOL (Libby R.)

English of Speakers of Other Languages ซึ่งโดยปกติ โรงเรียนบังคับให้ international student ทุกคนเรียน แต่โดยมากเนื้อหานั้นง่ายเกินไปสำหรับนักเรียนทุนไทย เกือบทุนคน จึงทำให้วิชานี้เป็นอุปสรรคและตัวถ่วงในชีวิต จึงควรยื่นเรื่องขอไม่เรียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะประสบปัญหาด้านตารางวิชาที่ไม่ลงตัว เมื่อไม่ได้ลงวิชานี้แล้ว จะทำให้มีโอกาสได้เลือกลงวิชาศิลปะ ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับนักเรียนได้ ทั้งด้านความชอบส่วนตัว และการสมัครมหาวิทยาลัย ในกรณีที่ถูก อาจารย์ ลิบบี้ รับบ์ ผู้เป็นคนจัดการด้าน international student บังคับให้ลงอย่างไม่มีทางเลือก ให้โทรไปแจ้งปู่โรคให้ดำเนินการช่วยโดยทันที

6. Bible and Quakerism (Kevin G./Rebecca E.)

7. Art

8. AP Computer Science (Tom H.)

ผู้คน

อาจารย์

- อาจารย์คุมหอ: หรือเรียกว่า dorm parent ซึ่งจะผัดเปลี่ยน