ดูโค้ดสำหรับ St. Mark's School

[[ไฟล์:St. Mark's symbol.JPG|125px|thumb|right|ตราสัญลักษณ์โรงเรียน St. Mark's]]
St. Mark’s School เป็นโรงเรียนสหศึกษาขนาดเล็ก รับนักเรียนตั้งแต่ระดับ Grade 9-12 จำนวนนักเรียนราว 350 คน ตั้งอยู่ที่เมือง Southborough รัฐ Massachusetts

ที่นี่จะเรียกนักเรียนชั้นปีต่างๆดังนี้
Third Form = Freshmen, Fourth Form = Sophomore, Fifth Form = Juniors, Sixth Form = Seniors ซึ่ง TS จะเข้ารรนี้ในฐานะ Sixth Former

(ยังแก้ไม่ค่อยสมบูรณ์เนอะ เดี๋ยวพี่จะมาเพิ่มให้เรื่อยๆ หรือถ้ามีข้อสงสัยหรืองงตรงไหน หรืออยากถามเพิ่มก็ทักพี่มาได้เลยจ้า -ts61)

[[ไฟล์:IMG 8566.jpg|250px|thumb|Right|ผังโรงเรียน]]

== สถานที่ตั้ง ==

----
[[ไฟล์:St. Mark's Map.JPG|250px|thumb|Right|บริเวณโรงเรียนโดยรอบ]]

-	Southborough เป็นเมืองเล็กๆ ประชากรราวๆ 9 พันคน ข้อดีคือใกล้บอสตันมาก(น่าจะเป็น Prep School ที่ใกล้ Boston ที่สุดแล้ว) สามารถเดินทางไปถึงได้ภายในครึ่งชั่วโมง แต่ข้อเสียคือ เมืองเล็กจริง จากโรงเรียน สามารถเดินไปเจอร้านค้าได้แค่ 4 สถานที่เท่านั้น ก็คือ ปั้มน้ำมัน (ซึ่งคงไม่มีใครไป), ร้านขายของชำทั่วไปขนาดเล็กชื่อว่าร้าน Mauro's, คาเฟ่เล็กๆ, ธนาคาร และ ร้านพิซซ่าขนาดเล็ก(อร่อยใช้ได้)

-	การเดินทางไปเมืองอื่นๆ
เมืองที่อยู่ใกล้ Southborough และสำคัญต่อชีวิตมีทั้งหมด 4 เมืองคือ
* Westborough – เป็นเมืองที่มี Westborough High School ซึ่งเป็นสนามสอบ SAT ห่างออกไปจากโรงเรียนราว 20 นาที โดยโรงเรียนจะพาไป
* Marlborough – มีร้านอาหารหลายร้านที่โรงเรียนจะพาไปกิน ใช้เวลาเดินทางเพียง10นาที หรือไม่ เราก็สามารถสั่งอาหาร online มาได้ แนะนำร้านชื่อ Supporo เป็นอาหารเกาหลี + Sushi
* Worcester – เป็นเมืองขนาดปานกลางอยู่ด้านตะวันตกของ Southborough ห่างออกไปราว 30 นาที เป็นเมืองที่ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่นัก แต่เป็นสถานีรถไฟที่มีทั้ง Amtrak, Massachusetts Commuter Rail และ สถานีรถ Greyhound/Peter Pan
* Boston – เป็นเมืองที่มีทุกอย่างที่อยากได้ ตั้งแต่ร้านตัดผม ร้านขายของชำ พิพิธภัณฑ์ ห้างขนาดใหญ่ ห้องสมุดที่สวยงาม แต่เป็นเมืองที่เหมาะกับการท่องเที่ยวเท่าไหร่นัก มีสบนามบิน Boston Logan กับ South Station Train&Bus Terminal เรียกได้ว่าเดินทางเข้าออกเมืองทำได้ค่อนข้างง่าย 

วิธีการเดินทางไปยัง Worcester และ Boston: 
* นั่ง Commuter Rail จาก Southborough Train Station ที่ห่างจากโรงเรียนไป5นาที สามารถเดินทางถึงWorcesterได้ภายในครึ่งชั่วโมง และบอสตันภายใน 40 นาที
การไป Train Station สามารถเรียก Uber ได้ ราคาไม่เกิน 10 เหรียญ หรือขอให้ Advisor ขับรถไปส่งที่สถานีก็ได้ (อันนี้แล้วแต่ความว่างเหมือนกัน)
* ขอให้ Advisor ขับรถพาไป (ขึ้นอยู่กับความโชคดีของน้องแล้วว่าAdvisorของน้องจะว่างแค่ไหน)
* บางทีรร. มีทริปพาไป 
* Uber ครับ เข้า Boston ราคาประมาณ $35-50 แล้วแต่ระยะทาง

== สถานที่ต่างๆในโรงเรียน==

----
St. Mark’s แบ่งโรงเรียนออกเป็นสองส่วนคือ Main Campus และ West Campus
ในวงเล็บก็คือชั้นที่ห้องนั้นๆอยู่ แต่ไม่ต้องใส่ใจมากก็ได้ พอมาอยู่น้องก็จะเดินคล่องเอง รร เล็กมากๆ

'''Main Campus''' [[ไฟล์:St. Mark's.JPG|275px|thumb|right|Main Campus]]
*''Main Building'' เป็นตึกหลักของโรงเรียน มีทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ เป็นตึกรุปทรงแปลกๆไม่รู้จะอธิบายยังไงดี มี 4 ชั้นบวกกันชั้นใต้ดิน

*''Classrooms'' (1&4) 
ชั้น 1 ฝั่งตรงข้าม dining hall ไล่มาจากห้องของ deans เป็นพวกห้องเรียนภาษาต่างประเทศ ex ฝรั่งเศส เยอรมัน
ชั้น 1 ทางไป Chapel เรียกว่า English Wing คือจะเป็นห้องเรียนวิชาอังกฤษยาวไปตลอดทั้ง hall และ Religious Class มีประมาณ 2 ห้องก่อนถึง Chapel
ชั้น 1 ทางไปห้องสมุด 2 ห้องติดกันเป็นห้องเรียน Latin, Greek
ชั้น 4 เป็น History and Social Sciences Department ก็จะเป็นคลาสพวก US History, Econ, Psychology แล้วก็มีห้องพักของครูหมวดนี้

*''Library'' (1) ห้องสมุดภายในโรงเรียนจะมีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นที่ทำงานของนักเรียนเสียส่วนใหญ่ เป็นชั้นที่อนุญาตให้พูดคุยได้ เสียงก็เลยจะดังหน่อย รอบๆจะมีชั้นหนังสือวางอยู่ประปราย จะมีส่วนหนึ่งที่ทำไว้เป็นสถานที่เก็บหนังสือหายาก หากใครสนใจก็สามารถไปอ่านได้ ชั้นสองจะเป็นชั้นที่ห้ามใช้เสียง มีชั้นวางหนังสือกับห้องเดี่ยวที่นักเรียนสามารถไปใช้ได้ มีทั้งหมดราวๆ 6 ห้อง แต่ละห้องจะมีขนาดต่างกันออกไปแล้วแต่ความต้องการ ห้องสมุดจะเป็นแหล่งรวมคนตอน Study Hall หรือ x-block หากใครไม่ต้องการทำงานอยู่แต่ในห้อง ก็สามารถไปเจอเพื่อนๆคนอื่นที่นี่ได้ ห้องสมุดมีเครื่องปริ้นท์สีที่เดียวในโรงเรียน สามารถ fax scan ถ่ายเอกสารได้หมด หรือถ้าน้องลืมสายชาร์จโน้ตบุ้คหรือส่งซ่อมโน้ตบุ้คก็สามารถมาติดต่อขอยืมใช้จากที่นี่ได้ ทางเข้าห้องสมุดจะมีกล่องพัสดุสำหรับนักเรียนทุกคนอยู่ ถ้าได้รับพวกจดหมายจากมหาลัย โปสการ์ดหรือเอกสารจากครูก็สามารถหยิบจาก box ที่มีชื่อตัวเองได้เลย เดินไปชั้นล่างของห้องสมุดจะเป็น Spanish Classrooms อีกอย่างคือในห้องสมุดจะเป็นทางเชื่อมไป Tech Department ด้วย

