ผลต่างระหว่างรุ่นของ "St. Mark's School"
(→จิปาถะ) |
|||
แถว 1: | แถว 1: | ||
'''St. Mark's School''' | '''St. Mark's School''' | ||
St. Mark’s School เป็นโรงเรียนสหศึกษาขนาดเล็ก จำนวนนักเรียนราว 350 คน ตั้งอยู่ที่เมือง Southborough รัฐ Massachusetts | St. Mark’s School เป็นโรงเรียนสหศึกษาขนาดเล็ก จำนวนนักเรียนราว 350 คน ตั้งอยู่ที่เมือง Southborough รัฐ Massachusetts | ||
− | + | [[ไฟล์:C:\Users\Korn\Desktop\works\St. Mark's School\School Review\Picture\St._Mark's_School,_Southborough,_MA_-_IMG_0584.JPG]] | |
แถว 19: | แถว 19: | ||
* นั่ง Commuter Rail จาก Southborough Train Station ที่ห่างจากโรงเรียนไป5นาที สามารถเดินทางถึงWorcesterได้ภายในครึ่งชั่วโมง และบอสตันภายใน 40 นาที | * นั่ง Commuter Rail จาก Southborough Train Station ที่ห่างจากโรงเรียนไป5นาที สามารถเดินทางถึงWorcesterได้ภายในครึ่งชั่วโมง และบอสตันภายใน 40 นาที | ||
* ขอให้Advisor ขับรถพาไป (ขึ้นอยู่กับความโชคดีของน้องแล้วว่าAdvisorของน้องจะว่างแค่ไหน) | * ขอให้Advisor ขับรถพาไป (ขึ้นอยู่กับความโชคดีของน้องแล้วว่าAdvisorของน้องจะว่างแค่ไหน) | ||
+ | [[ไฟล์:Example.jpg]] | ||
รุ่นปรับปรุงเมื่อ 13:06, 28 มกราคม 2558
St. Mark's School St. Mark’s School เป็นโรงเรียนสหศึกษาขนาดเล็ก จำนวนนักเรียนราว 350 คน ตั้งอยู่ที่เมือง Southborough รัฐ Massachusetts ไฟล์:C:\Users\Korn\Desktop\works\St. Mark's School\School Review\Picture\St. Mark's School, Southborough, MA - IMG 0584.JPG
สถานที่ตั้ง
- Southborough เป็นเมืองเล็กๆ ประชากรราวๆ 9 พันคน ข้อดีคือใกล้บอสตันมาก สามารถเดินทางไปถึงได้ภายในครึ่งชั่วโมง แต่ข้อเสียคือ เมืองเล็กจริง จากโรงเรียน สามารถเดินไปเจอร้านค้าได้แค่ 4 สถานที่เท่านั้น ก็คือ ปั้มน้ำมัน (ซึ่งคงไม่มีใครไป), ร้านขายของชำทั่วไปขนาดเล็ก, ธนาคาร และ ร้านพิซซ่าขนาดเล็ก - การเดินทางไปเมืองอื่นๆ เมืองที่อยู่ใกล้ Southborough และสำคัญต่อชีวิตมีทั้งหมด 4 เมืองคือ
- Westborough – เป็นเมืองที่มี Westborough High School ซึ่งเป็นสนามสอบ SAT ห่างออกไปจากโรงเรียนราว 20 นาที
- Marlborough – มีร้านอาหารหลายร้านที่โรงเรียนจะพาไปกิน ใช้เวลาเดินทางเพียง10นาที หรือไม่ เราก็สามารถสั่งอาหาร online มาได้
- Worcester – เป็นเมืองขนาดปานกลางอยู่ด้านตะวันตกของ Southborough ห่างออกไปราว 30 นาที เป็นเมืองที่ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่นัก แต่เป็นสถานีรถไฟที่มีทั้ง Amtrak, Massachusetts Commuter Rail และ สถานีรถ Greyhound/Peter Pan ฉะนั้นการเดินทางไปเมืองต่างๆใน Connecticut หรือ New York จากโรงเรียน ควรต้องนั่งรถมาที่นี่ก่อนเพื่อนั่งรถไปยังจุดหมายปลายทาง
