ดูโค้ดสำหรับ Western Reserve Academy

['''Last Update: April 25, 2017]'''

'''Western Reserve Academy''' (รู้จักกันดีในชื่อ ''''WRA'''' หรือ ''''Reserve'''') เป็นโรงเรียนสำหรับเตรียมความพร้อมเข้ามหาวิทยาลัย (college preparatory school) ขนาดกลาง สหศีกษา มีทั้งนักเรียนประจำและไปกับ ตั้งอยู่ที่เมืองฮัดสัน (Hudson) รัฐโอไฮโอ (Ohio)

มีสโลแกนของโรงเรียนว่า What Will You Pioneer? แล้วก็จะเรียกนักเรียนว่า Pioneer

สรุปข้อดีข้อเสียไว้ให้ เผื่อบางคนขี้เกียจอ่าน เพราะมันตัว W อยู่หลังๆ อ่านมาเหนื่อยละ
{{กล่องข้อมูล โรงเรียน 
| image = [[Image:WRA_Shield.jpg]]
| caption = ตราโรงเรียน
| address =
115 College Street
Hudson, OH 44236
| abbr = WRA / Reserve
| motto = Lux Et Veritas (Light and Truth) 
| establish_date = 1826
| type = College Preparatory School
| song = Old Reserve
| color =  สีเขียว-ขาว <br>(Hunter Green and White)
| website = [http://www.wra.net www.wra.net]
}}

[[Image:Reserve.jpg|thumb|หอประชุมโรงเรียน (Chapel)]]
[[Image:WRA gates.jpg|thumb|ประตูโรงเรียนที่กว่าจะหาเจอ]]
[[Image:WRA brick row.jpg|thumb|ทางเดินในฤดูหนาว]]
[[Image:IMG 3122.jpg|thumb|เอิร์ท TS51 กับรูมเมท]]
[[Image:WRA snow.jpg|thumb|หิมะตกขาวโพลนตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ]]
[[Image:Bicknell.jpg|thumb|หอบิคเนล (Bicknell House)]]
[[Image:Hudson downtown.jpeg|thumb|Hudson Downtown]]
[[Image:Hudson downtown2.jpeg|thumb|Hudson Downtown]]
[[Image:Heinens.jpeg|thumb|Heinen's]]
[[Image:snowstorm.png|thumb|The center of the campus during Snow Storm ความจริงจะมีตึกอยู่ตรงกลางรูป แต่หิมะตกบังหมด]]
[[Image:Turf.png|thumb|The turf for playing American Football, Soccer, Field Hockey, etc. in Fall]]
[[Image:Hiking.png|thumb|Hiking in Fall]]
==ข้อดี==
* อยู่ติด downtown Hudson 
::เดินไปหาของกิน ไปร้านอาหาร ไปร้านกาแฟ ร้านไอติม ไป Starbucks ไปธนาคาร (มี Citizen Bank, US Bank, First American Bank, KeyBank, Chase) ไป Post office (ถ้าเป็นจดหมายหรือพัสดุเล็กๆ รร.เอาไปส่งให้ได้ แต่ถ้าเป็นพัสดุกล่องใหญ่ต้องไปส่งเอง) ซื้อของก็สะดวกพอสมควร
::มี supermarket 2 ที่ อันนึงคือ '''Heinen's''' ขายแต่ของกิน พวกของสด ขนม snacks บลาๆ อีกอันคือ '''Acme''' อยู่ไกลกว่า Heinen's แต่มีขายเกือบทุกอย่างที่พอนึกได้ (ทั้งจำเป็นและไม่จำเป็น เช่น ยาสระผม แปรงสีฟัน ยา ขนม) แม้กระทั่งผ้าห่ม อาหารหมา และต้นไม้ประดับ แล้วก็ยังมีอีกอัน ชื่อ '''Target''' กับ '''CVS''' แต่อันนี้ต้องนั่งรถไปประมาณ 10 นาที รร.จะมีทริปพาไปวันเสาร์อาทิตย์
::มีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆ 3 ที่ (ถ้าจำไม่ผิดนะ) อันใกล้สุดห่างจากโรงเรียนประมาณ 5 นาที แต่ถ้าดึกๆ (หลังสี่ทุ่ม) มันปิด ก็ไปอีกที่ ห่างจากโรงเรียน 15 นาที ป่วย บาดเจ็บ เลือดออก ขาหัก เป็นอะไรก็ไปโรงพยาบาล แต่ปกติถ้าไม่เป็นอะไรมาก ห้องพยาบาล (มีหมอ 1 คน พยาบาลเยอะจนเราไม่นับ) ก็เอาอยู่
::ข้อดีอีกอย่างคือ Hudson เป็นเมืองที่ปลอดภัย ไม่มีอาชญากรรม เป็นเมืองของ rich white people ขนาดในรร.ยังมีคนผิวสีแค่ 4 คน จากเด็กทั้งหมด 400 คน  international students เกือบทั้งหมดมาจากจีนกับเกาหลี (เราว่าเป็นข้อเสียด้วย diversity ต่ำมาก)
* เมือง Hudson อยู่ใกล้ Cleveland (ซึ่งเป็นเมืองใหญ่มากๆ) 
::ไปสนามบิน Cleveland international airport ประมาณ 40mins หรือจะไป Akron airport (สนามบินเล็กกว่าเยอะมากๆ แต่บางครั้งตั๋วถูกกว่า ก็ต้องเช็คๆเอา) ก็ได้ ระยะทางพอๆกัน
* ได้เปรียบเรื่องสถานที่สอบ standardized tests 
::รร.เป็นศูนย์สอบทั้ง SAT และ ACT ส่วน TOEFL นี่นั่งรถไปประมาณ 12 mins (ส่วนใหญ่ college counselor จะขับรถพาไป แต่บางครั้งเขาไม่ว่างก็หาคนอื่นมาขับแทนให้) เราว่าเป็นข้อดีที่ดีมากๆ เพราะไม่ต้องตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อนั่งรถเป็นชม.ๆไปสอบเหมือนรร.อื่นที่อยู่ในป่า
* ห้องพักกว้าง (spacious) ยกเว้นห้องเดี่ยวบางห้อง แต่ถึงจะเล็กก็อยู่แบบสบายๆอ่ะ ไม่อึดอัด
* เราว่าผญ.มีโอกาสได้ห้องเดี่ยวเยอะพอสมควร แถมบางคนได้ double room แต่อยู่คนเดียวด้วย เพราะว่าห้องเหลือเยอะ ส่วนผช.นี่เราไม่รู้
* คลาส Economics ครูสอนดีมาก ถ้าจะ major Economics ในมหาลัยก็โชคดีไป เพราะจะได้พื้นฐานดี
* บังคับว่าต้องลง English อย่างเดียว ไม่บังคับ US history หรืออื่นๆ
* มี Fee waiver ให้ค่าสอบ SAT I 2 ครั้ง SAT II (SAT subject test) 2 ครั้ง ACT 2 ครั้ง TOEFL 1 ครั้ง
* มี Fee waiver ค่าใบสมัครมหาลัยให้ทุกที่
* ค่าส่งคะแนนสอบ SAT, ACT, TOEFL ก็ไม่ต้องจ่าย เพราะ College counselor จะช่วยส่งคะแนนไปให้มหาลัยเอง (แต่เพื่อความปลอดภัยว่าคะแนนจะไปถึงมหาลัยก็กดส่งจากเว็บเองแล้วก็ยอมจ่ายเงินไปเองจะดีกว่า)
* ไม่มีตัดเน็ต ไม่ Light out ไม่บล็อคเว็บ
* ไม่มี Chapel แบบที่ต้องทำพิธีกรรมทางศาสนา แต่ต้องเข้า Chapel วันจันทร์กับศุกร์เช้า ประมาณครึ่งชม. เรียกว่า morning meeting เป็นการประกาศข่าวสาร, event ของรร.
* ไม่มีตรวจห้อง 
::ยกเว้นว่าครูบังเอิญเห็นแล้วมันรกแบบสุดจะทนเขาก็สั่งให้จัด พวกวันหยุดบางครั้งเขาก็ห่วงเรื่องความปลอดภัย ก็แค่มาเดินเคาะห้องแล้วดูว่ายังหายใจอยู่
* เรทเงินเดือน $1250 ตอนแรกเหมือนจะแย่ แต่ไปๆมาๆ กลายเป็นข้อดี เพราะจริงๆแล้วค่าครองชีพถูกมากๆ เมื่อเทียบกับ east coast เลยจะเหลือเงินเยอะกว่า เช่น ค่าซักผ้า ที่นี่แค่ 50 cents ซัก 50 cents อบ (ทำงานเร็วกว่าเครื่องที่ Brewster เยอะ แถมถูกกว่าสามเท่า) แล้วบางหอซักผ้าฟรีอีกต่างหาก
* รร.มีสัญญาณมือถือแทบจะทุกค่ายที่ดังๆ
* seniors มีอภิสิทธิเยอะมาก (เอาเป็นว่าอะไรที่น่ารำคาญๆ seniors จะไม่เจออ่ะ)
* ครูเกือบทั้งหมดจะเอาใจใส่เด็กดีมาก ตามสไตล์ชีวิตการเรียนแบบ liberal arts education 
::ครูจะรู้จักชื่อเด็กหมดแม้เราจะไม่ได้เรียนกับเขาก็ตาม ยิ่งถ้าชื่อเสียงโด่งดังด้วยนี่เพื่อนก็รู้จัก แม้เราจะไม่รู้จักชื่อคนนั้นก็ตาม ส่วนหนึ่งเพราะรร.ขนาดเล็กด้วย มีเด็กแค่ 400 คน Average class size 12 คน
* campus ไม่ใหญ่มาก ไม่ต้องเดินไกล 
::ทุกตึกแยกตามการใช้งาน แต่อยู่ใกล้ๆ กันหมด เดินสบายๆ (ยกเว้นตอนหิมะตกแล้วรถขัดพื้นยังไม่มาทำงาน ก็จะต้องเดินแบบระวังลื่นหงายหลัง ตูดกระแทกพื้น สมองกระทบกระเทือน เพราะพื้นจะกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งถ้าปล่อยทิ้งไว้) เช่น มีตึกเรียนวิทย์ (Wilson) แยกไป มีตีกศิลปะ (KFAC) ตึกกีฬา (MAC) ห้องสมุดก็แยกไปอีกตีก
* รร.ไม่ค่อยมีกฎอะไรมาบังคับเด็กมาก โดยเฉพาะ seniors เพราะเด็กที่นี่ก็จัดการชีวิตตัวเองได้ดีอยู่แล้ว
* เราว่าเพื่อน ๆ เป็นมิตรและน่ารักมาก ๆ เลยนะ