*''The Center'' (1) เป็นจุดประชุมนักเรียน ในแต่ละสัปดาห์จะมีการประชุมนักเรียน 2 ครั้ง วันพุธตอนเช้าและวันเสาร์ก่อนข้าวเที่ยง ครั้งละประมาณ 20 นาที ในการประชุม นักเรียนหรืออาจารย์คนไหนที่อยากเสนอกิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็สามารถออกมานำเสนอที่นี่ได้ The Center เป็นสถานที่อีกแห่งที่นักเรียนเลือกมาใช้ได้ตอน Study Hall หรือระหว่างคาบว่างจะมานั่งพักก้ได้

*''Dining Hall'' (1) มี 2 ห้อง อยู่ติดกัน แยกเป็น Main Dining Hall และ Small Dining Hall สองห้องนี้ต่างกันเพียงการตกแต่งและขนาดเท่านั้น ใน Small Dining Hall มีเครื่องทำ Sandwiches อยู่ วันไหนอาหารรร. กินไม่ได้ก้มาทำ Sandwiches กินเนี่ยล่ะ ความช้าเร็วในการทำขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่ทำในวันนั้นๆ แต่ถ้าคนน้อยๆทำแปปเดียวก็เสร็จละ
เวลาเปิดปิด Main Dining Hall > breakfast: 7am-9am, dinner: 5 pm-7pm
ส่วน Small Dining Hall เปิดตลอดเวลา ถ้าไม่ใช่เวลาเสิร์ฟอาหารจะมีแค่พวก energy bars, cereal bars กะผลไม้ ไปหยิบได้ตลอด
ทุกๆวันอังคารจะเรียกว่า cookies Tuesday คือจะมีคุกกี้มาวางเพิ่มใน Small ช่วง x-block และมันหมดเร็วมากๆ ระยะเวลาของ event นี้ขึ้นอยู่กับนรสามารถรักษาความสะอาดของในโรงเรียนได้นานขนาดไหน ถ้าเริ่มสกปรกเค้าก็จะนับเป็น 1 strike ถ้ามีครบ 3 เมื่อไหร่ cookies Tuesday จะถูกยกเลิก

*''Hinkle Room'' (1) เป็นห้องที่ไม่ค่อยเปิด เปิดตอนแค่ Seated Meals กับตอนมีการแสดงเล็กๆหรือกิจกรรม

*''College Counseling Office และ Admission Office''( 2) อยู่ชั้นสองของตึกหลัก น้องๆสามารถมาหา College Counselor ของตัวเองเพื่อปรึกษาเรื่องลิสต์มหาลัยรวมถึง พบกับ Dean of Financial Aid เพื่อขอ Fee Waiver กับทางมหาลัยได้ที่นี่ มีเครื่องทำกาแฟอยู่ อยากใช้ก้มาใช้ได้

*''CPR'' (2) เป็นห้องที่มีโปรเจคเตอร์และไว้จัดงาน หรือ meeting ต่างๆ อยู่ชั้นสอง สามารถเห็น the Center จากตรงชานข้างนอกได้ และเป็นทางเชื่อมระหว่าง Main Building และ Stem Buliding ชั้น 2

*''Lion’s Den'' (Basement) เป็นร้านที่ช่วยชีวิตพี่มาหลายครั้งเวลาหิวๆหลังเล่นกีฬา ขายเบอร์เกอร์ แซนด์วิช ของทอดและน้ำปั่นต่างๆ เป็นร้านค้าขนาดเล็ก แต่คนเยอะอยู่เสมอเพราะทนกับอาหารของ Dining Hall ไม่ได้ (ถ้ามาหลังเล่นกีฬาแทบไม่มีคน)

[[ไฟล์:PFAC.JPG|200px|thumb|Right|หอประชุมใหญ่ใน PFAC]]

* ''ถัดจาก Lion's Den'' (Basement) มีโต๊ะนั่งเล่น โต๊ะปิงปอง โซฟาสบายๆ กะทีวีกว้างๆอันนึง ปกติก็เห็นพวกผช.มานั่งดูกีฬากัน 

* ''Front Desk'' ตั้งอยู่ตรงทางเข้าหลักของตึก เวลามีพัสดุมาส่งก้มาเอาตรงนี้- น้องๆจะได้ notify ผ่านอีเมลล์ถ้าได้รับพัสดุ หรือถ้าอยากส่งของก็ส่งตรงนี้ได้ ใกล้ๆมีห้องรับแขก แอบไปหยิบ Hot Chocolate Powder กลับห้องได้ (ก็ไปเติมน้ำร้องที่ College Counselor Office เนี่ยล่ะ)

* ''Belmont Chapel'' ง่ายๆ เป็นที่ที่ต้องตื่นเช้ามาเข้าอาทิตย์ละ 2 ครั้งวันอังคารและวันศุกร์ 8-8.30 am แล้วก้มี Evening Chapel เดือนละครั้งส่วนมากจะเริ่มหกโมงถึงช่วง study hall (มักจะมาคู่กับ Formal Dinner) 

*''STEM Building'' เป็นตึกเรียนพวกวิทย์คณิต ทีแล็บ+อุปกรณ์เยอะแยะมากมาย ชั้นล่างสุดเป็นที่สิงสถิตของ Robotics Team มีห้องพักครูหมวดวิทย์คณิตอยู่ชั้น 2

* ''Bookstore'' ขายทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการอยู่หอ มีตั้งแต่เสื้อ ตุ๊กตา Sweatshirt Sweatpants เสื้อกีฬา ถุงมือ หมวกไหมพรม Flashdrives ที่ชาร์จแบตโทรสับ เครื่องเขียนต่างๆ และที่สำคัญที่สุด ขนม (ราคาก็จะสูงกว่าข้างนอกหน่อย) พวกหนังสือที่ใช้อ่านในวิชา American Literature ก็มาซื้อที่นี่

*''PFAC'' เป็นตึกหอประชุม ตึกเกี่ยวกับพวก arts
มีหอประชุมใหญ่เรียกว่า Class of 45 Hall จุคนได้ 400 คน 
ห้องประชุมขนาดเล็กเรียกว่า Taft Hall จุคนได้ 80 คน 
Black Box Theater สำหรับการแสดงละครประจำแต่ละฤดู จุคนได้สูงสุด100คน

*''Benson Hall'' เป็นห้องของทีม Wrestling ของโรงเรียน และที่จัด Neon Dance ในปี 61

*''The Cage'' เป็นที่สำหรับซ้อมกีฬาเวลาฝนตก อยู่ทางขวามือของ Athletics Center

*''Athletics Center'' เป็นอาคารกีฬาของโรงเรียน มีสนามบาส 2 สนาม ห้อง Fitness ห้อง Squash 6 ห้อง hockey rink และห้องแต่งตัวของนักเรียน

* ''Coolidge Center'' เป็นฟิตเนสโฉมใหม่ที่พึ่งปรับปรุงเสร็จในปี 2018

*''Green room'' ห้องที่สามารถเข้าได้จากประตูแรกด้านซ้ายมือถ้าเดินเข้าประตูซ้ายถ้ามองจาก Main Buliding ของ Athletics Center เป็นที่รวมของ theater kids ก่อนเริ่มซ้อม, ทางเข้า black box, ใช้จัดกิจกรรมแล้วแต่โอกาส

*''หอพัก'' มี ทั้งหมด 5 หอในตึกหลักคือ Burnett (Basement, Day Students) , Coe(3, หอผู้ชาย), Gaccon หอผู้หญิง, Sawyer(2, หอผู้ชาย) และ Thayer หอผู้หญิง

*''Theriot House'' เป็นหอที่ใหม่ที่สุดเทียบกับทุกๆหอ หอนี้เป็นหอที่รวมทุกชั้นปียกเว้น Freshmen มีทั้งห้องเดี่ยวและคู่ มีกฎเหล็กคือ Peanut Free เพราะมีเพื่อนที่แพ้ขั้นรุนแรง
แบ่งเป็น 2 ฝั่ง T-House South ของผู้ชาย T-House North ของผู้หญิง  

