ผลต่างระหว่างรุ่นของ "The Taft School"
ล |
|||
แถว 1: | แถว 1: | ||
{{กล่องข้อมูล โรงเรียน | {{กล่องข้อมูล โรงเรียน | ||
| image = | | image = | ||
+ | [[http://412.laxallstars.com/files/2010/12/The-Taft-School.jpeg]] | ||
| caption = | | caption = | ||
| address = | | address = |
รุ่นปรับปรุงเมื่อ 16:53, 20 เมษายน 2554
The Taft School | |
[[1]] | |
ที่อยู่ | |
---|---|
110 Woodbury Road
Watertown, CT 06795-2100 | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ประเภท | College Preparatory School |
ตัวนำโชค | Red Rhino |
เว็บไซต์ | www.taftschool.org |
Taft เป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียนประมาณ 600 คน ทำให้ได้รับข้อดีของทั้งโรงเรียนขนาดใหญ่ และโรงเรียนขนาดเล็ก แบบ 2 in 1 เลยทีเดียว
เนื้อหา
Location
โรงเรียนของเราอยู่ Watertown, Connecticut ซึ่งก็จะมีเมืองเล็กๆ อยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนมาก เดินประมาณสิบนาทีถึง ในเมืองมันก็จะมีทุกอย่างที่น้องต้องการ (นอกจากที่เที่ยว) มีร้านอาหารอิตาลี จีน พิซซา มี rite aid (ร้านชำบ้านเราอะ พวก lotus express) เดินไป 20 นาที จากรร.ถึง Marshall เป็นร้านเสื้อถูกมักๆ แต่ออกแนวคุณป้า ต้องเลือกดีๆ และก็มี supermarket [Adams] ให้ซื้อของกิน และ มี Starbucks, dunkin ด้วย
แล้ว ก็จะมี Waterbury ที่อยู่ห่างออกไปนิดหน่อย มีรถไปทุก 1 ชม. นั่งรถประมาณครึ่งชม. ค่ารถ $1 ซึ่งก็จะมี mall ให้น้องได้ ผลาญตังกันหนุกหนาน มี mall ใหญ่โต มีทุกอย่างในนั้นอะ และ walmart(Lotus บ้านเรา)
นั่งรถไปอีกนิดนึงมีร้านอาหารจีน อร่อยใช้ได้ เด๋ว advisor น้องก็คงพาไป
ส่วนใหญ่พี่จะสั่งอาหารมากิน พวกอาหารจีน อิตาเลี่ยน ไรแบบนั้นอะนะ ตกกลางคืน เำพื่อนๆพี่ก็สั่งไอติมมากินกัน
20 นาทีนั่งรถ ไปถึงท่ารถ ซึ่งจะพาน้องๆไปสู่โลกภายนอก
อากาศ ก็หนาวสุดประมาณ -10 C ในช่วง winter มันหนาวก็จริง แต่น้องไม่ต้องเจอปัญหา เพราะว่าตึกเรียนอยู่ใกล้กันมากๆๆ จริงๆ แล้ว dorm ผู้ชายอยู่บนตึกเรียนเลยด้วยซ้ำ อิๆ ไม่ต้องตากหิมะ ยกเว้นต้องไปเรียน Math&Sci ซึ่งตึกเรียนอยู่แยกออกไป
สถานที่ ตึกเรียน เพื่อนๆ สวยงามมาก ใครมาก็บอกว่ารร. เราสวย อิอิ อารมณ์เดียวกะ Harvard เลย ตึกแดงๆ