==ข้อเสีย==
* โรงเรียนนี้มีอยู่ห่างจากกลุ่มเพื่อนเด็กไทยคนอื่นมาก ในเมืองฮัดสันก็ไม่มีคนไทย คนไทยที่ใกล้โรงเรียนที่สุดอยู่ที่ Kent State University ซึ่งห่างไปประมาณครึ่งชั่วโมง ตอนวันหยุดถ้าอยากไปอยู่กับเพื่อน TS ก็ต้องนั่งเครื่องบินไป ซึ่งก็แพงมากๆ แถมรร.ไม่มีโปรแกรมจัดหา host family ให้ด้วย 
* อากาศ:
::หนาวกว่าพวกรร.แถบ east coast ละยังไม่ค่อยมีแดดด้วย แถมรร.ไม่เคยหยุด snow day ไม่ว่าหิมะจะตกหนักแค่ไหน พายุจะถล่มก็ไม่สนใจ ถึงแม้ว่าประมาณ 50% ของนักเรียนที่นี่จะเป็น day student ก็ตาม แต่เดี๋ยวอยู่ๆไปก็ชิน ถ้าอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า -10 องศาซี ก็ยังชิวๆ พอ winter จะหมด ละกลับไปอุณหภูมิประมาณ +10 องศาก็จะรู้สึกร้อนตับแตกเหมือนอยู่ไทยอุณหภูมิ 38 
::รร.เริ่มเปิดระบบฮีตเตอร์ให้ตั้งแต่ปลายตุลา ถ้าอยู่ในตึกยังไงก็อุ่น (ไม่เหมือนที่ Christmas program ไม่รู้จะประหยัดไปไหน ไม่ยอมเปิดฮีตเตอร์ หรือถ้าเปิดก็เปิดเบามาก อยู่ในห้องนี่รู้สึกหนาวพอๆกับข้างนอก)      
::ถึงแม้จะไม่เคยหยุด snow day แต่ยังไงก็ยังพอมีข้อดีอยู่บ้าง เพราะรร.มี tradition ที่ว่ารร.จะหยุดถ้ามีทีมกีฬาที่ไปแข่งแล้วไม่แพ้เลยทั้งฤดู (undefeated) เช่น swimming team ไม่แพ้เลย ก็จะให้หยุดทั้งรร. ทำอะไรก็ได้ ถ้าได้มาอยู่ WRA ก็ภาวนาขอให้ปีนั้นมีทีมที่ชนะตลอดเยอะๆละกัน แต่ปี 2016 ได้หยุดแค่ 1 วันครึ่งเอง .___.
* อาหาร
:: ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ถ้าอร่อยก็อร่อยไปเลย ถ้าไม่อร่อยก็...ตามนั้นแหละ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยอร่อยหรอก
* เรียนหนักกว่าโรงเรียนส่วนใหญ่ของ Thai scholars เห็นได้จาก TS บางคนมีเรียนไม่กี่คาบต่อวัน (คาบเดียวบ้างสองคาบบ้าง) แต่รร.นี้ต่อให้ลงคาบน้อยยังไงก็เรียนอย่างต่ำ 4 คาบต่อวัน เราลง 6 classes ก็คือมีคาบว่างแค่ 4 คาบต่อสัปดาห์ (จากทั้งหมด 28 คาบ)
* วันหยุดน้อยกว่ารร.อื่น 
::โดยเฉพาะ Winter Break TS59 ได้หยุดแค่ Dec 22, 2016 - Jan 3, 2017 เอง (น้อยกว่ารร.อื่นประมาณ 1 week) แต่ Spring break ได้หยุดเท่าๆ กับคนส่วนใหญ่
* โรงเรียนเปิดก่อนเพื่อนส่วนใหญ่เร็วมาก 
:: ได้ออกจาก Brewster เป็นคนแรกๆ เลยจ้าาา ประมาณกลางเดือนสิงหาคม (เปิดก่อน summer program ที่ Brewster จบ ประมาณ 3 weeks อ่ะ) แต่ก็ยังปิดพร้อมกับคนส่วนใหญ่ (ปลายเดือนพ.ค.)
:: จริงๆ ก็แอบมีข้อดี เพราะไปโรงเรียนก่อน ก็ได้ฝึกใช้ภาษาก่อน มีเวลาปรับตัวก่อน มีเวลาเตรียมตัวสอบ SAT หรือ ACT เพราะว่าจะเริ่มชินกับเวลาที่ต้องทำการบ้านอ่านหนังสือ
* ตั๋วกลับไทยแพงกว่าแถบ east coast แพงกว่าคนที่จองจาก Chicago ด้วย ไม่เข้าใจว่าทำไม ทั้งๆ ที่วันเดียวกัน เวลาก็ช่วงเดียวกัน สนามบินก็ใหญ่พอๆกัน
* ทำอาหารกินเองไม่ได้ 
::ใน Common rooms จะมีแค่ ไมโครเวฟ ตู้เย็นส่วนรวม (ห้ามมีตู้เย็นส่วนตัวในห้องตัวเอง) อ่างล้านจาน ทีวี คียบอร์ด โต๊ะนั่งเล่น โซฟา เอาง่ายๆ ถ้าอยากทำกินเองก็ไมโครเวฟอย่างเดียว
* เด็กที่นี่จะตั้งใจเรียนมาก โดยเฉพาะ seniors (ทุกคน) กับ juniors (บางคน) มีหลายคนเก่งกว่า Thai scholars ด้วย เกรดได้มายากขึ้น แล้วการเป็นท็อปๆ ของรร. ก็ยากขึ้น เป็นการกดดันอย่างหนึ่ง แต่ Thai scholars ยังได้เปรียบนิดนึงตรงที่เรียนมาแล้วบ้าง