* ''Health Services'' ตึกเล็กๆถัดจาก T-house ซึ่งที่นี่เป็นทั้งศูนย์พยาบาล และที่อยู่ของ School Couselor ที่น้องสามารถไปปรึกษาได้หากมีปัญหาในโรงเรียน ไปติดต่อเอาบัตรประกันที่นี่ด้วย รวมทั้งเป็นที่พักถ้าน้องกลับมาจาก break เลยจากเวลาที่รรกำหนด (กรณีที่ขออนุญาตและแจ้งรรล่วงหน้าแล้ว)
     
*สนามกีฬารอบๆ Main Campus มีราวๆ 4 สนาม

'''West Campus'''
*มีสนามกีฬาส่วนใหญ่ของโรงเรียน สระน้ำพร้อมบ้านหลังเล็กไว้จัดปาร์ตี้กับเตาผิง สนามสเกต และหอพักอีก 5 หอสำหรับนักเรียนระดับ underformers (Grade 9-11)

*''Choate House'' เป็นบ้านของ Head of School (Mr and Dr Warren) เราจะได้ไปบ้านนี้ครั้งแรกวันแรกที่ รร เปิดไปกินอาหารเย็นแบบ outdoor, decorating ornaments ช่วงก่อนคริสมาสต์, special advisory dinner - แต่ละ advisory group จะไปกินข้าวที่บ้านตามที่ถูกเชิญ

*''West Pond'' สระน้ำทางผ่านไป West ถ้าแข็งแล้ว รร จะอนุญาตให้ไปเล่น skate ได้

== วิชาการ ==
----
ที่ St. Mark’s จะใช้ระบบการเรียนแบบ semester (2 เทอม) ในปี 2015 จะมีการปรับเวลาเรียนเป็นตารางแบบ 5 วัน แต่ละวิชาจะมีรูปแบบการสอนขึ้นอยู่กับเนื้อหาของวิชานั้น ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือการสอนแบบ discussion-based สำหรับวิชาสายสังคมศาสตร์และมนุษยวิทยา กับ lecture-based สำหรับสายวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
โดยส่วนใหญ่แล้ว นักเรียนที่ St. Mark’s จะลงวิชาทั้งหมด 5-6 ตัว จากทั้งหมด 7 Blocks ที่ให้มา แต่ละ Block จะเรียนอาทิตย์ละ 3 คาบ สั้น 1(45 Min) ยาว 2(80 Min) แต่คาบยาวถ้าครูสอนจบก่อน ก็ปล่อยก่อนจ้า 
บางคนเลือกที่จะลงวิชาที่เรียนหลังเลิกเรียน ซึ่งเป็นวิชาที่ฉีกแนวออกไป เช่น Gender and Society, Entrepreneurial Thinking หรืออื่นๆ ซึ่งถ้าสนใจก็มาคุยกับพี่ก่อนลงได้จ้า
*หมายเหตุ 1: St. Mark’s ออกจาก ระบบ AP ตั้งแต่ปีการศึกษา 2014 ทำให้วิชาต่างๆจะไม่ครอบคลุมเนื้อหา AP ทั้งหมด แต่จะเน้นกิจกรรมที่ทำให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้จากวิชาต่างๆเข้าด้วยกันมากขึ้น แต่เด็กก้รู้ๆกันว่าคอร์สไหนเป็น AP Course บ้าง

ปี 2018 ตารางเรียนเป็นแบบ 6 วัน โดยวันพุธและวันเสาร์เรียนครึ่งวัน โดยคอร์สที่บังคับ TS ลงมี 2 ตัวคือ US History (คิดว่าถ้าน้องอยากลง Advanced US History ก็อาจจะได้ ให้ลองคุยกับ advisor กับ Ms.McBride) and American Literature (รร ไม่ให้เราเรียน elective courses ของ Senior)

มีช่วง Add/Drops week เป็นอาทิตย์ที่สองหลังจากเริ่มเรียน โดยน้องสามารถเพิ่มหรือลดคอร์สเรียนได้ภายในอาทิตย์นี้เท่านั้น โดยการกรอกฟอร์มและส่งที่ห้อง Ms.McBride (เป็นห้องแรกใน The Center) หรือถ้าน้องอยากจะเปลี่ยนก่อนเวลาต้องได้รับ permission จากหัวหน้าหมวดวิชานั้นๆ advisor และ Ms.McBride

วิชาการ/ คอร์สเรียน

'''หมวดคณิตศาสตร์'''
----

สำหรับสายเลข math program ที่นี่ถือว่าโหดเลยล่ะ มีคอร์ส advanced topics ถือว่ายากระดับนึงเลย เป็นพวก College Course เลยก็ว่าได้ (ถ้าไม่ตั้งใจในคลาส ก็จะมาหัวร้อนตอนทำ problem set แบบพี่) หรือถ้าไม่มั่นใจพอก็มีพวก Calculus ให้ลงเหมือนกัน 

แต่ละคนสามารถเลือกเรียนได้ตามแต่ระดับที่ตัวเองต้องการ โดยคอร์สที่แนะนำมีดังนี้ Calculus AB, Calculus BC, Advanced Topics in Mathematics และ Mathematical Research
*'''Calculus AB''' ครอบคลุมเนื้อหาแคลคูลัสระดับม.ปลายจนถึงมหาวิทยาลัยเทอมแรก สอนโดย Dr. Riva และ Mr. Battis มีหลายคนบอกว่า Dr. Riva ให้งานเยอะกว่า Mr. Battis แต่ก็จะมีการโยงเนื้อหาออกไปประยุกต์ใช้ได้เยอะกว่าด้วยเช่นกัน
ปี 61 - ครูสองคนนั้นไม่อยู่ละ รู้สึกว่าคนสอนจะเป็น Ms.McBride  

*'''	Calculus BC''' ครอบคลุมเนื้อหาแคลคูลัสระดับม.ปลายจนถึงจบมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง สอนโดย Dr. Riva จากที่ได้ฟังมาคืองานเยอะมากเช่นกัน
ปี 61 - สอนโดย Mr.Backon และ Ms.Cao ซึ่งพี่ลงอยู่ปีนี้ พี่เรียนกับ Mr.Backon เป็นครูที่ใจดีมาก การสอบก็สามารถปรับคะแนนขึ้นได้ โดยการ reassess แต่ข้อสอบก็จะยากกว่าเดิม กฎในแต่ละปีก็แตกต่างกันไป แต่เพื่อนๆเค้าชอบบ่นกันว่าไม่ค่อยได้เรียนอะไรในคลาส รวมทั้งเป็นวิชาที่คะแนน 100% มาจากการสอบหมดเลย ไม่มีการบ้าน มี assignment ใน khan academy บ้างเป็นครั้งคราว ปีหน้าน่าจะเปลี่ยนครูเพราะ Mr.Backon ออก พค นี้ละ 

*'''Advanced Topics in Mathematics''' เป็นคอร์สที่เราเรียนอยู่ แต่ละเทอมจะมีหนึ่งในหกเนื้อหาจากลิสต์ดังนี้
*Differential Equations
*Multivariable Calculus
*Number Theory
*Complex Analysis
*Abstract Algebra
*Linear Algebra
* Euclidean and Hyperbolic Geometry
ในปี 2014 เนื้อหาของเทอมแรกคือ Differential Equations และเนื้อหาของเทอมที่สองคือ Complex Analysis
ในปี 2016 เนื้อหาของเทอมแรกคือ Euclidean and Hyperbolic Geometry และเนื้อหาของเทอมที่สองคือ Differential Equations
สอนโดย Mr. Umiker บางทีแกก็มึนๆ บางทีแกก้เก่งโคตรๆ แต่ที่แน่ๆใจดีมาก สามารถตกลงกับแกได้เช่นคาบหน้าพาไป Starbucks นะ
ปี 2019 (ที่น้อง 62 กำลังจะเข้าเรียน)เนื้อหาเทอมแรกเป็น Multivariable Calculus เทอมสองเป็น Probability

*	'''Mathematical Research''' เป็นคอร์สสำหรับการวิจัยทางด้านคณิตศาสตร์ ที่มีจุดมุ่งหมายคือการสร้างงานวิจัยเพื่อให้ได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Mathematical Association in America (MAA) คอร์สนี้เหมาะกับเด็กโอลิมปิกเลขมากๆ พี่(61) ไม่แน่ใจว่า รร มีคอร์สนี้อีกมั้ยนะ

