ผลต่างระหว่างรุ่นของ "The Hotchkiss School"
(→ทำเนียบ Thai Scholars) |
(→กีฬา & กิจกรรม) |
||
แถว 118: | แถว 118: | ||
นอกจากพวก sports แล้วก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆที่เราเลือกได้: | นอกจากพวก sports แล้วก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆที่เราเลือกได้: | ||
+ | **อันนี้เป็นแค่ตัวอย่าง list ของ activities ทั้งหมดให้ดูที่ลิ้งค์ที่แปะไว้ข้างบนนะจ๊ะ** | ||
'''Fall''' | '''Fall''' |
รุ่นปรับปรุงเมื่อ 20:38, 2 มีนาคม 2559
เนื้อหา
ที่ตั้ง & ประวัติโดยย่อ
"หอดขีดสกูนเป็น 1 ใน 8 schools association (andover,exeter,deerfield,choate,st.paul's,lawrenceville,NMH) นะจ้ะ ตะก่อน รร เราเปนประมาณ feeder ของ Yale จ้ะ (เหมือนเป็น รร ป้อนเด็กเข้าเยลอะ) มีศิษย์เก่าที่มีชื่อเลียงหลายท่าน เช่น Henry Ford,เจ้าของ Mars (ช็อกโกเเลตมาร์อะจ้ะ), Henry Luce ( co-founder ของนิตยสาร TIME), ผู้ก่อตั้ง Morgan Stanley, ญาติของปธน. Bush ที่ไม่ได้ไป andover,Tom Werner (Chairman ของ Boston Red Sox) ปิ่น จักกะพาก etc. รร เรามีสายสัมพันธ์กับ รร มัธยมที่ปักกิ่ง เคยมีศิษย์เก่าเป็นเอกอัครราชทูตที่จีนด้วยจ้ะ ปีหน้าจะเปลี่ยน head of school คนใหม่ คือ Dr.Kevin Hicks ใจดีมากก (เเกเคยเปน dean ของ Berkeley College ที่ Yale มาก่อน) ที่นี่มีเด็ก international เปอเซ็นสูงอยู่ ถ้าเอเชียก้ส่วนมากเปนจีน เกาหลี ไม่มีเด็กไทยคนอื่นนอกจาก TS. เชิญชมวีดีโอเเนะนำโรงเรียนได้ที่ http://vimeo.com/m/60178172" by P'Pako TS55
- Hotchkiss เป็นโรงเรียนสหศึกษา ตั้งอยู่ในเมือง Lakeville ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆใน Connecticut
- จริงๆจะว่าอยู่ในเมืองก็ไม่ใช่ เพราะโรงเรียนถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบ ป่า และฟาร์ม เราไม่สามารถเดินออกมาถึงเมืองได้ด้วยตัวเอง ต้องอาศัยรถคนอื่นมา
- ทะเลสาบสวยมาก ไปนั่งชิวได้ ป่ามี trail เข้าไปสำรวจได้
- เนื่องจากความ"ป่า"ของโรงเรียน สัญญาณโทรศัพท์เข้าไม่ถึง แต่ wifi โรงเรียนเร็วมากๆ
- โรงเรียนอยู่ใน Connecticut ใกล้โรงเรียนที่เพื่อนคนอื่นๆไปอยู่พอสมควร มีโอกาสเจอเพื่อนมากกว่าไปอยู่โรงเรียนในรัฐไกลๆ
-เว็บไซต์โรงเรียน www.hotchkiss.org
วิชาการ
จากพี่ปาโกะ TS55 "รร เป็นระบบ semester ปีนึงมี2เทอม เเบ่งเป็น 4 marking periods เกรดจะออกทุกmarking period (MP1+MP2เฉลี่ยกันเป็น 1st semester grade ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งให้มหาลัยดู) ส่วนเกรด MP3+4 (หลังสโตนี่พอย) ไม่มีผลต่อ college acceptances เเล้ว เเต่อย่าให้เกรดดิ่งเกินไปนัก ยังต้องส่ง final transcrpit ไปให้มหาลัยที่เรา enroll ด้วย"
- รร.เริ่มตั้งแต่ 8.30 AM - 3.20 PM ในวันปกติ 8.50- 12.10 วันพุธ และ 8.30-11.55 วันเสาร์ มีคาบว่างเป็นพักๆ แล้วแต่ตารางเวลาของน้อง
-น้องมาที่นี่จะได้เป็น PG (post-graduate) จะเลือกลงวิชาอะไรก็ได้ แต่เพื่อการสมัครมหาลัยก็ควรเลือกพวก AP หรือสูงกว่า AP ไว้บ้าง เพราะจะดูดีบนทรานสคริปต์