- Boston – เป็นเมืองที่มีทุกอย่างที่อยากได้ ตั้งแต่ร้านตัดผม ร้านขายของชำ พิพิธภัณฑ์ ห้างขนาดใหญ่ ห้องสมุดที่สวยงาม แต่เป็นเมืองที่เหมาะกับการท่องเที่ยวเท่าไหร่นัก
หมายเหตุ: สนามสอบ TOEFL ที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่เมือง Waltham ห่างออกไปราวครึ่งชั่วโมง วิธีการเดินทางไปยัง Worcester และ Boston:
- นั่ง Commuter Rail จาก Southborough Train Station ที่ห่างจากโรงเรียนไป5นาที สามารถเดินทางถึงWorcesterได้ภายในครึ่งชั่วโมง และบอสตันภายใน 40 นาที
- ขอให้Advisor ขับรถพาไป (ขึ้นอยู่กับความโชคดีของน้องแล้วว่าAdvisorของน้องจะว่างแค่ไหน)
สถานที่ต่างๆในโรงเรียน
St. Mark’s แบ่งโรงเรียนออกเป็นสองส่วนคือ Main Campus และ West Campus Main Campus - ห้องสมุด: ห้องสมุดภายในโรงเรียนจะมีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นที่ทำงานของนักเรียนเสียส่วนใหญ่ รอบๆจะมีชั้นหนังสือวางอยู่ประปราย จะมีส่วนหนึ่งที่ทำไว้เป็นสถานที่เก็บหนังสือหายาก หากใครสนใจก็สามารถไปอ่านได้ ชั้นสองจะเป็นชั้นวางหนังสือกับห้องเงียบที่นักเรียนสามารถไปใช้ได้ มีทั้งหมดราวๆ6 ห้อง แต่ละห้องจะมีขนาดต่างกันออกไปแล้วแต่ความต้องการ
- ห้องสมุดจะเป็นแหล่งรวมคนตอน Study Hall หากใครไม่ต้องการทำงานอยู่แต่ในห้อง ก็สามารถไปเจอเพื่อนๆคนอื่นที่นี่ได้
- The Center เป็นจุดประชุมนักเรียน ในแต่ละสัปดาห์จะมีการประชุมนักเรียน2ครั้ง ครั้งละ 20 นาที ในการประชุม นักเรียนหรืออาจารย์คนไหนที่อยากเสนอกิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็สามารถออกมานำเสนอที่นี่ได้
- The Center เป็นสถานที่อีกแห่งที่นักเรียนเลือกมาใช้ได้ตอน Study Hall
- Dining Hall มี 2 ห้อง อยู่ติดกัน แยกเป็น Main Dining Hall และ Small Dining Hall สองห้องนี้ต่างกันเพียงการตกแต่งและขนาดเท่านั้น - College Counseling Office และ Admission Office อยู่ชั้นสองของตึกหลัก น้องๆสามารถมาหา College Counselor ของตัวเองเพื่อปรึกษาเรื่องลิสต์มหาลัยรวมถึง พบกับ Dean of Financial Aid เพื่อขอ Fee Waiver กับทางมหาลัยได้ที่นี่ - หอพัก มี ทั้งหมด 4 หอในตึกหลักคือ Burnett (สำหรับนักเรียนไปกลับ) , Coe, Gaccon และ Sawyer - ห้องเรียนทุกวิชายกเว้นวิทย์กับเลขที่จะย้ายไปตึกใหม่ในปีการศึกษา 2015 - Lion’s Den เป็นร้านขายเบอร์เกอร์ แซนด์วิช และชองทอดต่างๆ เป็นร้านค้าขนาดเล็ก แต่คนเยอะอยู่เสมอเพราะทนกับอาหารของ Dining Hall ไม่ได้ นอกตึกหลัก -PFAC เป็นตึกหอประชุม มีหอประชุมใหญ่จุคนได้400คน ห้องประชุมขนาดเล็ก จุคนได้ 80 คน และ Black Box Theater สำหรับการแสดงละครประจำแต่ละฤดู จุคนได้สูงสุด100คน - Benson Hall เป็นห้องสำหรับสร้างหุ่นยนต์ของทีม Robotics ของโรงเรียน - Athletics Center เป็นอาคารกีฬาของโรงเรียน มีสนามบาส 2 สนาม ห้อง Fitness ห้อง Squash 10 ห้อง และห้องแต่งตัวของนักเรียน - Theriot House เป็นหอพักอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งแยกขึ้นมาจากตึกหลัก - สนามกีฬารอบๆ Main Campus มีราวๆ 4 สนาม West Campus - มีสนามกีฬาส่วนใหญ่ของโรงเรียน สระน้ำพร้อมบ้านหลังเล็กไว้จัดปาร์ตี้กับเตาผิง สนามสเกต และหอพักอีก 6 หอสำหรับนักเรียนระดับ underformers (Grade 9-11)