*'''Mathematical Modeling''' เกี่ยวกับ Environmental Science ใน fall และเกี่ยวกับ Business&Finances ใน spring สอนโดย Ms.Bryant พี่(61)ลงคอร์สนี้อยู่ เป็นคอร์สที่ขึ้นกะเพื่อนในคลาสและดวงของเรามากๆ เพราะส่วนมากจะเป็น group project และใช้เวลาในคาบทำงาน หมายความว่าการบ้านจากคลาสนี้จะน้อยมาก ยกเว้นจะให้อ่านพวก article หรือลองเล่นพวก program เรียนเกี่ยวกับการเอาเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันมาทำเป็นสูตรคณิตศาสตร์เพื่อ predict future events อะไรทำนองนี้

'''หมวดวิทยาศาสตร์'''
----

SM เป็นรร. สายวิทย์ไม่โหดมาก น้องๆจะสามารถ shine bright ได้อย่างเต็มที่ และเก็บเกรดได้ไม่ยาก พวกคอร์สท็อปๆของฟิสิกส์และเคมีเนื้อหาจะเหมือนกับม.ปลายในไทย แต่ด้วยความที่เค้าสอนเร็ว(เหมือนรวมหลายๆเทอมในไทยมาไว้ในคอร์สเดียว) จะทำให้เราที่เคยเรียนมาแล้วได้เปรียบมากๆ ขอไม่พูดถึงชีวะละกันเพราะการเรียนชีวะในอเมริกากับในไทยมันแตกต่างกันมาก

คอร์สหลักๆที่เหมาะกับ Thai Scholar มีทั้งสิ้น 2 แบบคือคอร์ส Advanced แบบต่างๆ และคอร์ส STEM Research Fellowship
*'''คอร์ส Advanced'''
St. Mark’s นำเสนอคอร์ส Advanced ต่างๆขึ้นมาแทนคอร์ส AP เพื่อให้มีความยืดหยุ่นของหัวข้อในการสอนได้มากขึ้น แต่โดยรวมแล้วจะยังคงมีความคล้ายกับคอร์ส AP ซึ่ง St. Mark’s มีคอร์ส advanced ทั้งหมด 6 วิชาคือ Advanced Biology (เรียนทั้งปี), Advanced Chemistry (เรียนทั้งปี), Advanced Physics: Mechanics (เรียนเทอม Fall), Advanced Physics: Electricity and Magnetism (เรียนเทอม Spring), Advanced Physics: Modern Topics in Physics (เรียนเทอม Spring), Advanced Environmental Science หรือ AES (เรียนทั้งปี)

*'''	คอร์ส STEM Research Fellowship''' 
คอร์สนี้นำเสนอให้นักเรียนในกลุ่มทำการวิจัยขึ้นมาในแต่ละหัวข้อที่ต้องการ โดยที่ทางโรงเรียนจะออกทุนค่าวิจัยให้ การเข้าคอร์สนี้ได้จะต้องผ่านการรับรองจากทาง Academic Office ก่อน คอร์สนี้จึงเหมาะกับพวกทุนโอฟิสิกส์/เคมี/ชีวะ หรือใครที่สนใจทำด้านวิจัยในมหาลัย

พวก Computer Science หรือ Robotics ก็มีนะ แต่พี่ไม่เคยเรียนเลยไม่ค่อยรู้ไรมาก

ปี 61 - วิทย์พี่ลง AES สอนโดย Mr.Corliss เป็นครูที่ cool มาก มีทั้งงานกลุ่มและเดี่ยว เกรดมากจากการที่เราทำ Portfolio ง่ายๆบน google site ของแต่ละ unit ซึ่งถ้าเรา putt lots of effort into it and edit from teacher's, peers' feedbacks ก็จะได้เกรดมาง่ายๆ แต่อันนี้ก็ปรับเปลี่ยนแตกต่างกันไปในแต่ละปีเท่าที่พี่ถามเพื่อนมา คลาสนี้ก็ค่อนข้าง chill นะพี่ว่า อยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ทักมาถามได้จ้า

มีวิชา Physics ครูวิชานี้น่ารักมาก Mr.Palmer พี่ชอบแกมากๆ เป็นครูที่ใส่ใจเด็ก (แกเคยเป็น dorm parents หอพี่แปปนึง) แต่เรื่องในห้องพี่ไม่แน่ใจเหมือนกันจ้า แต่ก็ไม่เคยได้ยิน feedback แย่ๆจากเพื่อนนะ หรือถ้าน้องอยากลงวิชาวิทย์อื่นๆ ก็ทักมาถามได้เลย พี่ได้ยินเรื่องเล่าจากพวกเพื่อนๆมาอยู่บ้างบางวิชา

'''หมวดสังคมศาสตร์'''
----

คอร์สสังคมที่ SM นี่คือหลากหลายมากๆ พวก Macro/micro econ ก็มีปกติ มี US History เหมือนกับโรงเรียนอื่นทั่วไป(ที่นี่บังคับลง) แต่ที่พิเศษคือจะมีพวกคอร์สชื่อแปลกๆ เช่น Life @ 13,000 Feet, Mediterranean Civilization to 1500 และอื่นๆอีกมากมายที่โคตร unique ถ้าใครสนใจอะไรพวกนี้ก็มาขอพี่ดู ชื่อ Courses + Descriptions ได้ อ้อแล้วพวก Psychology ก็อยู่ในหมวดนี้ด้วย


วิชาที่แนะนำคือ Micro/Macroeconomics, US History, Advanced US History, AP World History และคอร์สHistory ที่หลากหลายมากในช่วง Spring Term สำหรับที่ St. Mark’s วิชา US History ถือเป็นวิชาบังคับสำหรับคนที่ต้องการได้ High School Diploma จากทางโรงเรียน ฉะนั้นคอร์สUS Historyถือเป็นวิชาบังคับสำหรับ Thai Scholar เลย ส่วนคอร์สที่พี่ลงมีดังนี้

*'''Regular US History''' 
สอนโดย Mr. Jewell/ Mr. C
สำหรับ Mr. Jewell ช่วงแรกๆจะชิวมาก ไม่ต้องทำอะไรเท่าไหร่ การบ้านแค่อ่านหนังสือไปเรื่อยๆ วันละ10-20 หน้า ก็ว่ากันไป แต่ประเด็นคือ ควรจะต้องอ่านไป จดบันทึกไป เพราะเนื้อหาเยอะมาก หลังจากนั้นก็จะมีสอบเรื่อยๆ ให้เขียนEssay บ้าง มีจำลองการโต้วาทีบ้าง ก็ว่ากันไป แต่จะเป็นคอร์สที่เน้นเขียนมากกว่าพูด  
ส่วน Mr. C นี่ตรงกันข้าง ช่วงแรกค่อนข้างหนัก อ่านวันละ 15-20 หน้าสำหรับแต่ละคลาส ละก้มี Pop-up quiz แบบโคตร Random มีครั้งนึงแกให้อ่านคืนนึง 20 หน้า ก่อนเข้าคลาสพี่ก็คุยกะเพื่อนว่าไม่มีควิซหรอก ถ้ามีแกก้โหดเกินไป สรุปว่ามีจ้าา ละพอเสาร์อาทตย์นั้นแกก้สั่งอ่านอีก พี่กะเพื่อนก้เดาว่าควิซแน่ๆ เพราะให้เวลานาน สรุปว่าไม่มีควิซ- - แต่หลังๆจะชิวขึ้นเรื่อยๆ งานเบาลงเรื่อยๆ แกชอบให้ดูพวก Video ในคาบ และก้มีกิจกรรมตลอด รวมๆแล้วแกก้ดูเป็นคนชิวๆนะ

ปี 61 - พี่ได้ประสบการณ์ไม่เหมือนรุ่นพี่ในคลาสนี้ พี่เรียนกะ Mr.Jewell เป็นคนที่ตลกมากๆ ส่วนมากจะเน้นการพูดในห้องเรียนมากๆ พวกงานเขียนก็มีบ้าง แต่จะหนักช่วงสอบ-มีทั้ง short answers, essays ในฉบับเดียว แล้วแกจะเน้นให้เขียนให้ organize ที่สุด และมี strong argument thesis 