Watertown จะมี Wachovia Bank ในโรงเรียนก็มี ATM ของ Wachovia ถ้ามาแล้วเปิดบัญชีของธนาคารนี้ก็จะสะดวก ของพี่ตอนนี้ก็มี บัญชีของ Citizens Bank ที่ทำตอนอยู่ Brewster กับ ของ Wachovia ในโรงเรียนก็จะมี ฝ่ายการเงิน เวลาได้ เช็คมาก็ฝากเค้าเข้าแบงค์หรือ บัญชีของ โรงเรียนก็ได้
Academics
เรื่องการเรียนที่นี่ ไม่ยาก ชิวอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งน่าจะแปรตามความตั้งใจในห้องเรียน(ใช้ไม่ได้กับ Cal BC) และการแบ่งเวลาของนักเรียนแต่ละคน พี่ไม่เคยทำการบ้านเสร็จเกินห้าทุ่ม หนักสุดครั้งเดียว วันที่ขี้เกียจเกินพอดี เลยทำเสร็จประมาณตีหนึ่ง ถ้าน้องไม่ลั่ลล้าหลังการบ้านเสร็จเหมือนพี่ ก็นอนเร็วๆได้ทุกวัน ปกติระหว่างวันก็มีคาบว่าง ทำไปบ้างช่วงนั้นก้ได้ ตอนกลางคืนก็จะชิว
Taft มีชือเรื่องความเข้มข้นของวิชาการ ซึ่งจะว่าไปแล้วถ้าเรื่องเรียนล้วนๆ (โดยเฉพาะสายวิทย์) ก็อยู่ league เดียวกะ Choate และ Andover เลยที่เดียว Facility ของเราก็ดีพร้อมครับ ทั้ง lab ชีวะ เคมี ฟิสิกส์ เนื่องจากมีจำนวนนักเรียนค่อนข้างมาก และมีเงินปริจากสูง(ปีที่แล้วเฉพาะ เงินจากผู้ปกครองก็ไปล้านกว่าเหรียญแล้วครับ) อีกอย่างคือว่า หากว่าน้องเป็นเด็กสายวิทย์ แล้วเกิดว่าเก่งจัด เก๋าจัด ไม่พอใจกะคอร์สที่เปิดสอนอยู่(MAX math=multivariable+linear algebra MAX physics=AP physics c) ก็สามารถคุยกะครูแล้วเปิดคอร์สเรียนเอง แบบตัวๆ หรือว่าจับกลุ่มกะเพื่อน เรียนก็ได้นะครับ เค้าเรียกว่า ISP [Independent Study Project] เช่นว่า เพื่อนพี่Topทำ Quantum Mechanic เป็นต้น
AP Calculus BC by Mr. Al Reiff
น่าเบื่อนิดๆ สำหรับคนที่เรียนมาแล้ว ถ้าคิดว่าแน่น calculus พอสมควร ก็ไปเรียน multivariable calculus ได้ พี่รอนานเกิดไป เลยเปลี่ยน course ไม่ได้ แต่เรียนคอร์สนี้ก้ได้ไรใหม่ๆบ้าง เป็นบางครั้ง
AP Physics C by Mr. James Mooney
ไม่ยาก แต่ก็ไม่ simple ขนาดนั้น มีใช้ calculus คำนวน และพิสูจน์สูตร ถ้าไม่ประมาท แล้วก้เก็บ พวก extra credits ได้เยอะๆ ก้ ได้เกิน ร้อย ไม่ยาก
AP Chemistry by Mr. David Hostage
พี่เลือกอาจารย์คนนี้เป็น advisor เอง ฮามาก ตลกดี เป็น Democrat ด้วย ฮ่าๆ อาจารย์เค้าแคร์นักเรียนมาก บรรยากาศจะประมาณว่าไปพร้อมกันทั้งห้องเรียน มาเรียนก็พยายามนั่งแถวหน้าไว้ จะได้ดูดีว่าตั้งใจ ยิ้ม (มีแค่สามแถว) ข้อสอบอ่านไปก้ไม่ยาก ทำ lab report ให้ดี คะแนนก็จะดีเอง