วิชาการ
ที่ St. Mark’s จะใช้ระบบการเรียนแบบ semester (2 เทอม) ในปี 2015 จะมีการปรับเวลาเรียนเป็นตารางแบบ 5 วัน แต่ละวิชาจะมีรูปแบบการสอนขึ้นอยู่กับเนื้อหาของวิชานั้น ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือการสอนแบบ discussion-based สำหรับวิชาสายสังคมศาสตร์และมนุษยวิทยา กับ lecture-based สำหรับสายวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ โดยส่วนใหญ่แล้ว นักเรียนที่St. Mark’s จะลงวิชาทั้งหมด 5-6 ตัว จากทั้งหมด 7 slot ที่ให้มา บางคนเลือกที่จะลงวิชาที่เรียนหลังเลิกเรียน ซึ่งเป็นวิชาที่ฉีกแนวออกไป เช่น Gender and Society, Entrepreneurial Thinking หรืออื่นๆ ซึ่งถ้าสนใจก็มาคุยกับพี่ก่อนลงได้จ้า
- หมายเหตุ 1: St. Mark’s ออกจาก ระบบ AP ตั้งแต่ปีการศึกษา 2014 ทำให้วิชาต่างๆจะไม่ครอบคลุมเนื้อหา AP ทั้งหมด แต่จะเน้นกิจกรรมที่ทำให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้จากวิชาต่างๆเข้าด้วยกันมากขึ้น
- หมายเหตุ 2: มีข่าวลือจากทางโรงเรียนว่า ในปี 2015 จะมีการรวมหมวดภาษาอังกฤษ จิตวิทยา และประวัติศาสตร์เข้าด้วยกันเพื่อสร้างหมวดสังคมศาสตร์ขึ้น ทำให้เรื่องคอร์สอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากที่เขียนไว้ในนี้
หมวดคณิตศาสตร์
แต่ละคนสามารถเลือกเรียนได้ตามแต่ระดับที่ตัวเองต้องการ โดยคอร์สที่แนะนำมีดังนี้ Calculus AB, Calculus BC, Advanced Topics in Mathematics และ Mathematical Research
- Calculus AB ครอบคลุมเนื้อหาแคลคูลัสระดับม.ปลายจนถึงมหาวิทยาลัยเทอมแรก สอนโดย Dr. Riva และ Mr. Battis มีหลายคนบอกว่า Dr. Riva ให้งานเยอะกว่า Mr. Battis แต่ก็จะมีการโยงเนื้อหาออกไปประยุกต์ใช้ได้เยอะกว่าด้วยเช่นกัน
- Calculus BC ครอบคลุมเนื้อหาแคลคูลัสระดับม.ปลายจนถึงจบมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง สอนโดย Dr. Riva จากที่ได้ฟังมาคืองานเยอะมากเช่นกัน
- Advanced Topics in Mathematics เป็นคอร์สที่เราเรียนอยู่ แต่ละเทอมจะมีหนึ่งในหกเนื้อหาจากลิสต์ดังนี้
- Differential Equations
- Multivariable Calculus
- Number Theory
- Complex Analysis
- Abstract Algebra
- Linear Algebra
ในปี 2014 เนื้อหาของเทอมแรกคือ Differential Equations และเนื้อหาของเทอมที่สองคือ Complex Analysis
- Mathematical Research เป็นคอร์สสำหรับการวิจัยทางด้านคณิตศาสตร์ ที่มีจุดมุ่งหมายคือการสร้างงานวิจัยเพื่อให้ได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Mathematical Association in America (MAA) คอร์สนี้เหมาะกับเด็กโอลิมปิกเลขมากๆ