== การศึกษา ==

- มี 2 semesters ในทางทฤษฎี แต่จริงๆจะจัดเป็น 4 marking periods (เทอมนึงมี 2 marking periods) ตัดเกรดทุกๆ marking periods

- โดยปกติ ใช้ระบบ AP system เลือกได้สูงสุด 7 classes คลาสนึงมี 4 ครั้งต่อสัปดาห์ (3 ครั้ง 50 mins 1 ครั้ง 75 mins)
คำแนะนำคืออย่าลงเต็ม 7 classes แค่ 6 classes ก็จะร้องไห้ละ

- ระบบเกรดใช้ 1-7 scaling system ก็คือสูงสุดเกรด 7 ลดลงทีละ 0.5 ไปจนถึงเกรด 1 เป็นระบบที่เป็นเอกลักษณ์ของรร.อย่างหนึ่ง สัมผัสได้จาก college representatives แต่ละคนที่มา visit รร. จะพูดถึง เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงเวลาจะสมัครมหาลัย

- คลาสที่เป็น AP จะถ่วงน้ำหนัก 1.1 แต่ยังหารด้วยจำนวนคลาสที่เรียน เช่น ได้ AP Economics 7, AP Physics C 7, English 6.5 จะคำนวณ GPA เป็น [(7x1.1)+(7x1.1)+6.5]/3 ทำให้ GPA ดูเยอะขึ้น (ถ้าได้เกรดคลาส AP ดีนะ)

- คลาสเกือบทั้งหมดจะเป็น full-year and full-credited classes เวลาจะเลือกคลาสมันมีบอกถ้าอันไหนเป็น half-year or half-credited classes

- คลาสแรกเริ่มที่ 8.20 am (ยกเว้นบางคลาสเริ่ม 8.00 am) เลิกเรียนขึ้นกับวัน บางวัน 3.00pm ไม่ก็ 3.20pm กีฬาโดยทั่วไปจะเริ่ม 4.00-5.30 pm อาจมีเลทบ้างขึ้นกับกีฬา

- คลาสที่จัดว่ายากของรร.เท่าที่รู้ก็มี AP Economics (อันนี้ยากสุด เป็นที่รู้กันของทุกคน แต่ครูสอนดีมากๆถึงมากที่สุด ชื่อ Mr. Ong), AP Physics C (เราว่าก็ไม่ได้ยากมาก แต่ก็ภาวนาอย่าให้ Mr. Baldridge ปล่อยพลังตอนสอบ ไม่งั้นล่ะก็.....ทำไม่ได้เลยค่าาาา)

- มีคลาสวันเสาร์ที่เรียกว่า ECHO ต้องเรียนวันเสาร์ 2 จาก 3 seasons เวลา 8.20-10.50 am เป็นคลาสชิวๆ มีแค่ pass/fail ซึ่งก็ pass หมดแหละถ้าไม่โดดเรียนทุกครั้ง วันเสาร์ไหนที่รร.จัดสอบ SAT or ACT ก็ไม่มีเรียน เอาจริงๆ 1 season ก็เรียนแค่ประมาณ 5 ครั้ง คลาสที่ให้เลือกก็เปลี่ยนไปทุกปี บางคลาสจะเรียนวันศุกร์ตอนเย็นแทน บางคลาสก็ไม่มีตารางแน่นอน เช่น Musical History Tour คือเข้าคลาสไปฟังเลคเชอร์วันเสาร์สองครั้ง ที่เหลือก็ไปดู concert ที่ Cleveland ประมาณ 3 ครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นวันศุกร์ตอนเย็น เราเคยไปดู Cleveland Orhestra concert อ่ะ แนะนำให้ไป มันดีงามมากๆ ฟรีด้วย (ปกติค่าตั๋วแพงมาก)

- มี quiz ไม่ก็ test เกือบทุกอาทิตย์ แล้วก็มี mid-year exam (Winter Exam/December Exam) คือการสอบใหญ่ เกรดของ mid-year exam จะไม่อยู่บน mid-year transcript ที่ต้องส่งมหาลัยไปตอนสมัคร แต่จะอยู่ใน final transcipt ที่โรงเรียนจะส่งไปหลังจากมหาลัยรับเราแล้ว