Short Story (Senior English) by Mr. Steve Palmer
พี่ชอบวิชานี้ที่สุด ถึงแม้จะเอกฟิสิกส์ก็ตาม Short Story จะเรียนในหนังสือ The Art of the Short Story ซึ่งจะได้อ่านเรื่องสั้นของนักเขียนดังๆ หลายคน ไม่ว่าจะเป็น Conrad, Hamilton, Joyce, Jack London, Faulkner และอื่นๆ อีกมากมาย วิชานี้ก็จะเป็นแบบว่าให้อ่านวันละเรื่องแล้ว ก็มา discuss กันในห้องเรียน ของพี่ส่วนใหญ่ ก็จะมี American seniors พูดมากอยู่สองสามคน พี่ก็พูดบ้าง ฮ่าๆ อาจารย์คนนี้เก่งมาก เค้าก็จะโยงทุกอย่างมารวมกัน แล้วทำให้เราอึ้งว่าคิดได้ไง อะไรประมาณนั้น บางทีก็จะมี quiz ถามพวก details ในเรื่องเพื่อดูว่าเราอ่านมาจริงมั้ย แล้วก็จะมี in class essay หรือ paper ซึ่งก็น่าสนใจมาก in class essay ส่วนใหญ่พี่ก็เขียนไม่ทัน ในคาบ แต่อาจารย์เค้าก็ไม่ strict บอกว่าส่งหลังคาบ ไรงี้ก็ได้ ก็ไม่ซีเรียส เรียนแล้วสนุกดี ยิ้ม
"อาจารย์อังกฤษที่นี่เค้าเข้าใจน้องค่ะ ว่าน้องเป็นเด็กอินเตอร์ น้องสามารถไปขอให้เค้าช่วย อธิบายให้เค้าฟัง ว่าเราไม่เข้าใจตรงนี้ๆ อาจารย์ใจดี ถึงแม้ว่าเกรดมันจะเทียบกะฝรั่ง แต่เอาเข้าจิงๆ เค้าก็แอบมีลำเอียงให้พวก อินเตอร์บ้างนิดนึง โดยเฉพาะเด็กใหม่อะ เอาไปเอามาก็ได้เกรดพอๆกะเมกันอะแหละ ดีกว่าด้วยบางที เพราะไอพวกนั้นมันไม่อ่านหนังสือ แต่ที่จะยากหน่อย (และยากมากสำหรับพี่) คือ discussion อาจารย์จะคาดหวังว่าเราต้องพูดและแสดงความเห็น ถึงน้องจะพูดไม่รู้เรื่อง เค้าก็จะตั้งใจฟัง เรื่องการเขียน ตอนแรกๆอาจจะเขียนได้ห่วยบรม เค้าจะมี writing center ช่วยดูเรื่องการเขียนให้ ครูพ่ีแนะนำให้ไปเหมือนกัน (แสดงว่าเขียนห่วยมาก ครูทนไม่ไหว) แต่ก็ไม่เคยจะไปเลย ส่วนใหญ่ให้เพื่อนสอน ฮะๆ" (P'Pong)
US History by Ms. Megan Valenti
ก็ตามปกติของ วิชาประวัตศาสตร์ทั่ว ไป การบ้านอ่านวันละสิบหน้ากว่าๆ แต่ต้อง take note ด้วย ซึ่งก็จะช่วยให้เราจำง่ายขึ้น แต่ใช้เวลาเพิ่มขึ้นหน่อย ไม่ยาก เวลาตอบก้ตอบให้ครบ เขียน opinion paragraph ก็ควรจะเป็นการวิเคราะห์ ไม่ใช่สรุป history ของเหตุการณ์นั้นๆ แต่ละเทอมก็จะมี harkness discussion สองครั้ง ก็เตรียมข้อมูลให้ดี แล้วก็พยายามพูดเยอะๆ ก็จะดีเอง
