SAT
SAT เคยย่อมาจาก Scholastic Aptitude Test หรือ Scholastic Assessment Test แต่ปัจจุบัน ไม่ได้ย่อมาจากสิ่งใด เพราะมีข้อครหาในเรื่องความหมายของชื่อย่อ ซึ่งเป็นการสอบมาตรฐานของเด็ก high school ในอเมริกา เทียบได้กับการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยของประเทศไทย ผู้ที่จัดสอบ SAT คือ College Board (http://www.collegeboard.com/) อย่างไรก็ดี ยังมีการสอบที่ลักษณะที่คล้ายกันกับ SAT ของเด็กในระดับ middle school ด้วย เช่น PSAT เป็นต้น มหาวิทยาลัยจะนำคะแนนสอบ SAT นี้ไปเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษา แต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีเกณฑ์การใช้คะแนนนี้ต่างกันไป
สำหรับการสอบนั้น น้อง ๆ จะต้องสอบ SAT และ SAT Subject ซึ่งตัวหลังนี้น้อง ๆ อาจจะสอบกันจากเมืองไทยไปแล้ว ส่วนคนที่ยังไม่เคยสอบ การสอบ SAT ทั้งสองประเภทนี้จะต้องสอบแยกกันเป็นครั้ง ๆ และจะสามารถสอบได้หลายครั้งตามกำลังอึดและกำลังทรัพย์ของแต่ละคน โดยมากแล้วมหาวิทยาลัยจะเลือกพิจารณาคะแนนครั้งที่ดีที่สุดจากการสอบครั้งเดียว หรือใช้คะแนนดีที่สุดของแต่ละ part (ดูที่ http://professionals.collegeboard.com/profdownload/sat-score-use-practices-list.pdf) อย่างไรก็ดี ไม่ควรสอบเกิน 3-4 ครั้ง เพราะมหาวิทยาลัยจะประเมินว่า สอบหลายครั้งเกินไป
เนื้อหา
ชนิดการสอบ
SAT สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภท คือ SAT I (Reasoning Test) และ SAT II (Subject Tests)
SAT I (Reasoning Test)
จะประกอบด้วยข้อสอบ 3 ส่วน คือ Critical Reading, Math และ Essay (เรียกส่วนที่ไม่ใช่ Math ว่า Verbal) โดยแต่ละส่วนจะคิดเป็นคะแนนส่วนละ 800 คะแนน รวมทั้งหมดเป็น 1600 คะแนน ช่วงคะแนนในแต่ละส่วนจะมีได้ตั้งแต่ 200-800 คะแนน มีคะแนนEssay แยกออกมาต่างหาก
- Critical Reading and Language นั้นจะประกอบไปด้วยสองพาร์ท
- Part Reading 52ข้อ 65นาที อ่านจับใจความ
- Part Grammar 44ข้อ 35นาที วัดแกรมม่าร์ของน้องล้วนๆ (ผสมกับการวางประโยคดีๆเล็กน้อย)
- Math จะเป็นคำถามคณิตศาสตร์ ทั่ว ๆ ไป (ความรู้ประมาณ ม.3) มีทั้งตัวเลือกและเติมคำตอบในช่อง (grid-in)
- Essay จะให้เขียนวิเคราะห์ Rhetorical Analysis แบ่งคะแนนเป้นสามพาร์ท
- Reading อ่านจับใจความบทความ ได้ดีแค่ไหน
- Analysis สามารถวิเคราะห์ได้มากแค่ไหนว่าสิ่งที่ผู้เขียนใส่ลงไป จะมีผลอย่างไรกับผู้อ่าน (พยายามเน้นว่า จะเกิดอะไรกับผู้อ่านบ้างเมื่ออ่านถึงประโยคนี้)
- Writing เทคนิคการเขียนดีแค่ไหน
ระดับของศัพท์ที่ใช้ในข้อสอบนั้นจะเป็นคำศัพท์ที่ยาก เด็กทั่วไปอาจไม่ค่อยได้ใช้ จึงมีการหาหนังสือและ/หรือสื่อต่างๆช่วยในการเพิ่มคลังคำศัพท์สำหรับการสอบในส่วน Critical Reading
SAT II (Subject Tests)
เป็นการสอบวัดผลทางวิชาการแยกเป็นรายวิชา โดยที่น้อง ๆ จะได้เลือกวิชาที่ต้องการสอบ โดยปกติแล้วการสอบ SAT Subject Tests จะสอบกันสองหรือสามวิชา (แล้วแต่ requirement ของมหาวิทยาลัย) และการสอบจะมี 3 ช่วง แต่ละช่วงคือหนึ่งวิชา
เนื้อหาของ SATII นั้นครอบคลุมความรู้พื้นฐานของแต่ละวิชาตามที่ได้เรียนช่วงมัธยมปลาย โดยส่วนมากวิชาที่พี่ ๆ ชอบสอบจะเป็นวิชาสายวิทย์ เช่น Math II (มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะบังคับตัวนี้), Physics, Chemistry หรือ Biology เพราะสามารถทำคะแนนได้ง่ายกว่าวิชาอื่น แต่หากน้อง ๆ นึกสนุก ว่างจัด และมีเงินสมัคร วิชาพวกภาษา หรือประวัติศาสตร์ก็มีให้น้อง ๆ ได้เลือกสรรเช่นกัน
ตัวอย่างวิชาที่ให้เลือกสอบ เช่น Math level I, Math level II, Chemistry, Physics, Molecular Biology, Ecological Biology, World History, etc.
การสมัครสอบ และตารางสอบ
น้อง ๆ สามารถสมัครสอบ SAT ออนไลน์ได้ที่ www.collegeboard.com โดยที่ตารางสอบและตารางสมัครสอบดูได้ที่ http://sat.collegeboard.org/register/sat-us-dates
การเตรียมตัวก่อนสอบ
- SAT I
- Critical Reading น้อง ๆ ควรอ่านหนังสือศัพท์ เช่น Word Smart และฝึกทำ Reading โดยหาตัวอย่างข้อสอบหรือ prep guide เช่น Barron หรือ Princeton Review แต่หนังสือที่ดีที่สุดคือ หนังสือรวม SAT เล่มฟ้าของ College Board
- Math การเตรียมตัวส่วนนี้ น้อง ๆ ควรฝึกทำโจทย์เลข จากหนังสือสอบ SAT part math หรือ Math II ของ SAT II เพื่อดูศัพท์ทางคณิตศาสตร์ทั่วไป
- Writing ควรอ่าน Grammar ฝึกทำ Error Recognition และฝึกเขียน 4-5 paragraphs essay
- SAT II
การเตรียมตัวแต่ละวิชาจะแตกต่างกันไป น้อง ๆ สามารถหาแนวข้อสบมาทำได้จากหนังสือ prep guide ต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้ว พี่ ๆ จะทิ้งหนังสือพวกนี้ไว้ให้อยู่แล้ว และถ้าเป็นวิชาสายวิทย์ เนื้อหาก็จะไม่ยากเกินไปนัก
อ้างอิง
ปรับปรุงจากเอกสารหัวข้อ "การสอบ SAT สำหรับยื่นคะแนนเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี" ของพี่ TS48 และเว็บไซต์ของ College Board