:แต่ว่า... '''รร.ยกเลิกระบบ AP ตั้งแต่ TS60 เป็นต้นไป'''
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสีย แต่ได้ยินมาว่า เนื้อหาจะยากขึ้น เวลาคาบแต่ละครั้งก็จะยาวขึ้น (จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่) แถมไม่มีคลาสให้ weigh 1.1 ให้ GPA เพิ่ม ครูจะไม่ติวว่าควรเขียนตอบใน AP exam ยังไงให้คะแนนเยอะ (ก็คือไม่เสียเวลาให้การสอบ AP อ่ะ) อย่างไรก็ตาม เขาว่ากันว่าเด็กจะมีเวลาว่างมากขึ้น มีเวลาพักแต่ละคาบ ให้ทำการบ้าน ให้พักผ่อน จะได้เครียดน้อยลง

คลาสที่เราเคยเรียนก็มี
* '''AP Economics''' สอนโดย Mr. Ong เป็นคลาสที่ยากสุดของรร. ได้ 7 ถือว่ายากสำหรับเด็กที่นี่ แต่เราว่าก็ไม่ได้ยากแบบเป็นไปไม่ได้ ตั้งใจเรียนในห้องก็พอ เวลาสอบคะแนนแย่แค่ไหน เดี๋ยวครูก็ curve (ลดคะแนนเต็มลงมา)ให้ตามความสมควร Mr.Ong เป็นหน่ึงในครูที่เข้าหาง่ายมากของรร. คือถ้าไม่เข้าใจอะไรตรงไหนก็ไปหาเขาหลังเลิกเรียนหรือตอนเย็นได้ แถมเขายังชอบจัด study session ช่วง study hours มาก็ได้ไม่มาเขาก็ไม่ว่าอะไร ให้คนที่ไม่เข้าใจมาถามคำถาม มาติวสอบ มาฟังเรื่องที่เรียนไปอีกครั้ง ช่วงก่อนปีใหม่นี่จัด study sessions ทุกสัปดาห์เลย
* '''AP Physics C''' คลาสที่ยากรองลงมาจากEcon เราว่าไม่ได้ยากมาก แต่ก็พอตัวอยู่ ตามชื่อคอร์สเลยคือใช้ calculus เยอะมาก (C ย่อมาจาก Calculus) จะหา moment of inertia, work, momentum ก็ใช้แคลคูลัส มีเนื้อหาที่ไม่ได้เรียนจากไทยบ้าง แต่ก็เรียนเพิ่มได้สบายๆ quizส่วนใหญ่ไม่ยาก เหมือนๆ กับการบ้าน tests นี่จะไม่ยากถ้าเขาอารมณ์ดี ส่วน mid-year exam นี่เรียกว่านรก เราทำแบบมั่วมาก (คือทำไม่ได้แต่ยังพยายามแถอ่ะแหละ) ผิดเยอะมากกกก โดนหักคะแนนรัวๆ แต่ว่ามันเป็น exam เดียวที่ครู curve ให้ จนเราได้เต็ม ปกติ Mr. Baldridge จะไม่ curve quiz หรือ tests ให้ทั้งนั้นแม้ว่าคะแนนสูงสุดจะไม่มีใครได้เต็มหรือห่างไกลจากคำว่าคะแนนเต็มมากก็ตาม เขามีความคิดที่ว่าไม่แจก 7 ง่ายๆ สองสามปีทีจะมีคนได้ 7 โผล่มา แต่เราก็ได้อยู่ดี อาจเป็นเพราะเขาชอบ Thai Scholars ด้วยมั้ง
* '''AP Statistics''' ปกติ Mr. Yankay จะเป็นคนสอน ซึ่งเขาสอนดีมากๆ ถ้าได้เรียนด้วยก็สบายไปตอนอยู่มหาลัย แต่ปี 2016 คนลงคลาสนี้เยอะเกิน Mr. DiBiase เลยต้องมาช่วย ซึ่งสอนไม่ดีเลย ถ้าได้เขาก็ต้องเรียกว่า เรียนกับตัวเองและ textbook อย่างเดียว
* '''AP Calculus BC''' ไม่ยากเลย มีเนื้อหาที่ไม่ได้เรียนจากไทยประมาณ 30% แต่ก็เรียนรู้เรื่อง ได้เกรด 7 ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเด็กไทยและเอเชีย ลองเรียนดูก่อนก็ได้ ถ้ารู้สึกง่ายไปก็ขอย้ายไปคลาสที่เลเวลสูงกว่า เช่น multivariable calculus
* '''English: American Experience''' คนที่นี่ไม่ค่อยชอบเลเวลนี้เท่าไหร่ ถ้าไม่ชอบก็ขอย้ายไปเลเวลอื่น แต่เราว่าก็ไม่ได้แย่อะไรนะ ยิ่งถ้าได้ Mr. Ray นี่ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่อ่าน reading มาละก็เขียนเอสเส แต่ writing skills จะไม่พัฒนา เพราะเขาไม่สอนอะไร หนังสือที่เราได้อ่านก็มี Scarlet Letter, The Other Wes Moore, Hamlet, Their Eyes Were Watching God เป็นต้น (แต่หนังสือก็เปลี่ยนไปทุกปีนะ) ช่วงที่ต้องอ่านหนังสือจะเป็นช่วงที่การบ้านหนักมาก เพราะเขาสั่งคืนนึงหลายหน้ามากๆ เวลาที่มีให้เขียนเอสเสก็น้อยมาก บางอันให้เขียนแค่คืนเดียว แต่ส่วนใหญ่ก็ประมาณ 2-3 วัน หลังปีใหม่จะสบายไปประมาณอาทิตย์ครึ่ง เพราะพวก juniors ต้องเขียน personal statement สำหรับเตรียมเข้ามหาลัย เราก็นั่งเฉยๆ ฟังเพลงในคลาส เล่นเกม ทำการบ้านอย่างอื่นไป แล้วก็เอาเอสเสที่ใช้สมัครมหาลัยไปแล้วไปส่ง เกรดถือว่าปานกลาง ประมาณ 6-6.5 ก็หรูละสำหรับ international students (ขึ้นกับครูที่สอนด้วย)
* '''Dance''' ไม่มีการบ้าน แต่ยากอยู่ เพราะต้องเต้นทั้ง Ballet, Modern, Jazz เกรดไม่ใช่ easy 7 เหมือนข่าวลือ
* '''AP Computer Science''' ครูใจดีและน่ารักมาก ๆ ตอนที่เราหนาวครูเคยเอาผ้าพันคอมาฝากด้วย ตอนที่เราเรียนจะได้เรียนเนื้อหาของคอมและฝึกฝนในห้องเรียนค่อนข้างเยอะ หลังจากนั้นก็จะได้ทำการบ้าน ซึ่งเป็นการฝึกให้สื่อสารกับคนอื่นในสิ่งที่เราเขียนได้ดีขึ้น สนุกมาก ๆ มี lab แปลก ๆ ให้ทำ เช่นเขียนโปรแกรมเปลี่ยนสีธีมหรือเปลี่ยนสีภาพตามที่เราอยากได้ ถ้าเคยเรียนเขียนโปรแกรมมาแล้วเนื้อหาน่าจะไม่ยากเท่าไหร่ เน้น oop นิดหน่อย ส่วนใครที่ยังไม่เคยเรียนเขียนโปรแกรมมาอาจจะงง ๆ นิดหน่อย แต่ก็ถามอาจารย์หรือเพื่อน ๆ ที่น่ารักได้ตลอดเลย