ทางสาย history ก็จะมีครูดีมากๆ กะครูห่วยมากๆ ปนกัน ซึ่งอันนี้ น้องต้องเลือกให้ดี เกิดว่าได้มาอยู่จริงๆ แล้วถามพี่ๆได้ครับ พี่เอง(พี่ก่อ)ได้ครูโหด T_T history รร.เรา reading ไม่หนักมากนะ อ่านน้อยกว่าหลายๆรร.เท่าที่ได้ข่าวมา นานๆก็มี paper ให้ปั่นทีนึง มี quiz ประมาณ chapter ละครั้ง (ขึ้นอยู่กะอาจารย์ด้วยแหละ เรียน history เหมือนกะลูกไก่ในกำมืออาจารย์ เค้าชอบก็ให้แต้มดี เค้าไม่ชอบ คุณก็ซวยไป) อาจารย์จะเรียกร้องเรื่อง discussion history เป็นคลาสที่ค่อนข้างท้าทาย เพราะจะมีกิจกรรมจำพวก debate, class discussion leader, oral presentation, research papers อะไรที่มันเรียกร้องมากอ่า อยู่ในคลาสนี้หมดและ แต่ก็ดี ถ้าไม่เจอเลยก็ไม่ได้ฝึก เพราะอังกฤษที่นี่ (ที่พี่เรียน) ออกแนวอ่านแล้วก็ discuss แล้วก็เขียน paper ไม่ค่อยมีอะไรมาก คะแนน SAT Writing พี่ขึ้นเยอะ ส่วนนึงก็เพราะ class history นี่แหละ
Art
รร.เรามีให้เลือกน่าทำมากมาย ทั้ง drawing, ceramics, singing, dancing, acting, sculpture, computer graphic, maya 3d, 2d, และ ที่พี่ภูมิใจนำเสนอ glass ครับ น้องจะได้ประดิษฐ์ของตกแต่ง มากมายหลายอย่าง น้องๆผู้หญิงอาจจะได้ต่างหูทำเองไว้ใส่เล่น "คลาส art เป็นอะไรที่เยี่ยมยอดสุดแล้ว ถ้าน้องชอบวาดรูป อย่าคิดมาก ลง intermediate-advance drawing กะ Ms.Chic ซึ่งเป็นคุณครูที่น่ารัก และฮาที่สุดในโลกใบใหญ่ เรียนอาร์ททำให้ชีวิตพี่ดีขึ้นเยอะมากๆ นี่ได้ไป field trip ที่NYC มา...เจ๋งปะหละ" (P'Pong)
College Counseling
College Counselor ที่นี่มี สามคน ชายสอง หญิงหนึ่ง ขึ้นอยู่กับดวงว่าจะได้ใคร ก็ไปหาเค้าบ่อยๆ อาทิตย์ละครั้งกำลังดี เพราะเค้าต้องเขียน recommendation ให้เรา บางทีก็ฟังหูไว้หู แต่ส่วนใหญ่ พี่บอกอะไร เค้าก็ จะเชื่อ แล้วก้แนะนำเพิ่ม ถ้าได้ผู้หญิง (Ms. Ganung) เวลามีเรื่องอะไรก็พยายามเตือนเค้าบ่อยๆ เหมือนเค้าจะชอบลืม แล้วเวลาสมัครมหาลัย อาจจะไม่ต้องจ่ายตังเพราะ college counselor อาจจะขอ fee waiver ให้ได้ ก็ต้องดูๆ แต่ละมหาลัย แต่ก็อย่าลืมถาม CC ของตัวเอง
Advisor
ตอนที่มาถึง นักเรียนใหม่จะได้ temporary advisor ซึ่ง ปกติก็จะไปคุยด้วยอาทิตย์ละครั้ง หรือมากกว่าตามความสนิท พอผ่านไปสามอาทิตย์ ถ้าเจออาจารย์ในห้องเรียน หรืออาจารย์คนอื่นที่ชอบ ก็สามารถเปลี่ยนคนได้ ก็แค่เดินไปขอเค้า ของพี่ตอนแรกได้ advisor เป็นครู ประวัตศาสตร์แต่เค้าไม่ได้สอนพี่ เลยไปเลือก Mr. Hostage ที่ตลกๆ ตามที่บอกไปแล้ว Advisor ก็จะค่อนข้างสนิทกับเรา บางทีก็กินข้างเที่ยงด้วยกัน มีเรื่องอะไรก็ไปบอกเค้า เค้าก็จะช่วยเราเอง อย่ามีอะไรเครียดแล้วเก็บไว้