 
*'''Micro/Macroeconomics'''
สอนโดย Mr. C คอร์สจะแบ่งออกเป็น Microเทอมนึง Macro เทอมนึง เนื้อหาที่เรียนไม่ค่อยยาก เน้นอ่านกราฟ Demand Supply ประกอบการเรียน นานๆทีจะมีเขียนเอสเส มีกิจกรรมประกอบการเรียนค่อนข้างเยอะ ให้ทดลองเล่นหุ้น ให้ลองเขียนวิเคราะห์หุ้น เนื้อหาที่เรียนจะครอบคลุมเนื้อหาที่ใช้สอบใน AP ราวๆ 60 เปอร์เซนต์
ปี 61 - พี่ก็ลงคอร์สนี้เหมือนกัน สำหรับพี่คิดว่าครูใจดีนะ งานช่วงแรกๆจะเป็นอ่านพวก Module ในหนังสือ (ซึ่งเดี๋ยวครูจะแจกไฟล์ pdf ให้) แล้วทำแบบฝึกหัดแล้วส่งวันถัดไปที่มีคาบ แค่ทำอันนี้ส่งก็ได้คะแนนเต็มแล้วไม่ว่าจะถูกหมดหรือไม่ก็ตาม แต่ช่วงหลังๆนี้คะแนนเริ่มได้ยากละ การสอบมี 2 แบบคือสอบเดี่ยวกับสอบเป็นกลุ่ม ระดับความยากง่ายของข้อสอบขึ้นอยู่กับคลาสเรียนที่อยู่ด้วย ถ้า Average Score from Test as a whole class สูงก็จะได้ข้อสอบยากตามไปด้วย ส่วนตัวพี่ว่า macro ยากกว่า micro แต่ครูบอกว่า micro ยากกว่า อันนี้ก็แล้วแต่คนแหละมั้ง micro ก็จะเรียนจากหนังสือซะส่วนมาก macro ก็จะเป็นหนังสือ เรียน current events ละก็มี final project

'''หมวดอังกฤษ(+ภาษาต่างประเทศ)'''
----

เป็นหมวดที่น้องต้องลงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไรก็ตาม หมวดอังกฤษจะมีวิชาให้เลือกเรียนเยอะมาก แถมชื่อแต่ละคอร์สก็แหวกแนวสุดๆ เช่น Getting Lost เป็นต้น ฉะนั้นต้องดูเนื้อหาที่เราอยากเรียนดีๆ ว่าอยากลงคอร์สไหน จะได้รีบไปแย่งกับคนอื่นทัน แต่สำหรับพี่ พี่เลือกคอร์สที่อยากเรียนไม่ทัน เลยได้คอร์สที่เกี่ยวกับกลอนมา และพี่เรียนไม่รอด orz สุดท้ายเลยขอลงไปเรียนคอร์สของ Junior แทน ซึ่งก็คือ American Literature
*'''American Literature''' มีครู 3 คน Dr.Glomset, Mr.Eslick, Ms.Caron
สอนโดย Dr. Glomset (เป็น Advisorพี่เอง) สอนวรรณกรรมตั้งแต่ช่วงslaveryเรื่อยไป โดยต้นเทอมจะเรียนนิยายเก่า จนกระทั่งปลายปีการศึกษา ก็จะเรียนนิยายที่เกิดขึ้นร่วมสมัยมากขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์คนนี้ได้ชื่อว่าให้คะแนนยากมากๆ ทุกคนต่างบ่นและกล่าวขานถึงเขา แม้ว่าจะเป็นคนที่ใจดีในเรื่องทั่วๆไป แต่ก็โหดหินเรื่องการตรวจessayและการออกข้อสอบquizย่อยมากๆ ถ้าได้เรียนวิชานี้ คะแนนส่วนใหญ่จะมาจากการเขียน essay เสียเยอะ เตรียมเขียนกันให้สนุกได้เลย (สู้ๆนะ) อ่อ คะแนนที่เขาให้ จะเป็นคะแนนที่ยังไม่ได้ตัดcurve ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าน้องได้เกรดเท่าไหร่ น้องจะได้คะแนนเพิ่มอีก2ระดับจากcurveของเค้า เช่น น้องเคยได้ B- จากตอนที่ดูในคะแนนดิบ พอเกรดออกจริงๆ น้องจะได้ B+ ขึ้นมา ฉะนั้นอย่ากังวลกับคะแนนดิบมากนะ

ปี 61 - พี่ได้เรียนกับครูอีกคนชื่อ Mr.Eslick เป็นครูที่ชิวมากๆ ซึ่งเริ่มต้นปีด้วย the Great Gastby และก็มีหนังสือต่างๆอีกหลายเล่มแล้วแต่เค้า assign ทุกอาทิตย์จะมี EOW ซึ่งจะต้องเขียนวิเคราะห์เรื่องที่เรียนมาตลอดอาทิตย์นั้นในจำนวนคำที่กำหนด ครึ่งหลังของ long block ถ้าเสร็จเร็วก็ไปได้เลย แต่ละคาบส่วนมากๆจะ run by students คือคืนก่อนเรียนเราก็รู้ว่าเรามีหนังสือเรื่องอะไรให้อ่าน วันต่อมาก็จะมี QSP ในคาบเรียนตอนเริ่มกับ partner หลังจากนั้นก็ discuss กันในห้อง เค้าเช็คนะว่าใครพูดบ้างในห้องเวลา discussion แต่คะแนนส่วนมากมาจาก EOW กับ Formal Essay นี่แหละ ส่วนการเขียน essay เราก็จะมีเวลาเตรียมตัวในคาบและนอกเวลาก่อนส่ง สามารถปรึกษาครูได้ตลอด พี่ว่าเป็นครูที่ให้คะแนน fair นะ และค่อนข้างเข้าใจว่าเรามาใหม่

สำหรับภาษาอื่นๆก็มีพวก French, Spanish, Chinese, Latin, Greek


'''หมวด Art + Music'''
----

St. Mark’s มีคอร์สอื่นๆที่น้องลงได้อีกเยอะเลย เช่น พวก Theater อยากเข้าวงประสานเสียง (Choir) ก็เข้าได้ โดยไปออดิชัน และซ้อมอาทิตย์ละ2ครั้ง อยากเรียนปั้นเซรามิก(น่าเรียนมากๆ พี่ก็อยากลง 61 แต่ลงไม่ทัน เป็นคอร์สที่ competitive ในการเข้าเรียนมาก) ก็มีคอร์สให้ลง อยากเรียนการถ่ายรูป หรือการแสดง ก็สามารถเลือกลงได้ หรือสุดท้าย ถ้าน้องมีฝีมือด้านดนตรี น้องอาจจะเลือกเรียนคอร์สดนตรีเพิ่ม(ตรงนี้ สนร ไม่ออกเงินให้นะ)กับทางครูข้างนอก หรือน้องอาจจะเลือกเข้าวงดนตรีของโรงเรียนก็ได้ คอร์สพวกนี้ พี่แนะนำว่าให้น้องเลือกลงเป็นวิชาที่หก มากกว่าจะเลือกเรียนเป็นคอร์สหลัก เพื่อให้รายชื่อคอร์สของน้องดูดี

สาย art นี่พี่ไม่ค่อยรู้ไรมาก แต่เพื่อนสนิทพี่เค้าอยู่สายนี้ เค้าบอกว่ามีคุณครูคนนึงเป็น professional มาก แบบมี gallary ส่วนตัวเลย

ส่วนสาย music น้องๆคนไหนชอบขับร้องที่นี่มีโอกาสได้ทำเยอะมากๆ คลาสมีให้ลงอยู่แล้ว คอนเสิร์ตก็มีบ่อย ซึ่งถ้าจัดในโรงเรียนเราก็สามารถไปชมได้ฟรี ละก็มีวง Acapella ให้ลองด้วย 
ละที่นี่จะมี seasonal musical คือแต่ละ season จะมีละครเพลงที่จัดดดยนักเรียนเอง 1 เรื่อง ถ้าสนใจก็ไป audition ดูได้ - fall play, winter play, one act in spring (ปี 61 ไม่มี เป็น spring play แทนเพราะว่าจะต้องไปแสดงที่เทศกาลอะไรซักอย่างที่สกอตแลนด์ ซึ่งที่ถามเพื่อนมาว่า one act จะทำโดยนักเรียนเอง)