== อาหาร ==

สำหรับเรื่องอาหารการกินนั้น ที่โรงเรียนจัดว่าแย่มาก ๆ แต่น้ำหนักไม่ลด เพราะมันหิวก็เลยกิน ถ้าอดข้าวนี่แม้แต่ประตูเข้าตึกก็ไม่มีแรงเปิด เพราะประตูหนักมากจริงๆ
* อาหารทะเลถือเป็นของพิเศษมาก มีปีละครั้งสองครั้ง 
* Buffet: เป็นอาหารจานหลักที่แม่ครัวยืนตักเป็นจานๆ (ตักเองไม่ได้ถ้าเป็นจานหลัก)
* มื้อกลางวันจะมีสิ่งที่เรียกว่า '''Exhibition Bar''' คือเขาจะทำเป็นจานๆสดๆให้แต่ละคน เลือกใส่เองได้ว่าจะใส่หมูไก่กุ้งเนื้อ ผักอะไรบ้าง ซอสอะไรบ้าง ตัวอย่างเมนูก็มี Thai Fried Rice (บางครั้งเค็มมาก ระวังไตพัง), Bibimbab (อันนี้อร่อยจนจะร้องไห้) Exhibition เกือบทุกวันจะอร่อยกว่า Buffet แต่ต้องรอนานมาก (ถึงมากที่สุด แบบว่าเกือบไปเรียนไม่ทัน) ก็ต้องเลือกเอาเองระหว่างเวลากับความอร่อย
* มื้อเช้า จะมี Scrambled eggs, some kind of potatoes (เช่น เฟรนช์ฟราย), Bakeries, Pie, Pancake, ham, yogurts, fruits, milk, cereals, sausages, oatmeal ส่วน waffle มีเฉพาะวันอังคารกับวันอาทิตย์แล้วก็ Holiday

ถ้ากินอาหารจานหลักไม่ได้ (เช่น ไม่กินเนื้อวัว ไม่กินเนื่อหมู ไม่กินอาหารค้าง) ก็มีอีกหลายอย่างให้กิน เช่น
* ขนมปัง PB&J
* ครอนเฟรก
* นม: fat free, 2% fat, chocolate
* ผลไม้: apples, แคนตาลูป, กล้วย, ส้ม, พีช, องุ่น, Strawberries, berries อื่นๆ
* Salad Bar
* Hot bar (ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวก Pasta)
* Soup
* น้ำผลไม้ (มีเฉพาะ breakfast)

ระบบการรับประทานอาหารมีสองแบบคือแบบชิว ๆ กับแบบเป็นการเป็นงาน

* buffet เป็นการรับประทานอาหารแบบตามอัธยาศัย ไม่มีกฏเกณฑ์อะไร นั่งกินกับใครก็ได้ มันบอกว่าบุฟเฟต์แต่ก็จะมีป้าแม่ครัวยืนตักให้
* พิธีการ (Sit down meal) เป็นการนั่งกินอาหารแบบแบ่งหน้าที่กันในโต๊ะ ทุกคนต้องทำหน้าที่คนละหนึ่งอย่าง เช่น ไปยกอาหาร, เทน้ำ, เก็บจาน, ไปยกของหวาน, etc.
:: สำหรับมื้อพิธีการจะมี วันพุธตอนเที่ยง (นั่งกินกับ Advisor+his/her advisee) กับ วันจันทร์และวันพฤหัสตอนเย็น (ในทางปฏิบัติก็จะมีแค่วันจันทร์แหละ เพราะวันพฤหัสโดนยกเลิกบ่อยแทบจะทุกสัปดาห์ จะไปนั่งโต๊ะไหนก็ได้ที่มีครูนั่งอยู่ ส่วนใหญ่ก็จะเลือกไปนั่งกับครูที่สนิทๆ กัน)

สิ่งที่ควรระวัง
* ที่นี่จะมีอาหารที่เรียกว่า "Chef Whim" มันคือของเหลือจากวันก่อน ๆ มารวมกัน วันนั้นทุกอย่างในโรงอาหารจะเป็นของเหลือ ซุปจะเปื่อยผิดปกติ ผักสลัดจะช้ำๆ ขนมปังจะแข็งๆ
* สามารถโดดมื้อพิธีการได้ แต่ถ้าเป็นมื้อเย็นต้องดูด้วยว่าอาจารย์หอพักโหดรึเปล่า ถ้าเป็นมื้อเที่ยงที่นั่งกับอาจารย์ที่ปรึกษาก็ไม่ควรโดด
* ถ้าไม่ชอบก็ไปกินอาหารในเมืองได้ หรือไม่ก็ซื้อมาเก็บไว้ในหอได้จากหลายที่ เช่น ร้านขายหนังสือของโรงเรียน, ร้านไฮเนน (Heinen's), ร้านแอกมี (Acme)


<gallery caption="ตัวอย่างอาหารที่ WRA" widths="180px" heights="240px" >
File:Wra_salad.jpg|สลัดจาก salad bar ซึ่งจะมีทุกวัน ถ้าวันไหนไม่อยากกินอาหารปกติก็กินอันนี้ได้
File:Wra_salad2.jpg|สลัดของอีกวัน 
File:Wra_fried_chicken.jpg|ไก่ทอดมั้ง ราดซอสแปลก ๆ 
File:Wra_breakfast.jpg|อาหารเช้าแบบวันธรรมดา (วันอาทิตย์มีวาฟเฟิล)
File:Wra_honey_toast.jpg|บางทีอาหารเช้าวันอาทิตย์ก็มีแบบนี้ honey toast กับ berries
File:Wra_breakfast2.jpg|อาหารเช้า ไข่อบในเตาอบ (oven) กับแฮมและก็ hash browns 
File:Wra_pasta.jpg|พาสต้ากุ้งผักโขม
File:Wra_mac.jpg|มักกะโรนี
File:Wra_chicken_sandwich.jpg|แซนวิชไก่กับข้าว
File:Wra_fish.jpg|ข้าวกับปลาและกุ้งอบผักโขม
ไฟล์:Wra_exhibition_bar.jpg|Exhibition bar ตอนเที่ยง ๆ
File:Wra_fried_rice.jpg|ผลลัพธ์จาก exhibition bar
File:Wra_nacho.jpg|นาโช่? เค้าเรียกว่านาโช่ปะนะ 5555
File:Wra_chicken_again.jpg|ไก่อีกแล้วววว
File:Wra_cereal.jpg|ถ้าไม่รู้จะกินอะไรจริง ๆ ก็กิน cereal ได้ แต่บางรสคนแย่งกันเยอะมาก