Support
ขณะเดียวกัน ในแง่ของ support จาก faculty โรงเรียนของเราก็มีชื่อทางด้านความใกล้ชิดของครู และ นักเรียนเป็นอย่างมากเลยครับ (อันนี้จะเป็นข้อดีที่คล้ายกับโรงเรียนขนาดเล็ก) คือว่าครูส่วนมากก็จะอยู่ในโรงเีรียน หรือแถวๆ โรงเรียน แล้วก็มี extra hour สำหรับนักเรียนที่สงสัย มีคำถาม หรืออยากรุ้อยากเห็น ก็สามารถมาถามได้ ตัวอย่างเช่น ครูเลขพี่ เค้าอยู่สองทุ่มถึงสามทุ่มอาทิตย์ละประมาณ 5 วัน!!!(โอ้โห อาทิตย์นึงมันมีเจ็ดวันไม่ใช่เร้ออออ) พี่ก็ไปหาเค้าบ้าง นานๆ ที(พี่คิดว่าถ้าเกิดว่าน้องจะลงคอร์สโหดๆ มากๆ อันนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ดีมากของน้องเลยทีเดียว) ก่อนสอบเค้าก็จะจัด review session ให้น้องสามารถถามได้จนน้องเบื่อไปเอง แต่จริงๆแล้วคอร์สมันไม่โหดขนาดนั้นหรอก ถ้าน้องเรียนพอประมาน แบบพี่ พี่ลง BC & Physics C ธรรมดาเหมือนคนอื่นทั่วไป จะว่ายากไหม มันก็ไม่ยากมากนะ แต่น้องถ้าอยากเร้าใจ จะลง multi or linear algebra ก็ได้ ซึ่งบางรร.อาจจะไม่มีคอร์ส advance math แบบนี้
Club
นอกจากนี้ยังมี clubs ต่างๆน่าสนใจ เช่นพี่ทอปเค้าไปเป็นนักเต้น ขาแดนซ์ ก็ประสบการณ์แปลกใหม่ไปอีกแบบนะ มี international club ซึ่งมี feed แสนอร่อยเป็นประจำ มี hydrox เป็นคณะร้องเพลงประสานเสียง มี a capella ด้วย (ของผู้ชายชื่อ oriocos)
Transportation
การเดินทางไปที่ต่างๆ ทาฟก็จัดว่าอยู่ไม่ห่างไกลเท่าไหร่ ไม่ได้ป่า เหมือนหลายๆโรงเรียน เช่น Hotchkiss อยู่ห่างจากนิวยอร์กประมาณสองชั่วโมง แต่ละเบรก ไม่ว่าจะเป็น fall long weekend สี่วัน, thanksgiving break 10 วัน ถ้าน้องจะไปหาใครที่ไหน โดย เฉพาะ นิวยอร์ก โรงเรียนก็จะจ้างรถไปส่งให้ ก็เสียเงินนิดหน่อย แต่ก็ทำให้สะดวก ไม่ยาก การสอบ SAT ทาฟ ก็เป็นศูนย์สอบ เป็นบางเดือนเช่น October, November and January ก้สบายไม่ต้องเดินทาง แต่เดือน ธันวา ซึ่ง Taft จะไม่ได้เป็น ก็ให้น้องเลือก Watertown High School ซึ่งอยู่ห่างไปแค่ นั่งรถห้านาที ตอนแรกนึกว่าจะไม่ดี แต่โรงเรียนนี้สวยมาก เหมาะกับการทำข้อสอบอย่างยิ่ง ยิ้ม ส่วนสอบ TOEFL น้องก็ลองดูของพี่ๆปีก่อน เพราะพี่ไม่ได้สอบตอนอยู่ที่นี่เลย
Daily Life