-ถ้าน้องถนัดด้านใดด้านหนึ่งจริงๆ อาจจะเลือกเรียน independent studies ก็ได้ ก็จะได้เรียนเนื้อหาที่ลึกกว่าธรรมดา เช่น ในคลาส independent study ของ Math นักเรียนกับครูจะช่วยกันเลือกหัวข้อยากๆมา discuss แล้วก็ทำ project
-ถึงแม้จะเลือกวิชาอะไรก็ได้ น้องอาจจะถูก"บังคับ"ให้ลง US History อยู่ดี เพราะที่นี่มีนโยบายว่าเด็ก international ควรเรียนวิชานี้ทุกคน
-ส่วนเรื่องจำนวนวิชาที่เรียน อันนี้แล้วแต่คน เด็กที่นี่เรียนกันตั้งแต่ 4-7 วิชา แต่สำหรับ TS ถ้าไม่ 5 ก็ 6 วิชาดีสุด (6 วิชาอาจจะเหนื่อยเป็นพิเศษ)
-ถ้าไม่มั่นใจว่าอยากเรียนวิชานั้นๆมั้ย ก็ลงเรียนไปก่อนได้เลย ภายในสองอาทิตย์แรกของเทอมเรียกว่าช่วง drop & add สามารถดรอปหรือเพิ่มวิชาได้ โดยที่ไม่ขึ้น record ในทรานสคริปต์ เพราะงั้นสมมติไปคลาสเลขแล้วคิดว่ามันยากเกินไป ภายในสองอาทิตย์ก็ไปหา registrar office แล้วก็เลือกคลาสที่ง่ายลงมาได้จ้า (เกินสองอาทิตย์ก็ drop ได้แต่มันจะขึ้นในทรานสคริปต์ว่าเราดรอปวิชานี้ แต่ add เพิ่มไม่ได้แล้ว) พี่ดรอป/แอดไปสามสี่รอบอะเพราะงั้นเป็นเรื่องปกติมากๆของที่นี่
โอเค intro มาเยอะแล้ว เข้าเรื่องดีกว่า:
วิชาที่พี่เรียนทั้ง 6 วิชาตามนี้เลย...
1. AP Physics C
เป็นวิชาฟิสิกส์ที่สูงที่สุดที่โรงเรียน offer รองจาก independent studies เรียนแยกเป็น 2 เทอม เทอมแรกเรียน Mechanics เทอมที่สองเรียน Electricity& Electromagnetism ทำแลปประมาณอาทิตย์เว้นอาทิตย์ บางทีก็เกือบทุกอาทิตย์ เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาของฟิสิกส์ม.ปลาย มีแค่บางเรื่องที่ไทยไม่ cover เช่น Gauss's Law แต่ไม่ยากเกินไป ที่ยากที่สุดของคลาสนี้คือ Calculus เค้าคาดว่านักเรียนที่เรียนคลาสนี้จะต้องผ่าน AP Calculus มาแล้วทุกคน (ซึ่งเนื้อหามันมากกว่าเนื้อหา cal ในม.ปลายไทย) ดังนั้นจะไม่มีการสอน calculus เพิ่มเติมในคาบ สำหรับน้องที่ไม่เคยใช้ cal ทำฟิสิกส์มาเลยอาจจะช็อกได้ พี่เรียนกับ Ms.Taneja เค้าเป็นครูที่เพิ่งมาสอน AP Physics C ปีแรก ใจดีแต่พี่ว่าเค้ายังงงๆกับการสอนวิชานี้อยู่อะ เลยอธิบายไม่เคลียร์ เราก็ต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเอง วิชานี้เหมาะกับ: น้องที่เคยใช้ cal ทำฟิสิกส์มาแล้ว วิชานี้ไม่เหมาะกับ: น้องที่ไม่เคยใช้ cal ทำฟิสิกส์มาก่อนเพราะมันจะเหนื่อยมากๆๆๆ เหมือนพี่5555 คำเตือน: อย่าเปรียบเทียบ AP Physics C ของแต่ละโรงเรียน มันต่างกันมากๆ บางโรงเรียนเรียนง่าย บางโรงเรียนเรียนยาก
2. AP Calculus BC
เรียน calculus เพิ่มเติมจากหลักสูตรม.ปลายของเมืองไทยพอสมควร แต่หลักๆเราก็เคยเรียนๆกันมาหมดละ เค้าจะเริ่มสองตั้งแต่วิธีดิฟ วิธีอินทิเกรต ไปจนถึงพวก applications ที่ในไทยไม่ได้สอน เช่น การหาปริมาตรของรูปทรงที่เกิดจากการเอากราฟมาหมุนๆรอบแกน x แกน y ไรงี้ เป็นวิชาที่ไม่ต้องออกแรงมาก พี่เรียนกับ Mrs. Downs เค้ารัก TS มากๆ ใจดีแล้วก็เข้าใจ ไปถามการบ้านได้ตลอด สอนดีมากๆๆๆ วิชานี้เหมาะกับ: น้องที่วิชาเลขไม่ค่อยแข็งแรงแบบพี่ วิชานี้ไม่เหมาะกับ: น้องที่เก่งเลขและพื้นฐาน calculus ดี เพราะมันจะน่าเบื่อ น้องสามารถไปลง linear algebra กับ multivariable calculus ได้ (ลองถามพี่มุม TS56 ดูจ้า)