หมวดวิทยาศาสตร์
คอร์สหลักๆที่เหมาะกับ Thai Scholar มีทั้งสิ้น 2 แบบคือคอร์ส Advanced แบบต่างๆ และคอร์ส STEM Research Fellowship
- คอร์ส Advanced
St. Mark’s นำเสนอคอร์ส Advanced ต่างๆขึ้นมาแทนคอร์ส AP เพื่อให้มีความยืดหยุ่นของหัวข้อในการสอนได้มากขึ้น แต่โดยรวมแล้วจะยังคงมีความคล้ายกับคอร์ส AP ซึ่ง St. Mark’s มีคอร์ส advanced ทั้งหมด 5 วิชาคือ Advanced Biology (เรียนทั้งปี), Advanced Chemistry (เรียนทั้งปี), Advanced Physics: Mechanics (เรียนเทอม Fall), Advanced Physics: Electricity and Magnetism (เรียนเทอม Spring), Advanced Physics: Modern Topics in Physics (เรียนเทอม Spring)
- คอร์ส STEM Research Fellowship
คอร์สนี้นำเสนอให้นักเรียนในกลุ่มทำการวิจัยขึ้นมาในแต่ละหัวข้อที่ต้องการ โดยที่ทางโรงเรียนจะออกทุนค่าวิจัยให้ การเข้าคอร์สนี้ได้จะต้องผ่านการรับรองจากทาง Academic Office ก่อน คอร์สนี้จึงเหมาะกับพวกทุนโอฟิสิกส์/เคมี/ชีวะ หรือใครที่สนใจทำด้านวิจัยในมหาลัย
หมวดสังคมศาสตร์
วิชาที่แนะนำคือ Micro/Macroeconomics, US History, Advanced US History, AP World History และคอร์สHistory ที่หลากหลายมากในช่วง Spring Term สำหรับที่ St. Mark’s วิชา US History ถือเป็นวิชาบังคับสำหรับคนที่ต้องการได้ High School Diploma จากทางโรงเรียน ฉะนั้นคอร์สUS Historyถือเป็นวิชาบังคับสำหรับ Thai Scholar เลย ส่วนคอร์สที่พี่มีดังนี้
- Regular US History
สอนโดย Mr. Jewell/ Mr. C เราเรียนกับ Mr. Jewell ช่วงแรกๆจะชิวมาก ไม่ต้องทำอะไรเท่าไหร่ การบ้านแค่อ่านหนังสือไปเรื่อยๆ วันละ10-20 หน้า ก็ว่ากันไป แต่ประเด็นคือ ควรจะต้องอ่านไป จดบันทึกไป เพราะเนื้อหาเยอะมาก หลังจากนั้นก็จะมีสอบเรื่อยๆ ให้เขียนEssay บ้าง มีจำลองการโต้วาทีบ้าง ก็ว่ากันไป แต่จะเป็นคอร์สที่เน้นเขียนมากกว่าพูด ส่วนถ้าน้องได้เรียนกับ Mr. C อาจจะได้ประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป อันนี้พี่บอกไม่ได้จริงๆจ้า
- Micro/Macroeconomics
สอนโดย Mr. C คอร์สจะแบ่งออกเป็น Microเทอมนึง Macro เทอมนึง เนื้อหาที่เรียนไม่ค่อยยาก เน้นอ่านกราฟ Demand Supply ประกอบการเรียน นานๆทีจะมีเขียนเอสเส มีกิจกรรมประกอบการเรียนค่อนข้างเยอะ ให้ทดลองเล่นหุ้น ให้ลองเขียนวิเคราะห์หุ้น เนื้อหาที่เรียนจะครอบคลุมเนื้อหาที่ใช้สอบใน AP ราวๆ 60 เปอร์เซนต์
หมวดอังกฤษ
เป็นหมวดที่น้องต้องลงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไรก็ตาม หมวดอังกฤษจะมีวิชาให้เลือกเรียนเยอะมาก แถมชื่อแต่ละคอร์สก็แหวกแนวสุดๆ เช่น Getting Lost เป็นต้น ฉะนั้นต้องดูเนื้อหาที่เราอยากเรียนดีๆ ว่าอยากลงคอร์สไหน จะได้รีบไปแย่งกับคนอื่นทัน แต่สำหรับพี่ พี่เลือกคอร์สที่อยากเรียนไม่ทัน เลยได้คอร์สที่เกี่ยวกับกลอนมา และพี่เรียนไม่รอด orz สุดท้ายเลยขอลงไปเรียนคอร์สของ Junior แทน ซึ่งก็คือ American Literature