**รร.นี้เค้าบังคับให้ลง us history กับ english ซึ่งก็น่าเบื่อตามชื่อ เน้นอ่านเยอะพอสมควรแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จิงๆมันก็มีประโยชน์มาก โดยหลักสูตรที่นี่จะพยายามลิงค์หมวดสังคมกับภาษาเค้าด้วยกัน คือจะเรียนในเรื่องเดียวกันและอ้างอิงกันไปมา ส่วนเรื่องการบ้านโดยรวมถือว่ากลางๆ ขึ้นอยุ่กะวิชาที่น้องลงด้วย๕ช**

'''Lion Term'''
----

เป็น required project ก่อนจบ มีระยะเวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์ ของ sixth form จะเป็นลักษณะ independent project คือเราสามารถเลือกทำอะไรก็ได้จะทำกลุ่มหรือเดี่ยวก็ได้ แต่ต้องเขียน proposal และผ่านการอนุมัติจาก committee ซึ่งก็คือคุณครูนี่แหละ เพื่อนส่วนมากก็ใช้เวลานี้กลับบ้าน หรือไปต่างประเทศกัน มีพวก Work sheet ให้ทำเยอะแยะ มี meeting ค่อนข้างบ่อย อันนี้นี่แหละทำให้เรากลับไทยช้า! แต่ก็เลี่ยงไม่ได้นะ ไม่งั้นไม่ได้ใบจบ T^T 
ปีนี้(61)พี่ทำ internship กับ Communication Department ของ รร ปีก่อนๆที่พี่ถามครูมาก็มีพี่เค้าทำเรื่องเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ พี่อีกคนทำเว็บเกี่ยวกับอาหารไทยไรงี้

TBC

== กิจกรรมหลังเลิกเรียน ==

----

	กิจกรรมหลังเลิกเรียนจะมีแค่ 2 ประเภทให้เลือก คือจะให้เลือกเล่นกีฬาตามที่ตัวเองต้องการตามฤดูกาล หรือจะเลือกลงกิจกรรมอื่นๆ (ที่นี่เรียกว่า ACE) ในปีการศึกษานึง น้องจะลง ACE ได้แค่ฤดูกาลเดียวจากทั้งหมด 3 ฤดูกาล ส่วนกีฬาของแต่ละฤดูกาลมีดังนี้ 
เรามาอยู่ในฐานะ sixth form ซึ่งจะบังคับลงกีฬาแค่ season เดียวจาก 3 ซึ่งถึงน้องจะลง third team เค้าก็นับ ส่วนอีก 2 seasons ที่ไม่ทำกีฬาก็ต้องเลือกกิจกรรมตอนบ่ายทำอยู่ดี ตามลิสต์ที่พี่เขียนไว้ข้างล่างเลย

กิจกรรมที่ count as an interscholastic sport
*'''Fall Season''': Cross Country, Soccer, Football (เฉพาะผู้ชาย), Field Hockey (เฉพาะผู้หญิง), Fall Play - cast or tech crew
*'''Winter Season''': Basketball, Ice Hockey, Wrestling (เฉพาะผู้ชาย, ปี 61 ผู้หญิงที่สนใจก็สามารถลงได้), Squash, Winter Play - cast or tech crew, Robotics team
*'''Spring Season''': Baseball (เฉพาะผู้ชาย), Crew, Golf, Lacrosse, Tennis, Softball (เฉพาะผู้หญิง) 

ทีมเหล่านี้ จะมีหลายระดับ ตั้งแต่ Varsity, Junior Varsity (JV), Thirds ระวังว่าถ้าน้องอยากเป็น Varsity ช่วง Fall ต้อง email มาคุยกับโรงเรียน เพื่อสอบถามวันคัดตัวละมาให้ทัน
ถ้าเป็น ACE ก็จะแล้วแต่ฤดูกาล เช่นอย่างตอน Winter จะมีทีมหุ่นยนต์ให้เข้าร่วมได้ น้องไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์เรื่องการต่อหุ่นยนต์มาก่อน ก็สามารถเข้าได้

ถ้าน้องเป็น Manager ของกีฬาใน season นั้นๆก็สามารถนับเป็น sport ได้ ซึ่งถ้าน้องสนใจก็สามารถติดต่อกับ Athletic Department เรื่องรายละเอียดได้ 
Year Book ก็มีแต่มันไม่นับเป็น Sport จะมีสอง season ซึ่งถ้าน้องคนไหนสนใจก็สามารถติดต่อ Ms.Millet, Ms.Starry(Ms.Zhu) ได้ เค้าจะมีอีเมลล์รายละเอียดให้ช่วงเปิดเทอม


ถ้าน้องไม่อยากลงกีฬาใน season นั้นๆก็สามารถลงกิจกรรมพวกนี้ได้
*'''Fall Season''': Fitness, Yoga, S&C
*'''Winter Season''': Fitness, S&C
*'''Spring Season''': Fitness, Zumba Dance, S&C, REC Tennis
โดย S&C หรือ Strength and Conditioning รับเฉพาะ Varsity Athlete หรือ ได้รับอนุญาตจาก Athletic Department

รร. เราค่อนข้างโหดใน Cross Country(G), Soccer(B), Ice Hockey(B), Squash(G) และโหดมากๆๆๆใน Cross Country (B), Soccer(G), Field Hockey(G), Squash(B), Lacrosse(Both)

Community Services
รร มีให้เลือก 3 อย่างที่มีทุก season มี Our Father's Table (จันทร์)  Boys and Girls Club (อังคาร,พฤหัส) Immaculate Conception (อังคาร,พฤหัส) แล้วก็มี SM Community Garden (อังคาร,พฤหัส)ช่วง spring
ถ้าน้องลงกีฬาละอยากทำอันนี้ด้วยก็ต้องคุยและขออนุญาตโค้ชก่อน ทุกๆ season น้องจะได้รับ email ให้ sign-up
ปีนี้(61) พี่ทำ Boys and Girls Club วันพฤหัส ก็โอเคนะ เด็กๆก็มีหลายรูปแบบ ทั้ง mean และ nice ก็ถ้าอยากรู้เพิ่มเติมก็ทักมาถามได้จ้า ส่วนวันอังคารพี่ทำ garden ก็สนุกดีนะ คนดูแลปีนี้เป็น Dr.Harwood คนที่สอนโยคะ แกน่ารักดี ได้เตรียมดิน test ดินดูค่า pH กะพวกค่าอื่นๆสำหรับต้นไม้

== การเดินทางไปสอบ  ==
โรงเรียนเราไม่เป็นศูนย์สอบทั้ง SAT และ ACT โดยถ้าน้องลงสอบ รร จะมีรถรับส่งให้ในวันที่สอบ

ศูนย์สอบที่ใกล้รรเราที่สุดและรรมีรถไปรับส่งคือ Westborough High School ถ้าน้องสมัครแล้วทางรรก็จะมีรายชื่อน้องแล้วเค้าจะส่งอีเมลล์มาติดต่ออาทิตย์ก่อนน้องจะสอบเพื่อสอบถามว่าน้องต้องการไปกับรรมั้ย

สามารถขอ fee waiver SAT จากรรให้ โดยไปติดต่อที่ cc และ Mrs.Galvin

ส่วนการสอบ TOEFL นั้นของพี่ cc (Mr.Studevan) ขับรถไปส่ง ส่วนขากลับเค้าก็เรียก uber ให้ ศูนย์สอบที่ใกล้กับ รร เรามากที่สุดคือที่ Worcester

บางมหาลัยเค้าจะไม่อนุญาตใน international student สมัครโดยใช้ fee waiver แต่เราก็สามารถขอ cc ไปก่อนก็ได้เรื่อง fee waiver ซึ่งรู้สึกว่าถ้าเรา waive ค่าสอบ SAT แล้วเราสามารถ waive มหาลัยได้ด้วย

== 	จิปาถะ ==

----
[[ไฟล์:Dining Hall.JPG|300px|thumb|right|ส่วนหนึ่งของ Dining Hall ของโรงเรียน]]
[[ไฟล์:Maple.JPG|300px|thumb|right|ต้น Maple ใน West Campus]]