3. Senior English (Short Stories/Classy Classics)
วิชาอังกฤษของ senior ที่นี่ดีอย่างนึงที่มันเป็น elective นั่นคือ จะมี choice ให้เราเลือกมากมาย เช่น Russian Literature, African American Literature, Short stories, บลาๆๆๆ ประมาณสิบนิดๆวิชา ที่เราสามารถเลือกเรียนได้ในเทอมนึง เทอมที่สองก็เลือกใหม่ เทอมแรก พี่เลือกเรียน Short Stories กับ Mrs. Buckles จะเรียนพวกเรื่องสั้น อ่านเรื่องสั้นวันละเรื่องแล้วมา discuss ในคลาส มี essay บ้างเป็นครั้งคราว มีสิ่งที่เรียกว่า ticket คือ 1-page essay เขียนอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับเรื่องที่อ่านในวันนั้นๆ ที่พี่ชอบทำคือแต่งบทพูดของตัวละครใหม่ หรือไม่ก็ลองเล่าเรื่องจากมุมมองของอีกตัวละครยังงี้ เรื่องสั้นสนุกตรงที่รู้สึกเหมือนเราได้อ่านนิยายประมาณ 40 กว่าเรื่องในเทอมเดียวอ่ะ ได้อ่านเรื่องใหม่ๆตลอด discussionในคลาสก็ทำให้เราเห็นว่าเพื่อนมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องที่อ่าน สนุกดี ตอนหมดเทอมก็เขียนเรื่องสั้นส่งเรื่องนึงเป็น final project เทอมที่สอง พี่เรียน Classy Classics กับ Mrs. Buckles อีกนั่นแหละ5555 พี่ชอบอาจารย์คนนี้ น่ารักดี มีมุกตลก ฮาตลอด วิชานี้ก็เรียนเกี่ยวกับ Classic Literatures ตั้งแต่แบบ Beowulf ซึ่งเป็นงานกลอนเรื่องแรกของอังกฤษ ยันแบบบทละครของอเมริกันที่ได้ชื่อว่าดีมาก เทอมนี้หนังสืออ่านยากกว่าเทอมแรก แล้วก็เน้นไปด้าน presentation มากกว่า essay ในเทอมสองนี้ senior ทุกคนต้องทำ project ที่ชื่อว่า "teagle" เป็น graduation requirement พูดง่ายๆว่าไม่ทำก็เรียนไม่จบ teagle เป็น paper ขนาด 10-20 หน้า ทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับ literature อาจจะทำ analysis paper วิเคราะห์ theme ของเรื่องสองเรื่อง หรือ อาจจะแต่งเรื่องของตัวเองโดยใช้แนวการเขียนของนักเขียนสักคน ส่วนตัวพี่แปลกลอนพระอภัยมณีตอนหนีนางผีเสื้อจ้า
4. US History
เรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอเมริกา ตั้งแต่ชาวยุโรปเริ่มเข้ามายันปัจจุบัน เป็นวิชาที่น้องจะได้เขียน essay เยอะที่สุด ได้ debate พูดง่ายๆว่างานหนักสุด แต่ก็สนุกเป็นบางบทๆไป นักเรียนที่เรียนวิชานี้ส่วนใหญ่เป็นเด็ก international ที่ไม่เคยเรียน US History มาก่อน เพื่อนๆในคลาสพี่มีมาจากโคลัมเบีย แคนาดา เนปาล เกาหลีใต้ และอื่นๆ คือหลากหลายมาก ถึงน้องไม่อยากเรียน ตอนจบก็อาจจะถูกให้เรียนอยู่ดี เพราะฉะนั้นทำใจมาแต่เนิ่นๆ ข้อดี: การรู้ประวัติศาสตร์อเมริกาจะทำให้น้องเที่ยว Washington DC อย่างมีความสุขและมีความรู้ 55555 น้องจะเข้าไปใน Supreme Court ด้วยความรู้สึกที่ว่า ฉันรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งนี้ เทียบกับเพื่อนที่ไม่ได้เรียน
5. Senior Music Performance