- American Literature
สอนโดย Dr. Glomset (เป็น Advisorพี่เอง) สอนวรรณกรรมตั้งแต่ช่วงslaveryเรื่อยไป โดยต้นเทอมจะเรียนนิยายเก่า จนกระทั่งปลายปีการศึกษา ก็จะเรียนนิยายที่เกิดขึ้นร่วมสมัยมากขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์คนนี้ได้ชื่อว่าให้คะแนนยากมากๆ ทุกคนต่างบ่นและกล่าวขานถึงเขา แม้ว่าจะเป็นคนที่ใจดีในเรื่องทั่วๆไป แต่ก็โหดหินเรื่องการตรวจessayและการออกข้อสอบquizย่อยมากๆ ถ้าได้เรียนวิชานี้ คะแนนส่วนใหญ่จะมาจากการเขียน essay เสียเยอะ เตรียมเขียนกันให้สนุกได้เลย (สู้ๆนะ) อ่อ คะแนนที่เขาให้ จะเป็นคะแนนที่ยังไม่ได้ตัดcurve ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าน้องได้เกรดเท่าไหร่ น้องจะได้คะแนนเพิ่มอีก2ระดับจากcurveของเค้า เช่น น้องเคยได้ B- จากตอนที่ดูในคะแนนดิบ พอเกรดออกจริงๆ น้องจะได้ B+ ขึ้นมา ฉะนั้นอย่ากังวลกับคะแนนดิบมากนะ
หมวดอื่นๆ
St. Mark’s มีคอร์สอื่นๆที่น้องลงได้อีกเยอะเลย เช่น อยากเข้าวงประสานเสียง (Choir) ก็เข้าได้ โดยไปออดิชัน และซ้อมอาทิตย์ละ2ครั้ง อยากเรียนปั้นเซรามิก ก็มีคอร์สให้ลง อยากเรียนการถ่ายรูป หรือการแสดง ก็สามารถเลือกลงได้ หรือสุดท้าย ถ้าน้องมีฝีมือด้านดนตรี น้องอาจจะเลือกเรียนคอร์สดนตรีเพิ่มกับทางครูข้างนอก หรือน้องอาจจะเลือกเข้าวงดนตรีของโรงเรียนก็ได้ คอร์สพวกนี้ พี่แนะนำว่าให้น้องเลือกลงเป็นวิชาที่หก มากกว่าจะเลือกเรียนเป็นคอร์สหลัก เพื่อให้รายชื่อคอร์สของน้องดูดี
กิจกรรมหลังเลิกเรียน
กิจกรรมหลังเลิกเรียนจะมีแค่ 2 ประเภทให้เลือก คือจะให้เลือกเล่นกีฬาตามที่ตัวเองต้องการตามฤดูกาล หรือจะเลือกลงกิจกรรมอื่นๆ (ที่นี่เรียกว่า ACE) ในปีการศึกษานึง น้องจะลงACE ได้แค่ฤดูกาลเดียวจากทั้งหมด 3 ฤดูกาล ส่วนกีฬาของแต่ละฤดูกาลมีดังนี้
- Fall Season: Cross Country, Soccer, Football (เฉพาะผู้ชาย), Field Hockey (เฉพาะผู้หญิง), Fitness, Yoga
- Winter Season: Basketball, Ice Hockey, Wrestling (เฉพาะผู้ชาย), Squash, Fitness, Dance, Yoga, Strength and Conditioning
- Spring Season: Baseball (เฉพาะผู้ชาย), Crew, Golf, Lacrosse, Tennis, Softball (เฉพาะผู้หญิง), Fitness
ทีมเหล่านี้ จะมีหลายระดับ ตั้งแต่ Varsity, Junior Varsity (JV), Thirds แต่น้องจะเข้ามาเป็นได้อย่างสูงที่สุดคือ JV หรือ Thirds ถ้าเป็น ACE ก็จะแล้วแต่ฤดูกาล เช่นอย่างตอน Winter จะมีทีมหุ่นยนต์ให้เข้าร่วมได้ น้องไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์เรื่องการต่อหุ่นยนต์มาก่อน ก็สามารถเข้าได้
จิปาถะ
- St. Mark’s มี Dress Code ของผู้ชายคือห้ามใส่กางเกงสียีนส์ และเสื้อต้องเป็นคอปก ที่เหลืออยากใส่ยังไงก็เต็มที่จ้า รองเท้าแตะก็ใส่ได้ทุกที่ยกเว้นห้องlab ส่วนผู้หญิง ห้ามใส่legging และห้ามเปิดไหล่ ที่เหลือเต็มที่ครัช