*	St. Mark’s มี Dress Code ของผู้ชายคือห้ามใส่กางเกงสียีนส์ และเสื้อต้องเป็นคอปก หรือพวก Sweater, Turtle Neck หรือ Sweatshirt ของโรงเรียน ที่เหลืออยากใส่ยังไงก็เต็มที่จ้า รองเท้าแตะก็ใส่ได้ทุกที่ยกเว้นห้องlab ส่วนผู้หญิง ห้ามใส่legging ห้ามกางเกงสียีนส์ และพวกเสื้อ sweathshirt ที่ไม่ใช่ของ รร ระหว่าง academic day (จันทร์ถึงศุกร์) ที่เหลือเต็มที่ครัช
*	วันอาทิตย์ถึงวันศุกร์ check-in with person on duty in your dorm from 7-7.30 pm 7.30-9.30 PM มี Study Hall จะอยู่ในห้องหรือไปทำงานเป็นกลุ่มก็ได้  ถ้าอยู่ในห้องนอนก็จะให้เปิดประตูทิ้งไว้ ครูก็จะเดินมาตรวจเป็นระยะๆ ระดับความซีเรียสขึ้นอยู่กับหอที่น้องอยู่และครูเวรคืนนั้นๆ แล้วช่วง 11 pm ครูก็จะมาเช็คห้องนอนอีกรอบ ช่วงหลังๆก็ chill ละครูปล่อยให้ปิดประตูได้ แต่ก็แล้วแต่หอกะครูนะ
*วันศุกร์มี study hall for an hour and then quiet hour for the next hour
*	วันเสาร์มี Saturday Class 9.00-11.30 AM เป็นคลาสชิวๆ non-academic ไม่มีเกรด แบ่งเป็น 3 courses ขาดได้คอร์สละไม่เกิน 2 ครั้ง โดย Fall senior ทุกคนโดนบังคับลง College Prep course ก็เข้าคลาส มี meeting เป็นกลุ่มใหญ่หรือเล็กแล้วแต่สัปดาห์ ละเค้าจะปล่อยให้ไปทำงาน 
*	วันเสาร์ไม่มี Study Hall Senior check-in 11.30 PM
*	Boardingware เป็นเว็บที่ใช้ Sign Out ตอน Study Hall หรือจะไป overnight นอกโรงเรียน หรือทำอะไรก็ตามที่ออกจากเขต รร
*	อากาศที่ St. Mark’s แปรปรวนมาก บางวันฝนตกทั้งวัน แต่จะเป็นฝนปรอยๆ ไม่ได้ตกบ้าคลั่งแบบเมืองไทย บางวันหิมะมาเต็ม บางครั้งก็อาจจะร้อนขึ้นมาเฉยๆแล้ววันถัดไปหนาวมากๆ ฉะนั้นก็หาเสื้อผ้าหลายๆแบบมาก็ดี 
*	ช่วงก่อนเข้าโรงเรียน จะมีโบรชัวร์จากบริษัทซักรีดผ้าให้เราสมัครใช้บริการชนิดเหมาจ่ายทั้งปี ถ้าน้องคิดว่าน้องไม่อยากซักผ้าตู้หยอดเหรียญเอง ก็สามารถสมัครได้ แต่ราคาแพงมากๆ ตกอยู่ที่ราวๆ900เหรียญต่อปี ข้อดีคือน้องไม่ต้องกังวลเรื่องรีดผ้า เพราะเขามีบริการรีดให้ ข้อเสียคือแพงมาก อาจมียับๆบ้าง และบางทีอาจเกิดกรณีเสื้อผ้าหายได้ (นานๆครั้งจะเกิดที) ถ้าน้องอยากซักผ้าเองราคาเท่ากันทั้งซักและอบ ถังละ $1.5
*	St. Mark’s เข้าโบสถ์อาทิตย์ละสองครั้งตอนเช้า (อังคารและศุกร์)
* 	Evening Chapel + Formal Dinner (นั่งกินข้าวกับ advisory group)เดือนละครั้ง ผช. ต้องแต่ง Blazer หรือ Coat ผญ.ต้องใส่ Dress
*	Seated Meal ตอนกลางวันอาทิตย์ละ 2 ครั้ง วันจันทร์: community lunch คือโรงเรียนจะจัดกรุ๊ปให้น้องเองว่านั่งกับนรและครูคนไหน วันพฤหัส: advisor lunch คือนั่งกับคนในกรุ๊ปที่มี advisor เดียวกัน
*	มีนัดคุยในกลุ่ม advisor อาทิตย์ละครั้งหรือน้อยกว่านั้น (แล้วแต่ Advisor)
*	ที่นี่ไม่มี light out ไม่มีการตัดอินเทอร์เน็ตสำหรับ seniors 
* 	Co-Curricular มีอาทิตย์ละ 3 บล็อค บล็อคละ 40-45 นาที จะเป็นกิจกรรมของทางโรงเรียนที่ assign ให้นักเรียนเฉพาะกลุ่ม เช่นบางทีเค้าจะนัดประชุม senior หรือมีการแสดง Acapella ก็ใช้ block นี้ล่ะ แต่ถ้าเราไม่มี commitment ในบล้อคนี้ ก็ว่างจ้าา กลับไปทำการบ้านได้ ขี้เกียจก็นอนยาวๆไป
*	Gray-Colloqium จะมีนักบรรยายจากนอกโรงเรียนมาบรรยายให้ฟัง ก็ใช้บล้อค Co-Curricular เนี่ยล่ะ
*	ร้านพิซซ่าที่ดีที่สุดคือ Domino’s ไม่ก็ Clockwork Pizza สามารถสั่งออนไลน์ได้ ร้านไอศครีมที่ใกล้ที่สุดคือ Cold Stone แต่ต้องนั่งรถไป ข้างๆ Cold Stone ก็มี Starbucks แต่ก็นั่นแหละ ต้องนั่งรถไป หรือจะเดินไปก็ได้ ใช้เวลาเดินราวๆ 30 นาที
*	การติดต่อกับ College Counselor (CC) ให้ไปติดต่อขอนัดคุยกับregistrarที่หน้าห้องหรือติดต่อเค้าโดยตรงผ่าน email ก็ได้ ส่วนเวลาคุย ขึ้นอยู่กับว่าเรา และCCว่างตอนไหนบ้าง เวลาคุยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15-30 นาที แนะนำให้ทำตัวดีๆกับ CC ไว้ เพราะเขาเป็นคนเขียน Recommendation ให้เราด้วย
*	ระบบ Advisor จะเป็นระบบสุ่มที่ทางโรงเรียนจัดมาให้ เราจะรู้ว่าadvisorของเราเป็นใครตอนช่วง Orientation (ช่วง3วันแรกของการมาที่ St. Mark’s) พี่ๆได้ advisor คนเดียวกันต่อกันมาหลายรุ่นแล้ว คือ Dr.Glomset 
*	ของใน Bookstore แพงโฮกๆ แนะนำว่าถ้าซื้อข้างนอกได้ ขอให้หามาจากข้างนอกแทน แต่พวกของเป็นของโรงเรียนเช่น Sweatshirt St. Mark's ก็มีขายที่นี่ที่เดียวล่ะ
*	SM เป็นโรงเรียนที่กิจกรรม(Party) พวกงานเต้นหรือคอนเสิร์ต ค่อนข้างเยอะ แต่ไม่โดนบังคับไป พวกงานเทศกาลต่างๆทางรร.ก็จะบ้าคลั่งพยายามให้ theme ของอาทิตย์นั้นเป็นอะไรที่เกี่ยวกับเทศกาลนั้นๆ
*       Lion Card คือบัตรที่รวมทุกอย่างไว้ น้องจะใช้มันเข้าพวกตึกต่างๆในโรงเรียนและหอพักจะเข้าได้เฉพาะหอที่ตัวเองอยู่, ใช้ซื้อของใน book store, เป็น laundry card  และถ้าเราใช้บริการอะไรใน รร เค้าก็จะหักเงินจากในบัตรนี้ ซึ่งในนั้นจะมีเงินตั้งต้นอยู่ $1500 จากสนร. น้องสามารถเติมเงินเค้าไปได้จะมีระบบอยู่ในเว็บ น้องต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองเพราะเงินตั้งต้นต้องกลับไปที่บัญชี สนร (ถ้าสงสัยสามารถทักมาถามเพิ่มเติมได้)
*       ถ้าเป็นกิจกรรมที่ required นรทั้งรรให้ร่วมใน class of 45 hall แต่ละคนจะมี assigned seat และต้องนั่งตามที่ตัวเอง เพราะจะมีการเช็คชื่อ
*       ถ้าขาดเรียน เข้าเรียนสาย หรือทำความผิดที่พี่ไม่แน่ใจว่าระดับไหน จะมี work details หรือ detention ซึ่งถ้าน้องถูกทำโทษก็จะได้รับ email ส่งมา ส่วนมากจะเป็นเช้าวันอาทิตย์ หรือค่ำวันเสาร์ จะให้น้องไปช่วยทำความสะอาดหรืออื่นๆก็แล้วแต่
*       sixth form จะได้ลุกเป็นกลุ่มแรกพร้อมกับ faculty member ทั้งหลังจบ chapel, any seated meal, gray colloquium
*       ถ้าโรงเรียนมีกิจกรรมตอนค่ำให้ จะมีอาหาร ขนม คุกกี้ เครื่องดื่มให้กินตลอด