มาถึงวิชาโปรดของพี่ ไฮไลท์ของ Hotchkiss คือน้องสามารถเรียนดนตรีเป็น private lesson ได้ "ฟรี!!" (โรงเรียนอื่นส่วนใหญ่เก็บตังค์5555) Senior Music Performance ให้น้องเลือกเรียนเครื่องดนตรี 1 เครื่องได้ โดยที่จะมีอาจารย์มาสอนตัวต่อตัวอาทิตย์ละสองครั้ง พี่เลือกเรียน flute (มีเครื่องของตัวเอง) อาจารย์ก็สอนละเอียดมากๆ ตั้งแต่เรื่องรูปปากยันเทคนิคการเล่นดีๆ แล้วจากการที่วิชานี้คิดเกรดทำให้เรามุ่งมั่นซ้อมดนตรีบ่อยด้วย 5555 หมวดดนตรีมีห้องซ้อมดนตรีประมาณสิบกว่าห้องที่น้องเข้าไปใช้ได้เลย เป็นส่วนตัวมากๆ จริงๆ วิชานี้ถ้าเราซ้อมไม่พอเกรดจะตกง่ายมากเพราะครูจะรู้ว่าเราไม่ได้ซ้อม ถ้าน้องอยากเรียนดนตรีแต่ไม่อยาก commit ขนาดนี้ก็เรียน non-credit lesson ได้(จ่ายตังค์) ถ้าไม่มีเครื่องดนตรีก็ได้ยินมาว่าสามารถเช่าบางเครื่องได้เหมือนกัน
6. Hotchkiss Orchestra
ตามชื่อวิชาเลยจ้า Orchestra สัปดาห์ละสองครั้ง ต้องออดิชั่นเข้า แต่จริงๆก็ไม่ได้ยากอะไรแค่ไปเล่นๆให้ครูที่คุมวงฟัง วิชานี้สำหรับ PG ไม่คิดเกรด เป็นแค่ Pass กับ Fail ไม่มีความกดดัน 5555 Orchestra มีการแสดงปีละประมาณ 2-3 ครั้ง ฝึกเล่น 4-5 เพลง บางทีก็เป็น concerto เล่นกับ piano, violin บางทีก็เล่นทั้งวงใหญ่ๆเลย ถ้าอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง ทักหลังไมค์พี่มาได้ มีคลิปการแสดงให้ดู
ส่วนที่ quote นี่คือเป็นเรื่องวิชาการของพี่ปาโกะ TS 55 จ้า "รร เราจะเเข็งพวก humanities/social sciences มากกว่าวิทย์หรือเลขนะจ้ะ มาดูคอร์สที่พี่ลงดีกว่า (พี่ไม่ได้ลงวิทย์เลยอะ ใครลง ไปดูรีวิวจากของพี่อุ้ม TS54 ได้นะจ้ะ)
1. Shakespeare and the Bible:Literary Criticism. คือเป็นคอร์สอังกฤษอะจ้ะ. ปกติพี่ปีก่อนๆเค้าลง Senior English เเต่พี่ลงคอร์สนี้เพราะดูน่าสนใจมาก. ก้ตามชื่อคอร์สเลยนะ มีการบ้านให้อ่านก่อนคือ หนังสือชื่อ The Elizabethan World Picture (อ่านยากนิดนึง ภาษาเก่าหน่อย เล่มนี้จะเปนงานเเรกๆพอเปิดเทอม) เทอมเเรกจะเริ่มที่ เชคสเปียร์ Troilus and Cressida (มีเปเปอร์ใหญ่ตามมา). จากนั้นอ่านไบเบิล ทั้งold/new testament (genedis, luke,mark,matthew). มีเปเปอร์เมื่อเรียนจบ genesis, เเล้วก้มีอีกเปเปอร์ ซึ่งเเทบจะเป็นเกรดของ marking period นั้นเลย คือให้วิเคราะห์ painting ผนวกกับ gospels จ้ะ (เห็นป่าวว่าคอร์สนี้ได้อ่าน ได้เขียน ได้เรียรอะไรที่ใหม่มากๆ เราไม่เคยเรียนที่ไทย ตอนเเรกเเน่นอนว่ายาก เเต่พอเรียนไปเเล้รคอร์สนี้ไม่ได้พัฒนาอังกฤษเเบบตื้นๆนะ คอร์สนี้ทำให้เราวิเคราะห์ western literature เเบบเจาะลึก ครูที่สอนมีคนเดียวคือ Mr.Faison เค้าเ่ป็นตำนานเลยนะ สอนดีมากมากกกกกก เป็นศิษย์เก่าเซนต์ปอลกับฮาวาร์ด) เเล้วจบที่เชคสเปียร์ Richard II (มีเปเปอร์ตามมาอีกเช่นเคย 4-5หน้า) พอเทอมสอง คราวนี้เรียน Henry IV ,V, Hamlet, เเละอีกหลายเรื่อง.
2. AP Macroeconomics-AP Microeconomics เทอมเเรกเรียนmacro เทอมสองเรียน micro. อาจารย์ที่สอนคือ Dr.Mardon สอนดีนะ มีอ่านเป็นบทๆ ใช้หนังสือของ Paul Krugman กับ Robin Wells.