</gallery>

==หอพัก==
[[Image:Wra_cutler.JPG|thumb|Cutler House]]
[[Image:Wra_tree.jpg|thumb|บรรยากาศรอบ ๆ หอพักช่วง fall]]
มี 9 หอ

'''หอชาย'''
*North Hall เป็นหอที่ใกล้ตึกเรียน มีเพื่อนเยอะ แต่สร้างมาเกือบสองร้อยปีแล้ว
*The Athenaeum (The A) หอใหม่เพราะเพิ่งซ่อม
* Wood House ห้องจะเป็นเหมือนคอนโด (แต่ค่อนข้างเก่า) ที่มีห้อง common room อยู่ตรงกลางของทุกๆ สองห้อง เป็นห้องใหญ่ ที่เปิดเข้าไปเจอห้องนอนสองห้องเล็ก
* Bicknell Dormitory เป็นหอที่ใหม่สุด ประตูเปิดทิ้งไว้ไม่ได้ ไม่ค่อยมีคนเพ่นพ่าน แต่ทุกอย่างดูเจริญหูเจริญตา
* Hobart House

'''หอหญิง'''
*Cutler House
*Cartwright Hall (Garden)
*Long House 
:: ใหม่ เป็นที่เก็บสมบัติตกทอด หอใหม่ สบาย เป็นหนึ่งในไม่กี่หอที่มี air conditioning เป็นหอเล็กๆ อยู่กันเหมือนเป็นบ้าน เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟเพียบพร้อม ห้องคู่กับห้องเดี่ยวมีเท่าๆ กัน แล้วแต่ว่าเค้าจะจัดให้เราอยู่ห้องไหน ส่วนมากหอนี้จะสงวนไว้ให้ junior กับ senior

*Ellsworth Hall 
:: ถ้าน้องเป็นผญ.น่าจะมีโอกาสได้ห้องเดี่ยวในหอนี้ เพราะถือว่าเป็นเด็กใหม่ ข้อดีคืออยู่ชั้นบนของโรงอาหาร ไม่ต้องเดินไกลก็ได้อะไรอร่อยๆ กิน (ถ้าเจอหน้าหนาวแล้วจะรู้สึกโชคดีมากที่ได้หอนี้) ห้องก็สภาพไม่แย่ (แต่ห้องเดี่ยวสภาพดีมาก เพื่อนเราทุกคนที่มาห้องเราบอกว่าห้องสวยสุดในตึก) อยู่สบาย ซึ่งคนส่วนมากที่อยู่ใน Ellsworth ก็จะเป็นนักเรียนใหม่ ทำให้หาเพื่อนได้ง่าย รู้จักคนเยอะเพราะเป็นหอใหญ่ ข้อเสียคือ บางทีนอนๆ อยู่ก็จะได้กลิ่นอาหารลอยมา (นานๆ ทีนะเราว่า อาจขึ้นกับทำเลห้องด้วย) แต่ก็ไม่มีสัตว์ไม่พึงประสงค์หรอก มดยังไม่มีอ่ะคิดดู ชั้นใต้ดินมีห้องซักผ้า (ซัก $0.5 อบ $0.5 ถือว่าถูกมากๆ เพราะค่าครองชีพที่Ohioถูก) แล้วก็มีห้องปาร์ตี้ เรียกว่า '''Green Key''' เป็นที่ชุมนุมของเด็ก ส่วนใหญ่เปิดเสาร์อาทิตย์กับตามงาน เช่น ดู superbowl ดูเลือกตั้ง มีนัดประชุมคลับ มี class meeting แถมมีขนมบ้าง พิซซ่าบ้าง น้ำอัดลม มีโต๊ะสนุ๊ก เกมบลาๆ หลังปีใหม่ seniors จะมี privilege เปิดเมื่อไหร่ก็ได้

ทุกหอมี laundry room อยู่ในตัว ไม่ต้องเดินข้ามหอไปซักผ้า

รร.ชอบสลับหอหญิงชายด้วย เช่น ปี 2015 หอ The A เป็นผญ ปี 2016 กลับไปเป็นของผช.ใหม่ แต่เท่าที่เรารู้นี่ Ellsworth hall เป็นผญ.ตลอด

== Dress Code ==

รร.นี้เป็นพวกชอบอนุรักษ์จ้าาาาา เพราะว่ารร.มีชุดยูนิฟอร์มเรียกว่า Reserve Green ต้องใส่วันจันทร์กับศุกร์

'''Reserve Green'''
* ตามชื่ออ่ะ...สีเขียว
* ใส่วันจันทร์กับวันศุกร์และวันที่มีพิธีการ
* ทั้งผช.และผญ.ใส่ Blazer สีเขียวของรร. (แพงขูดรีดมาก)
* ผช.ใส่เชิ้ตขาว กางเกงสีอะไรไม่รู้ .__. ผูกไทด์ของรร.
* ผญ. ใส่เสื้ออะไรก็ได้ที่สีขาวและไม่ใช่เสื้อยืด ใส่กระโปรงลายสกอตของรร.
* สามารถใส่เสื้อโปโลสีขาว (ของรร.เท่านั้นนะ) แทนเชิ้ตสีขาวได้

'''Dress code'''
* ใส่วัน อ.-พฤ.
* ผช.: เสื้อเชิ้ต ผูกไทด์ (ต้องผูกทุกวันนะ พวกครูชอบเคร่งกับการแต่งตัวของผช.มากกว่าผญ) ทับด้วยblazer กางเกงที่ไม่ใช่ยีนส์ ห้ามใส่เสื้อโปโล
* ผญ.: อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เสื่อยืด เสื้อโปโล กางเกงขาสั้น กางเกงยีนส์ sweatshirt sweatpants
* ห้ามใส่รองเท้ากีฬา รองเท้าแตะ

'''Saturday dress'''
* ถ้าเรียนวันเสาร์นะ
* ใส่อะไรก็ได้แม้กระทั่งเสื้อยืด (แต่ต้องเป็นเสื้อยืดที่ดูดีหน่อย) หรือกางเกงยีนส์

== Activities ==

* '''Clubs'''

คลับที่นี่ไม่ active คือคนชอบสร้างคลับขึ้นมาเพื่อเอาไปใส่ในใบสมัครมหาลัย แต่จริงๆแล้วคลับนั้นไม่เคยทำอะไรเลย ส่วนมากคลับที่ active จริงๆจะเป็นพวก หนังสือพิมพ์รร., Magazine, Fiction Novel 