ตารางเรียนปกติของทาฟ เรียนวันจันทร์ถึงเสาร์ เริ่มคาบแรก เจ็ดโมงสี่สิบ บางวันคาบแรกจะว่าง ก็ได้นอนยาว วันอังคาร พุธพฤหัส และเสาร์ จะมี school meeting ตอน 10 โมงถึง ประมาณ สิบโมงยี่สิบ แล้วก็จะเรียนเสร็จประมาณ อย่างมาก ก็ 3.20 pm หลังจากนั้นก็จะเป็นเวลาเล่นกีฬา
ตอนสองทุ่มถึงสี่ทุ่มทุกวันก็จะมี study hall time ซึ่งก็ใช้ทำการบ้าน ของ senior ก้ไม่ซีเรียส sign out ไปกินขนม เล่น pool ปิงปอง ไรงี้ได้ แต่ก็พยายามทำการบ้านให้เสร็จ
กีฬา
กีฬาที่ทาฟจะแบ่งเป็นสามเทอม (การเรียนแบ่งเป็นสองเทอม semester)
- fall sport: football(American), Voleyball, Soccer, Cross Country, Field Hockey, Riding, Tennis และอื่น
- winter sport: Ice Hockey, Squash, Wrestling, Basketball, Skate, Yoga, Aerobics, skiing, etc.
- spring sport: Baseball, Tennis, Track, Lacrosse, Golf, Crew, Softball
กีฬาที่ Prep School ก็จะแบ่งเป็นระดับๆตามความโปร ตั้งแต่ Varsity, Junior Varsity, Third จนถึง intramural ซึ่งจะไม่ได้แข่งกับโรงเรียนอื่น เล่นขำๆ ถ้าไม่อยากเล่นกีฬา ก็สามารถทำอย่างอื่นได้ เช่น drama, computer graphic, volunteering หรือ project ที่เราอยากทำเอง
การซักผ้า
ที่นี่พี่แนะนำให้ซักเอง จะมีเครื่องซักผ้าอยู่เพียงพอ กะเวลาดีๆ วันธรรมดาส่วนใหญ่คนจะน้อย แต่ต้องดูดีๆก่อนใช้ว่า เสียรึเปล่า เครื่องซัก 1$ และเครื่องอบผ้า 50 cents ก็จะต้องใช้ เหรียญ Quarter หรือ 25 cents หกเหรียญต่อครั้ง แลกได้ที่ book store
Dress Code
นักเรียนชายมี Dress Code แต่จริงๆ แล้วก็เป็นแค่ ใส่เสื้อคอปก ถ้ามีกระดุมตรงกลาง ก็ต้องใส่ในกางเกง แต่ถ้าเป็นพวกโปโล ก็ใส่นอกกางเกงได้ กางเกงต้องไม่ใช่ยีน ส่วนใหญ่ เค้าใส่ Slack สี่เนื้อ หรือน้ำตาล จริงๆ ก็ยังไงก็ได้ รองเท้าก็ ต้องไม่ใช่ sneakers ดูให้เหมาะสมก็โอเค ของผู้หญิง ไม่เคยอ่านกฏของเค้า แต่เหมือนจะใส่ไงก็ได้ให้เหมาะ สม ไม่ใส่กระโปรงหรือ กางเกงที่สั้นมากๆ ก็น่าจะโอเค
Food
อาหารที่นี่จัดได้ว่าดีที่สุดใน NEW ENGLAND เทียบกับ Prep School ทั้งมวล Chef ที่นี่ไปแข่งทำอาหารมา มีเหรียญทองเป็นการันตี ความอร่อย อาหารก็มีให้เลือกจำนวนมากทั้ง ซีเรียล พิซซ่าทุกวัน main course สลัดบาร์ Frozen Yogurt คุกกี้ แซนวิชบาร์ เยลลี่ และอาหารพิเศษอีกมากมาย นานๆ ทีจะมีอาหารที่กินไม่ค่อยได้ แต่โดยรวม อร่อยมาก จิงๆ มาที่นี่ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินแน่นอน เรื่องอาหารนี้ต้องซีเรียสหน่อย เพราะมันดีมากจริงๆ เหมือนที่พี่หวายปีที่แล้วให้ข้อสังเกตว่า "Bowdoin ที่ว่าอาหารอร่อยที่สุดใน American College, according to Princeton review ทำpizzaได้ไม่อร่อยเท่า Taft นะจ๊า"