3. AP US History รร ไม่บังคับให้ลง จะลงอะไรก้ตามสบาย วิชานี้อ่านเยอะที่สุดเเล้วเเจ้ะ มีให้อ่านทุกวัน เกรดหลักๆมาจากเขียนเอสเสสดในห้อง. ถ้าใครอยากลงปวศ อเมริกาเเบบ non AP ก็ใช้หนังสือเล่มเดียวกันน่ะ (ปล ใครสายวิทย์ หนูๆไปลงวิทย์เต๊อะ จะได้ชิวนา =w=). 4.AP Calculus BC คอร์สนี้ง่ายผิดปกติ ถ้าเทียบความเร็วการสอนกับ ่cal BC ของ รร อื่น ถือว่าช้ากว่าอยู่นะ. เหมือนเรียนซ้ำเเคล ม.5 เมืองไทยเลยอะ เเค่มีหัวข้อเเปลกๆ เช่น taylor series มาหน่อย.ดเต่คอร์สนี้ชิวได้นะ. ไปนั่งฟังในห้อง เล่นคอมก้ได้ การบ้านไม่มี ถึงมี เค้าก้ไม่ตรวจ คะเเนนคือสอบอย่างเดียว คนสอนคือ Dr.Weiss ใจดีมหากาพย์. ใครอยากเรียนยากๆ เเนะนำลง Linear Algebra-Multivariable Cal ก้ได้น่ะ 5.Chinese เนื่องจากพี่เคยเรียนมา Yu Laoshi น่ารักมากกกกกกก เอาใจใส่เด็กมากกกก สอนดีๆ"
กีฬา & กิจกรรม
พวก activities จะแบ่งเป็น 2 อย่างหลักๆ
1. co-curricular activity: เป็นกิจกรรมภาคบังคับ คือนักเรียนทุนคนจะต้องทำเลือกทำหนึ่งกิจกรรมในลิสต์ที่โรงเรียนมีให้ในแต่ละช่วง (fall/winter/spring)
2. clubs: เป็นชมรมของนักเรียนที่สร้างๆกันเอง มักจะมีมีตติ้งตอนเย็นๆ ตอนเปิดเรียนแรกๆจะมีวันที่เราไปเลือกลง club ได้ บาง club จะส่งเมลล์หานักเรียนทั้งโรงเรียนเวลาที่มีมีตติ้งด้วย
พี่จะขอข้ามเรื่อง club เพราะมันไม่ค่อยตายตัว คือถ้าน้องไม่เป็น board member ของคลับนั้นๆ(คนหลักๆทีรันคลับ) ส่วนใหญ่ก็คือไปร่วมกิจกรรมกับเค้าเป็นครั้งคราว เช่น ไปเล่นไอซ์สเก็ตกับ Figure Skating Club/ ไปสร้างบ้านกับ Habitat for Humanity
ปล. น้องสามารถสร้างคลับเองได้ โดยเขียน proposal แล้วก็หาอาจารย์สักคนมารับรองให้
มาดู co-curricular ดีกว่า
- co-curricular จะแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู
- เราสามารถเลือกได้แค่ 1 อัน/ฤดู
- มีตั้งแต่ Interscholastic sports (กีฬาที่เล่นระหว่างโรงเรียน) ไปยัน fitness ชิวๆ
- Interscholastic sports ของแต่ละ season ดูได้ที่ http://www.hotchkiss.org/athletics/athl_sportoffer.aspx
- Intramural sports ของแต่ละ season (กีฬาที่เล่นกันเองในโรงเรียน แนว club sport) ดูได้ที่ http://www.hotchkiss.org/athletics/athletic-program/intramural/index.aspx)
-ถ้าไม่อยากทำ co-curricular activity ที่เขามีให้เลือกก็สามารถขอทำ co-curricular project ของตัวเองได้ บางคนก็ฝึกเล่น ice-skate ด้วยตัวเอง บางคนแต่งเพลง บางคนวาดภาพ
นอกจากพวก sports แล้วก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆที่เราเลือกได้:
**อันนี้เป็นแค่ตัวอย่าง list ของ activities ทั้งหมดให้ดูที่ลิ้งค์ที่แปะไว้ข้างบนนะจ๊ะ**
Fall
-Fly-fishing: เป็นอันที่พี่เลือกทำ คือไปตกปลากับเพื่อนแล้วก็ครูประมาณอาทิตย์ละสามสี่วัน โรงเรียนเราอยู่ใกล้ๆ Housatonic River ซึ่งเป็นแม่น้ำที่เหมาะกับการ fly-fish ซึ่งคือการตกปลาแบบใช้เหยื่อล่อเป็น fly ที่รูปร่างเหมือนแมลงน้ำ ที่พี่ชอบคือมันผ่อนคลายมากๆ ไปยืนกลางแม่น้ำชิวๆตอนเย็น แล้วก็ได้ออกจาก campus ด้วย