- อากาศที่ St. Mark’s แปรปรวนมาก บางวันฝนตกทั้งวัน บางวันหิมะมาเต็ม ฉะนั้นก็หาเสื้อผ้าหลายๆแบบมาก็ดี ส่วนเสื้อกันหนาว เดี๋ยวค่อยมาคุยกันว่าควรจะใส่แบบไหน
- ช่วงก่อนเข้าโรงเรียน จะมีโบรชัวร์จากบริษัทซักรีดผ้าให้เราสมัครใช้บริการชนิดเหมาจ่ายทั้งปี ถ้าน้องคิดว่าน้องไม่อยากซักผ้าตู้หยอดเหรียญเอง ก็สามารถสมัครได้ แต่ราคาแพงมากๆ ตกอยู่ที่ราวๆ900เหรียญต่อปี ข้อดีคือน้องไม่ต้องกังวลเรื่องรีดผ้า เพราะเขามีบริการรีดให้ ข้อเสียคือแพงมาก และบางทีอาจเกิดกรณีเสื้อผ้าหายได้ (นานๆครั้งจะเกิดที)
- St. Mark’s เข้าโบสถ์อาทิตย์ละสองครั้ง ประชุมโรงเรียนอาทิตย์ละ 2 ครั้ง Seated Meal อาทิตย์ละ 2 ครั้ง มีนัดคุยในกลุ่ม advisor อาทิตย์ละครั้ง
- ที่นี่ไม่มี light out ไม่มีการตัดอินเทอร์เน็ต มี Study Hall ตอนทุ่มครึ่งถึงสามทุ่มครึ่ง
- ร้านพิซซ่าที่ดีที่สุดคือ Domino’s ไม่ก็ Clockwork Pizza ร้านไอศครีมที่ใกล้ที่สุดคือ Cold Stone แต่ต้องนั่งรถไป ข้างๆ Cold Stone ก็มี Starbucks แต่ก็นั่นแหละ ต้องนั่งรถไป
- อาหารจัดว่าแย่เมื่อเทียบกับ Brewster แนะนำว่าเก็บตังบางส่วนไว้ซื้อขนมหรือมาม่ามาตุนไว้เผื่อบางวันเบื่ออาหารของ Dining Hall มากๆ หรือไม่ แนะนำให้สั่งอาหารมาส่งที่โรงเรียน
- วันอาทิตย์จะมี Weekend Activities ที่น้องๆเลือกได้ อยากไปไหนให้รีบจองผ่านเว็บตอนวันศุกร์ ไม่งั้นมันจะเต็มไวมากๆ โดยเฉพาะTrip ไป Natick Mall, Walmart, Target, Hmart หรือทริปพาไปส่งที่สถานีรถไฟเพื่อเข้า Boston ช่วงวันหยุดยาว
- St. Mark’s เป็นโรงเรียนที่ Senior ได้อภิสิทธิ์เยอะ เวลาเข้าโบสถ์หรือประชุมพร้อมกัน Senior จะได้ลุกออกจากที่นั่งเพื่อเดินออกก่อน หรือSeniorสามารถนั่งบนที่นั่งที่สูงกว่าในDining Hall ได้ ข้างๆตึกหลักจะมีสนามหญ้า ซึ่งเฉพาะ Senior เท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ฉะนั้นพอไปถึง เราก็ทำได้ทุกอย่างที่เค้าบอกมาเลย
- จะมีเจ้าหน้าที่คนนึงชื่อ Mrs. Camuso เป็นคนฟิลิปปินส์ ทำงานที่Front Desk เค้าใจดีมากๆเพราะเค้าเห็นว่ามาจากไทยโดยที่เพิ่งฝึกภาษาอังกฤษได้ไม่นาน แนะนำให้ทำตัวดีๆกับเค้าไว้
- การติดต่อกับ College Counselor (CC) ให้ไปติดต่อขอนัดคุยกับregistrarที่หน้าห้อง ส่วนเวลาคุย ขึ้นอยู่กับว่าเรา และCCว่างตอนไหนบ้าง เวลาคุยโดยเฉลี่ยอยู่ที่30-40นาที แนะนำให้ทำตัวดีๆกับ CC ไว้ เพราะเขาเป็นคนเขียน Recommendation ให้เราด้วย
- ระบบ Advisor จะเป็นระบบสุ่มที่ทางโรงเรียนจัดมาให้ เราจะรู้ว่าadvisorของเราเป็นใครตอนช่วง Orientation (ช่วง3วันแรกของการมาที่ St. Mark’s)
- ของใน Bookstore แพงโฮกๆ แนะนำว่าถ้าซื้อข้างนอกได้ ขอให้หามาจากข้างนอกแทน
- ฝั่ง West Campus ช่วง Fall เป็นช่วงที่สวยมากๆ แนะนำว่า ถ้ามีโอกาส ให้ลองไปเดินถ่ายรูปดูได้ มันสวยมากจริงๆ