Dining Hall ที่นี่หรู ด้วยห้องอาหารขนาดใหญ่ ประดับผนังไปด้วยไม้(สัก) หรืออะไรทำนองนั้น มีด้วยกันสามห้อง ทำให้สามารถเลือกนั่งกิน เปลี่ยนบรรยากาศไปได้ตามสบาย บางห้องยังมีมุมส่วนตัว เป็นคอกๆ ให้อีกด้วย แต่ละอาทิตย์ก็จะมี ประเพณี SIT DOWN DINNER วันอังคารและวันพฤหัส ซึ่งนักเรียนทั้งโรงเรียนจะมานั่งกินข้าวเย็นร่วมกัน แบ่งเป็นโต๊ะๆ ละประมาณ สิบคน สับเปลี่ยนไปเรื่อย ทำให้ได้คุยและรู้จักคนกว้างขวางขึ้น SIT DOWN DINNER นักเรียนชายก็ต้องใส่ shirt necktie แล้วก็ Blazer ซึ่งก็ทำให้ได้แต่งตัวแลดูดีอาทิตย์ละสองครั้ง ส่วนผู้หญิงก็ใส่ dress แต่งตัวกันสะบัดเลย
ของฝากจากรุ่นพี่
สำหรับน้องๆที่จะมา พี่ๆ รุ่นก่อนๆ ก็จะทิ้งของไว้ให้ จำนวนมาก ตอนนี้มีอยู่สามกล่อง กับ พรมม้วนใหญ่ๆ หนึ่งม้วน หนังสือ ส่วนใหญ่ จะเป็น SAT, Toefl, text ที่ใช้เรียน AP Chem, Cal และ US History, Text Physics for engineering และอื่นๆ อีกมากมาย
ทำเนียบ Thai Scholars
- TS47 (2004-2005): วราสิณี ฉายแสงมงคล (จ๋า/P'Jah) ทุนไทยพัฒน์ [Cornell University -> Yale University]
- TS48 (2005-2006): สิริภัทร สุมนาพันธุ์ (กุ๊ก/P'Kook) ทุนไทยพัฒน์ [California Institute of Technology -> Stanford University], กรพงศ์ พงศ์มรกต (ท็อป/P'Top) ทุนไทยพัฒน์ [Stanford University]
- TS49 (2006-2007): ปองกานต์ จักรธรานนท์ (ปอง/P'Pong) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [Northwestern University]
- TS50 (2007-2008): ธนชาติ นิละนนท์ (ก่อ/P'Gor) ทุน พสวท. [Carnegie Mellon University], ณัฐนรี ศิริวรรณ (พลอย/P'Ploy) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [California Institute of Technology]
- TS51 (2008-2009): นัทธมน ถาวรพิทักษ์ (ยุ้ย/P'Yui) ทุนบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด [Carnegie Mellon University]
- TS52 (2009-2010): วรัชรี ศรีฟ้า (หวาย/P'Wai) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [Bowdoin College]