-FFEAT: ทำฟาร์มของโรงเรียน เท่าที่ได้ยินมาจะมีไปเก็บเกี่ยวพืขผัก จับไก่ ให้อาหารหมู และอื่นๆ
-Math Team: ทีมแข่งเลข
-HDA Tech crew: ทำฉากให้กับละครของโรงเรียน ตั้งแต่สร้างฉาก เพ้นท์ฉาก ยันควบคุมแสงเสียงเวลามีการแสดง น้องจะได้เรียนรู้วิธีการใช้อุปกรณ์ช่างไม้แบบต่างๆ ด้วย (พี่ทำอันนี้ตอน winter)
Winter
-Math Team
-HDA Tech crew
-The Mischianza: ทำ yearbook
-Team Dance: สำหรับนักเรียน dance
Spring
-HDA Tech crew
-FFEAT
-Woods squad: เป็นกรุ๊ปที่ทำกิจกรรม outdoor เช่น hiking, canoeing, etc. เนื่องจากรร.เราติดป่าและทะเลสาบ กิจกรรมนี้ก็น่าสนใจ
หอ & สิ่งอำนวยความสะดวก
- หอผู้หญิงจะอยู่ใกล้ๆ Main Building หอผู้ชายจะอยู่ห่างไปหน่อย หอผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นหอเก่า หอผู้ชายส่วนใหญ่จะใหม่ๆ
- บางหอมีเครื่องซักผ้า บางหอไม่มี ทุกหอจะมีเครื่องขายขนม
- อาจจะได้อยู่ห้องเดี่ยวหรือมีรูมเมท (รุ่นพี่ๆเค้าได้ห้องเดี่ยวกันหมดแต่พี่ได้ห้องคู่)
- มียิมไปออกกำลังกายได้ มีสระว่ายน้ำ และ Ice rink ที่เปิดให้เล่นสเก็ตได้บางครั้ง
- มีไปรษณีย์ ร้านสหกรณ์ กับธนาคารในโรงเรียน (คำเตือน: เงินที่ฝากในธนาคารของโรงเรียนไม่สามารถเอามาใช้ในชีวิตจริงได้ เพราะมันจะเป็นเงินในบัตรนักเรียนซึ่งใช้จ่ายได้ในโรงเรียนเท่านั้น ธนาคารจริงๆที่ใกล้สุดชื่อ Salisbury Bank อยู่ในเมือง Lakeville ต้องให้ advisor ขับรถพาไป)
- มีรถฟรีไปเมืองใกล้ๆชื่อ Millerton ทุกๆวันอาทิตย์ มีโรงหนัง ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ธนาคาร
- ประมาณ 2-3 ชั่วโมงจาก NYC นั่งรถไฟไปได้
- โทรสั่งอาหารจีนกับพิซซ่าได้ไม่ยาก แต่เอาจริงๆพี่ว่าอาหาร Dining Hall ก็โอเค
- ช่วงวันหยุด มักจะมี dance, โชว์สะกดจิต, ฉายหนัง และกิจกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะกิจกรรม outdoor ในช่วง fall อย่างเช่น Canoeing, Hiking
"some dorms might be old, some might be new. แต่ดอร์มใหม่จะดีมากๆ เลยนะ ใครได้อยู่ Flinn จะดีมาก เปรียนเสมือนโรแรมย่อมๆเลย ทุกดอร์มีเครื่อซักผ้า อบผ้า มีตู้กดน้ำ กดขนมอัตโนมัติ มีคอมม่อนรูม ให้เล่นกับเพื่อน ดูทีวีได้
- มีห้องพยาบาล ถ้าป่วย สามารถขอ red card เพื่อหยุดเรียนได้. / ทุกวันอาทิตย์จะมีรถพาไปเมืองใกล้ๆชื่อ millerton เป็นเมืองเล็กๆ เเต่ก้พอมีร้านอาหาร โรงหนัง ซุปเปอร์ CVS
- การซื้อของในรร จากสเน็กบาร์ ซักผ้า หรือจาก campus store ใช้บัตรนักเรียนซึ่งเป็น debit cardในตัว
- รร มีstudent bank ขอเบิกเงินสดได้. มี post office ส่งของได้
- การเดินทาง ช่วงเบรก รร มีรถไปส่งที่สถานีรถไฟ wassaic (20นาที) ต้องจ่าย 10เหรียญ. จาก wassaic นั่งรถไฟไป Grand Central,NYC ราว 2ชม. เเล้วก็มี รร ยังมีรถไปส่งที่ JFK airport ด้วย รู้สึกจะ 35 เหรียญนะ" by P'Pako TS55
อาหาร
- อาหารที่นี่จัดว่าอร่อยในหมู่เพรพด้วยกัน รวมถึงค่อนข้างสุขภาพดีเพราะมีนโยบายใช้วัตถุดิบ local ไม่ว่าจะเป็นจากฟาร์มของโรงเรียนเองหรือฟาร์มใกล้ๆ