เราไม่แนะนำให้สร้างคลับเท่าไหร่นะ เพราะมหาลัยเขาก็รู้ว่าคลับที่นี่ไม่ active ใส่ในใบสมัครไปก็เปลืองที่เปล่าๆ แต่ถ้าจะ join คลับที่ active ก็ได้อยู่

== Rules ==

* '''Study Hours'''

:วันอาทิตย์ถึงพฤหัส 7.30-10.00 pm ก็คือทำการบ้านอยู่ในห้องนอนตัวเองนั่นแหละ หรือจะไปห้องสมุดก็ได้ ปกติต้องเปิดประตูห้องแง้มๆ ทิ้งไว้ คือเอาถังขยะมาวางขั้นประตูอ่ะแหละ (จริงๆ ก็ขึ้นกับครูด้วย บางคนไม่เดินตรวจ ก็ปิดประตูไปเลยได้ อยู่ๆ ไปเดี๋ยวก็รู้ว่าวันไหนปิดได้) แต่ในทางทฤษฎี seniors จะมีสิทธิปิดประตูห้องตั้งแต่ 2nd marking periods เป็นต้นไป 

:วันศุกร์ check in at 10.00 pm

:วันเสาร์ check in at 11.00 pm (for freshmen, sophomores, and juniors), midnight (for seniors)

* ห้ามนั่ง Uber (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม) อยากไปไหนก็ถามๆ เพื่อนดู ไม่ก็ให้ advisor พาไปได้
* ห้ามกินเหล้า เมายา สูบบุหรี่ ใน campus (อันนี้น่าจะทุกรร.) ถ้าจับได้ ไล่ออกทันที ไม่มีทัณฑ์บน

== ชึวิต == 

* มี college counsellor เป็นที่ปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับ college และการสอบ standardized tests ส่วนใหญ่จะนัด meeting counselor 1 ครั้งต่อสัปดาห์
เอาเอสเสไปให้ college counselor อ่านหรือคอมเมนท์ได้ แต่เราว่า counselor เราแก้เอสเสให้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (อาจจะเพราะเราคิดมากด้วย) รอไป Christmas program แก้ก็ได้

* มีพาไปเที่ยวทุกสัปดาห์ ถ้าอยากไปก็ลงชื่อ ถ้าไม่อยากไปก็อยู่เฉยๆ ตามความสมัครใจ

:ช่วง Fall จะทริปเยอะ เช่น ไปปีนเขา ไป shopping mall ไปกินไอติม ไป Niagara falls ไปดูหนัง ไปดูแข่งบาสที่ Cleveland ไปดูละครเวที ไปโยนโบลิ่ง ไปร้องคาราโอเกะและอื่นๆ

:ช่วง Winter จะไม่ค่อยมีทริป มันหนาว เพราะฉะนั้นถ้าอยากไปไหน ก็ไปๆตั้งแต่ช่วงFallอ่ะแหละอย่าคิดมาก

:ช่วง Spring อันนี้ไม่รู้ ตอนที่เขียนยังอยู่winterอยู่

: Senior trip: หลังปีใหม่ (ช่วงกลางกุมภา) seniors จะได้หยุดเรียนวันนึง รร.จะพาไปสวนน้ำ Kalahari Waterpark จะสนุกมากเหมือนได้ปลดปล่อย ถ้าไม่อยากไป ก็อยู่รร.ได้นอนเฉยๆ ได้ 

* นักเรียนใหม่จะมี senior คนนึงที่ช่วยดูแล เรียกว่า Green Keyให้คำปรึกษา เอาขนมมาให้ (แค่ครั้งเดียว) บลาๆๆ (อารมณ์แบบ พี่รหัส ที่ไทย) แต่เราก็ไม่สนิทกับกรีนคีย์เราเท่าไหร่ ถ้าสนิทก็หาเหมือนหาเพื่อนเพิ่มได้คนนึงมั้ง

* Advisor เป็นคนให้คำปรึกษาเรื่องทั่วๆ ไป อยากดรอปคลาสไหน เปลี่ยนกีฬาก็ไปถามเขาก่อน ไม่เข้าใจเรื่องอะไรก็ไปถามได้ ถ้าไม่ชอบ advisor คนที่ได้มา ก็ขอเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ชอบมากกว่าได้ แต่ต้องผ่านความยินยอมของทั้งคนเก่าและคนใหม่ด้วย

== Campus ==
[[ไฟล์:Wra_wilson_hall.jpg|thumb|Wilson Hall]]
[[ไฟล์:wra_library.jpg|thumb|John D. Ong Library]]
[[ไฟล์:Wra Murdough Athletic Center and Natatorium.jpg|thumb|Murdough Athletic Center and Natatorium]]
[[ไฟล์:Wra_victory_bell.jpg|thumb|Victory Bell]]

* Seymour Hall คือตึกแรกของโรงเรียนและเป็นตึกหลักที่ใช้ในการเรียนการสอน พวกวิชาคณิตศาสตร์ อังกฤษ ภาษาต่างประเทศ และประวัติศาสตร์
* Wilson Hall เป็นตึกเรียนวิทยาศาสตร์และมีห้องทดลองเยอะอยู่ robotics ก็เรียนที่นี่
* John D. Ong Library ห้องสมุดที่ค่อนข้างใหม่ เข้ามาอ่านหนังสือและค้นคว้าได้ มีที่นั่งทั้งแบบเดี่ยว ๆ และห้องให้อ่านหนังสือหรือติวกับเพื่อน บางทีก็สัมภาษณ์มหาวิทยาลัยที่นี่เหมือนกัน
* Health Center ห้องพยาบาล ถ้าเกิดว่าป่วยให้มาที่นี่ แล้วเขาจะแจ้งอาจารย์ให้ว่าทำไมขาดเรียน ถ้าเครียดหรือว่ามีปัญหาก็มาปรึกษาที่นี่ได้เหมือนกัน มีนักจิตวิทยาช่วยให้คำปรึกษาและมี  counselor  ให้คำปรึกษาทั่ว ๆ ไปด้วยเหมือนกัน มีหมอเข้าทุกสัปดาห์
* Murdough Athletic Center and Natatorium ที่ซ้อมกีฬา มีอุปกรณ์เยอะและทันสมัย มี Victory Bell อยู่ด้านหน้า ทุกคนจะมีลั่นกระดิ่งพร้อมกันถ้าเกิดว่าแข่งกีฬาแล้วชนะ

== วิชาบังคับ ==

มีแค่ English คลาสเดียว

PGs กับ One-year seniors จะโดนบังคับลง American Experience ซึ่งเป็นคลาสสำหรับ juniors
คนที่นี่ไม่ค่อยชอบ American Experience กันเพราะมันแอบน่าเบื่อ ถ้าไม่ชอบก็ขอย้ายไปเรียน level อื่นได้ ไม่มีปัญหาอะไร

==กีฬา==
แบ่งเป็น 3 ฤดู คือ '''Fall, Winter, Spring''' โดยกีฬาในแต่ละฤดูก็จะมีชนิดที่โหดๆ อยู่ แต่โดยภาพรวมแล้ว WRA ไม่ใช่รร.ที่เน้นกีฬา เลยทำให้ทีมกีฬาส่วนใหญ่ของที่นี่ไม่เก่งเท่าไหร่

กีฬาส่วนมากจะแยกชายกับหญิง แต่ก็มีบางอย่างที่เล่นรวมกัน

ถ้าไม่อยากเล่นกีฬาก็มี alternatives ให้เลือก เช่น Yoga (มีเฉพาะ winter), Dance, Conditioning (Weight-trainging), Robotics (ไปนั่งทำ robot ซึ่งเราว่ามันแปลกมากๆ .__.) 