- ไฮไลท์คือ “ข้าว” ข้าวสวยของที่นี่นุ่มหอม อร่อยมากๆๆๆ ในขณะที่ของเพรพอื่นจะแห้งๆแข็งๆเป็นส่วนใหญ่
- มีสลัดบาร์ ขนมปังให้ทำแซนวิช กับผลไม้ เช่น สตรอเบอรี่ เกรปฟรุต แอปเปิล กล้วย บลาๆ ตลอด
- ถ้ากินไม่อิ่ม ก็ไปซื้อของกินที่ Snack bar ได้ มีพวก Bagel, Pretzel, Smoothies และอื่นๆ ขายในราคาที่ไม่แพงมาก
- เมนูทุกวันศุกร์ตอนกลางวันเป็นพิซซ่า
- วันอาทิตย์ไม่มีอาหารเช้า แต่เป็น Brunch ตั้งแต่ 9.30-12.30
"เรื่องกินนี่เรื่องใหญ่นะเอาจริง รร นี้คุณภาพอาหารสวิงมาก บางวันก้อร๊อยอร่อย บางวันแทบกินไม่ได้ แต่ก้อยู๋รอดได้ด้วยซีเรียล นมช็อกโกแลตอร่อยมาก สลัดบาร์ไรงี้
เพราะ รร เรามีฟาร์มเป็นของตัวเอง จึงมีวัตถุดิบคุณภาพดี แต่ปรุงห่วยแตก เอาจริงๆก็อาหารระดับกลางๆแหละ ถ้าทนไม่ไหวก็สั่งอาหารมากิน อันนี้ช่วยได้ แนะนำๆ มีร้านอาหารจีนชื่อ golden wok สั่งมาได้ รสชาติโอเค แล้วก้มีร้านอาหารฝรั่ง พิซซ่า นิดหน่อย ระหว่างมื้อ รร มีสเน็กบาร์ขาย ขนม ไอติม ของว่างต่างๆ มีร้านโชห่วยขายขนมขนมนิดหน่อย อืม" by P'Pako TS55
พี่ได้ยินว่าปีสองปีที่ผ่านมา โรงเรียนปรับคุณภาพรสชาติอาหารขึ้นเยอะ แต่สรุปว่ามันเปลี่ยนกันปีต่อปี เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้
กฏระเบียบ
"โรงเรียนใช้ no chance policy นะจ้ะ ส่วนกฎที่ควรรู้คือ ถ้าขาดเรียน หอประชุม หรือชาเปล จะ unexcused absence โดย 2 unexcused จะโดน detention คือให้ไปทำการบ้าน แบบมีคนคุมวันเสาร์ตอน 7.30pm-10.30pm ถ้ามาสาย จะได้ tardy โดย 3 tardy= 1 unexcused absence" by P'Pako TS55
คนสำคัญ
คนสำคัญในที่นี่คือคนที่จะมีบทบาทในชีวิตของน้องที่โรงเรียนแห่งนี้ และสามารถทำให้วันร้ายๆเป็นวันดีๆ หรือกลับกันได้อย่างน่าอัศจรรย์
- College Counselor
ใน College office จะมี counselor 4 คน จะได้คนไหนนั้นเป็นดวงของน้อง คนๆนี้จะเป็นที่พึ่งเรื่องมหาลัยของน้อง ตั้งแต่การเลือกคอร์ส เลือกมหาลัย ยันส่งเอกสารให้มหาลัยที่น้องสมัคร เค้าจะเป็นหนึ่งในคนที่เขียน recommendation letter ให้น้องด้วย เนื่องจากแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบนักเรียนประมาณ 40 คน เค้าจะไม่ค่อยมีเวลามาคุยกับน้อง น้องควรจะนัดเวลาคุยกับเค้าบ่อยๆ เพื่อปรึกษาเรื่องมหาลัย แต่ทางโรงเรียนก็จะจำกัดเวลาลงเรื่อยๆอยู่ดี ดังนั้น อย่าคาดหวังว่าเค้าจะดูเรื่อง college essay ให้
-Advisor
อาจารย์ที่ปรึกษาของน้องจะเป็นเหมือนพ่อแม่ในโรงเรียนนี้ น้องจะไปที่ไหนทำอะไรจะต้องผ่านเค้าซะส่วนมาก ไม่ว่าจะเป็นการลง co-curricular activity ยันการลงคอร์ส เค้าจะเป็นคน Support น้องแบบสุดๆ มีปัญหาอะไรคุยกับเค้าได้เลย พี่ได้ Dr. Eso ซึ่งเป็นหัวหน้าหมวดเลข คนนี้ใจดีมากๆๆๆๆๆๆ เหมือนแม่อีกคนเลย พาไปฝากเงินที่ธนาคาร ไปกินข้าวที่บ้าน ช่วยเหลือเรื่องอื่นๆอีกมากมาย
-Registrar
เป็นคนที่น้องจะไปดรอปหรือแอดคอร์สด้วย ช่วงแรกๆน้องอาจจะต้องเจอเค้าบ่อยตอนที่คอร์สที่ลงยังไม่เข้าที่แน่นอน
-Dorm Parent
เป็นคนที่คอยเช็คอินกับน้องในดอร์ม ถ้ามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับรูมเมทหรือเรื่องต่างๆในหอก็ปรึกษาได้ ดอร์มพาเรนท์พี่ขยันทำขนมมาเลี้ยงเด็กมากๆ อิ่มหนำกันบ่อยๆจนตัวพอง
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- Dress code ที่นี่ไม่ Strict มาก สำหรับผู้หญิง ขอแค่แต่งให้ดูดี ไม่ใส่ยีนส์ก็พอแล้ว สำหรับผู้ชายก็ใส่เชิ้ต กับกางเกงที่ไม่ใช่ยีนส์ก็เอาอยู่ (วันที่มีงานสำคัญจะต้องใส่ dress code +1 คือผู้หญิงใส่เดรส ผู้ชายผูกไท ใส่สูท)
- อากาศหนาว แต่คลาสเรียนส่วนใหญ่จะอยู่ในตึกเดียว ยกเว้นแค่พวกวิทย์ ดังนั้นน้องจะไม่ต้องทนอากาศอันโหดร้ายตอนเปลี่ยนคลาสเหมือนเพื่อนเพรพอื่น
- เด็กมากกว่า 90% เป็นเด็กประจำ ดังนั้นช่วง weekend จะมีคนอยู่เป็นเพื่อนบนแคมปัสเยอะ ช่วงปิดเบรคสั้นๆก็ยังมีคนอยู่
- Senior ที่นี่มีอภิสิทธ์ บางครั้งก็ไม่ต้องจ่ายตังค์เวลาเข้าร่วมกิจกรรม และจะได้ลุกจากห้องประชุมก่อนนักเรียนที่เด็กกว่า
- ถึงเราจะไม่ได้ financial aid ของโรงเรียน แต่ด้วยความช่วยเหลือของ college office เราก็สอบโทเฟลฟรี แล้วก็ไม่ต้องจ่ายค่าสมัครมหาวิทยาลัยที่ใช้ common application
- สอบ SAT ในโรงยิมของโรงเรียน นั่งรถประมาณชั่วโมงครึ่งจากสนามสอบ TOEFL ใน NY
- เน็ตตัดตอนเที่ยงคืน ไม่มี lights out (แปลว่าไม่บังคับให้นอนตามเวลา) ไม่มี study hall (แปลว่าน้องไม่ต้องนั่งทำการบ้านในห้องตามเวลาที่กำหนด) เช็คอินในหอตอนสี่ทุ่มวันปกติ ห้าทุ่มวันเสาร์
- โรงเรียนให้ยืม MacBook Proทั้งปี ทำให้เราไม่ต้องเตรียม laptop มาเอง
"อีกเรื่อง ที่นี่จะมี college counselor ดูเเลทุกอย่างเกี่ยวกับการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย เเละมีadvisor ดูเเลเรื่องอื่นๆทั่วไป. ในสัปดาห์หนึ่งมีเข้า auditorium 2 ครั้ง chapel 1ครั้ง class meeting 1ครั้ง เเละadvisory group 1ครั้ง" by P'Pako TS55
ทำเนียบ Thai Scholars
- TS47 (2004-2005): นธิดา ศิริอภัยพันธ์ (ส้ม/P'Som) ทุนไทยพัฒน์ [McGill University]
- TS48 (2005-2006): ธนธรรศ บำเพ็ญบุญ (แม็ก/P'Max) ทุนเล่าเรียนหลวง [University of Michigan-Ann Arbor]
- TS51 (2008-2009): พรรณชมพู วิสิฐธนวรรธ (ฝ้าย/P'Fai) ทุนไทยพัฒน์ [Swarthmore College → Vanderbilt University]
- TS52 (2009-2010): วรลักษณ์ เกษมุล (อ้อย/P'Oy) ทุนไทยพัฒน์ [Mount Holyoke College]
- TS53 (2010-2011): ชญานนท์ ร่วมเจริญ (บอย/P'Boyd) ทุน พสวท. ดาราศาสตร์ [Swarthmore College]
- TS54 (2011-2012): ธันยพร ภัทรบรรเจิด (อุ้ม/P'Oom) ทุนเล่าเรียนหลวง [Massachusetts Institute of Technology]
- TS55 (2012-2013): มนสิชา ธาดาเดช (ปาโกะ/P'Pako) ทุนวิวัฒนไชยานุสรณ์ [University of Pennsylvania]
- TS56 (2013-2014): องศา จรรยาประเสริฐ (มุม/P'Moom) ทุนเล่าเรียนหลวง [Stanford University]
- TS57 (2014-2015): อริสา เรืองศิริกูลชัย (ข้าวโพด/P'Kaopohd) ทุนปตท.สผ. [University of Texas at Austin]