PGs จะโดนบังคับว่าต้องลงกีฬา 1 season ที่เหลือจะเลือก alternatives หรืออะไรก็ตามใจ (แต่จริงๆ มีหลายคนมากที่ graduate ไปแบบไม่ meet afternoon activity requirement เช่น ไม่ลงกีฬาอะไรเลย เพราะรร.ไม่ค่อยเคร่งเรื่องกีฬา)


'''ฤดู Fall''' ถือเป็นฤดูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมหกรรมกีฬาในโรงเรียน เพราะว่า เป็นฤดูที่มีกีฬาให้เลือกเยอะแยะมากมาย มีแค่ประมาณ 7 อาทิตย์ เพราะหิมะปกติจะเริ่มตกปลายตุลา อาทิตย์แรกหลังจากเรามาถึงโรงเรียน เราจะมี pre-season sport ให้ทดลองเล่นกีฬาที่เลือก ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยน ไม่แนะนำให้ลง cross country มันโหดมากจริงๆ ส่วน Tennis ของที่นี่ค่อนข้าง competitive จะเข้าได้ต้องเล่นเก่งพอตัว
สำหรับ ''' Fall''' กีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของผู้หญิงจะคือ Field Hockey (ต้องลอง//โคชJV Field Hockey ดีมากและก็ตอนนี้เขารู้จัก Thai-scholar แล้วละ), ละก้ Tennis ส่วนของผู้ชาย จะเป็น soccer ผญ.เราแนะนำ soccer ด้วย เพราะ coach ชอบ Thai scholar แถมมีแค่ varsity กับ JV

ในฤดู''' Winter''' เป็นฤดูที่นานสุดด้วย ตั้งแต่เดือนตุลาถึงกลางกุมภา จะเป็นช่วงที่ไม่มีใครพูดถึง Swimming (co-ed) เพราะว่า มีซ้อมตอน 6:30-7:30 ทุกเช้า ส่วน Riflery team เราชอบมากๆ แต่เขาไม่รับ upperclassmen (juniors, seniors, PGs) เข้าใหม่ เราเลยไปโยคะแทน Basketball ก็เป็นกีฬาที่ฮิตมากๆ ช่วง winter 

ส่วนตอน '''Spring''' กีฬาที่น่าเล่นจะเป็น Lacross กับ Softball

[https://www.wra.net/athletics/teams กีฬาแต่ละ Seasons] ==> ลิงค์เว็บรร.เกี่ยวกับกีฬาที่มีให้เลือกนะ

==ดูเพิ่มเติม==
* [http://www.wra.net/ หน้าหลักของโรงเรียน]
* [http://brickrow:pioneers@www.wrainfo.net/ หน้าภายในโรงเรียน] 
* [http://www.ts50.org/board/index.php?showtopic=118/ คำโฆษณาโรงเรียนของ TS50]
*[[การเตรียมตัวเพื่อมาโรงเรียน Western Reserve Academy]]
*[[การปฎิบัติตัวที่ Western Reserve Academy]]

== ทำเนียบ Thai Scholars ==
* [[:Category:TS47|TS47]] (2004-2005): ปิยะณัฐ กิตติวิศิษฎ์ (บูม/P'Boom) ทุน พสวท. [Cornell University -> Arizona State University], สลา สามิภักดิ์ (แป้ง/P'Pang) ทุนไทยพัฒน์ (พิเศษ) [University of Virginia]
* [[:Category:TS48|TS48]] (2005-2006): จิรศักดิ์ ดาวเชิญ (ต้น/P'Ton) ทุนกองทัพอากาศ [United States Air Force Academy], สีหพล อุทิตสาร (ต๊อบ/P'Tob) ทุน ปตท. สผ. [University of Texas at Austin]
* [[:Category:TS49|TS49]] (2006-2007): ภควัต ผลิตนนท์เกียรติ (กัน/P'Kun) ทุน พสวท. คณิตศาสตร์ [Cornell University]
* [[:Category:TS50|TS50]] (2007-2008): ปรัชญ์ ปิยะวงศ์วิศาล (บอส/P'Boss) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [University of Illinois at Urbana-Champaign], วรวิทย์ วรพิพัฒน์ (วิท/P'Vit) ทุน พสวท. ฟิสิกส์ [University of Virginia]
* [[:Category:TS51|TS51]] (2008-2009): วิศรุต ปิ่นรอด (เอิร์ท/P'Earth) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นาโนอิเล็กทรอนิกส์ [Brown University]
* [[:Category:TS52|TS52]] (2009-2010): เดชชัย อิฐรัตน์ (ป๊อก/P'Pock) ทุน ปตท. สผ. [Colorado School of Mines]
* [[:Category:TS51|TS56]] (2013-2014): สุภิญญา สถิตเลิศสกุล (บี/P'Bee) ทุน พสวท. 
* [[:Category:TS57|TS57]] (2014-2015): เกษมสันต์ คงศาลา (ลูกหมู/P'Lookmoo) ทุน พสวท. [Brown University]
* [[:Category:TS59|TS59]] (2016-2017): ลัลนา กีรติวุฒิกุล (ลัล/P'Run) ทุนธนาคารแห่งประเทศไทย, วริทธิ์ พานิชเกษม (ภู/P'Varit) ทุนธนาคารแห่งประเทศไทย, ดวนิต สาธิตสัมพันธ์ (นิว/P'New) ทุนพสวท.
* [[:Category:TS60|TS60]] (2017-2018): ชนิกานต์ อรุณนิธิ (เฟิร์น/P'Fern) ทุนพสวท. ฟิสิกส์ [University of Colorado-Boulder], ณฐนนท์ อัครภาพ (สตางค์/P'Satang) ทุนโอลิมปิกวิชาการคณิตศาสตร์ [University of Washington]
* [[:Category:TS61|TS61]] (2018-2019): พิชามญชุ์ อนุกูลการกุศล (หมิว/P'Mew) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โลจิสติกส์ [Georgia Institute of Technnology]
[[หมวดหมู่:Prep School]]