== กิจกรรมอื่นๆนอกเหนือจากวิชาการ ==
* ''Orientation Day'' กิจกรรมก่อนเปิดเรียน คนในชั้น senior ส่วนมากจะรู้จักเราในฐานะ TS เพราะเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์เข้ามาเรียนที่นี่ในฐานะ senior ก็จะมีกิจกรรมที่รรจัดให้ เป็นการทำความรู้จักสถานที่ในรร เพื่อนๆในรร เริ่มเรียนวันแรกเป็นวันเสาร์ที่เป็น sample classes คือน้องจะได้เรียนทุก block ที่มีคาบแบบสั้นๆ เพื่อให้รู้ว่าห้องไหนอยู่ตรงไหน แต่ถ้าเดินไม่ถูกก็สามารถถามเพื่อนๆรอบๆได้ เค้ารู้ว่าเป็นวันแรกของเด็กใหม่ก็จะช่วยพาไปตามห้องต่างๆ

*''Convocation'' งานตอนค่ำที่จัดในคืนแรกที่ทุกคนใน รร กลับมาครบจะต้องใส่ dress และไปฟังครูพูดต้อนรับและประกาศรางวัลที่ Class of 45 Hall

* ''Club Fair'' เป็นวันที่พวก club ในรรจะมาจัดบูธ แล้วน้องสามารถไปลงชื่อเป็นสมาชิกได้ club ใหญ่ๆที่มีทุกปีก็จะมี S4S, Theater Club, Haiti Partnership ประมาณนี้ แล้วก็ club ส่วนมากก็จะไม่ค่อย active เท่าไหร่ระหว่างปี บางครั้งมี meeting แค่ไม่กี่ครั้งหรือไม่มีเลย แล้วก็ส่วนมากเวลามี meeting เค้าก็จะมีพวกโดนัทหรือขนมมาให้กิน 

*''Volunteer Opportunities'' จะมีทั้ง fall, winter and spring น้องจะได้ email จาก Ms.Kosow เกี่ยวกับรายละเอียด ก็จะมีไปสอนเด็กเล็กๆ, เสิร์ฟอาหารให้ homeless people ถ้าน้องอยากทำก็สามารถไปถามรายละเอียดเพิ่มเติมไป แต่ถ้าน้องลงกีฬาด้วยก็ต้องถาม coach เพราะบางกิจกรรมเวลามัน conflict กัน

* ''Neon Dance'' จัดช่วงเดือนแรกๆในช่วง fall อาทิตย์ก่อนจะมีงาน รร จะ provide white shirts+neon paint ให้น้องๆสามารถไปทำ, dyed เสื้อเองได้เลย พี่ไปทำเขียนชื่อใส่ถุงฝากเค้าไปซักแต่ก็ไม่เคยได้คืนเลย แต่ก็ทำอีกตัวเอากลับมาที่หอเลยมีใส่ไปงาน ในวันงาน จัดที่ใน Benson Hall รรก็จะมีพวกสีเพ้นท์หน้าให้ มี glow stick แล้วก็ขนมช่วงดึกๆให้ เพื่อนพี่บอกว่างานนี้เป็นงานที่สนุกที่สุดใน dance ทั้งหมด

* ''School Picture Day'' จะเป็นถ่ายรูปรวมทั้งโรงเรียน และรูปรวม senior น้องสามารถดูตัวอย่างแถวๆทางเข้า main dining hall วันนั้นจะมี tradition คือผู้หญิงจะเป็น all-white ส่วนผู้ชายพี่ไม่แน่ใจเพราะเค้าโหวตกันภายในเค้า ปีพี่เค้าเลือก Hawaii Shirt

* ''Halloween Day'' สามารถ dress down ได้ถ้าน้องแต่งตัวเป็นอะไรก็ได้ในวันนั้นๆ ปีพี่ก็มีทั้งแต่งตามการ์ตูน ตัวละครดังๆในหนัง พนักงาน Starbucks พวกฮีโร่ ก็คืออะไรก็ได้ที่ไม่ถือว่าเป็นการ offensive

* ''Spirit Week'' เป็นอาทิตย์ก่อนแข่ง Groton Game ปีพี่เป็นช่วงเดือนพย แต่ละวันก็มี theme ให้ใส่ต่างๆกันแล้วแต่ปี ตัวอย่างของปีพี่ก็มี red day, twins, why do you own that?, ages โดย senior แต่งเป็น grandparents, pajama day ซึ่งจริงๆมันก็ไม่ได้ required หรอกแต่ถ้าน้องแต่งก็จะมีโอกาสได้ประกวด best dress of each day แล้วก็ถ้าเข้าร่วมก็สามารถถือว่าเป็น dress down week

* ''Groton Night'' เป็นคือวันศุกร์ก่อน Groton Day จะมีงานในยิมชั้นสอง ปีพี่มีวงดนตรีของเพื่อนกับครู แล้วก็มีโชว์จากพวก Monitors มีวีดีโอจาก Fall Team ต่างๆ ไฮไลท์ของงานคือการเผาม้าลาย(สัญลักษณ์ของ Groton เป็น รร rival ของเรา) แต่ไม่ใช่ม้าลายจริงๆนะ เป็นม้าลายเปเปอร์มาเช่ หลังงานบนยิมจบก็จะแห่ม้าลายลงมาข้างล่างแล้ววนรอบๆ bonfire แล้วก็เผามัน ทุกคนแบบคึกคักมากกับงานนี้ คืนนั้นฝนตกก็ไม่หยุด

*''Groton Day'' เป็นวันเสาร์สุดท้ายของแต่ละ season ที่ทุกทีมจะแข่งกับ Groton School ซึ่งจะสลับกันระหว่างที่นั่นกับ St.Mark's ปีพี่จัดที่นู่นเค้าก็มี fan bus ให้คนที่ไม่แข่งตามไปเชียร์ได้ จะมีทั้ง fall, winter, spring แต่เพื่อนบอกว่าของ fall มันสุดละ

*''Holiday Son Fest&Tree Lighting'' จะมีแข่งร้องเพลงที่เกี่ยวข้องกับคริสมาสต์ระหว่างหอพัก ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับว่าหอน้อง required ให้น้องเข้าร่วมรึเปล่า งานก็จะจัดใน Hinkle room คนส่วนมากก็จะแต่งตัวเป็น theme Christmas หลังจากนั้นก็มี deck the hall, Christmas tree ที่ sixth form quad

*''Holiday decorating'' จัดที่ Choate House จะมี bus รับส่งระหว่าง Main Campus - West Campus - Choate House จะมี ornaments เป็นไม้รูปต่างๆให้น้องไประบายสีได้ โดยทำ 1 อันให้กับรร และทำกลับไปได้ 1 อัน มีคุกกี้และพวกน้ำต่างๆให้กิน พี่ทำไปเยอะมากราวๆ 5-6 อันเพราะมันเหลือแล้วก็ไม่มีใครมา

* ''Masquerade Ball'' จะเป็นงานที่ formal ขึ้นมาหน่อย คือทุกคนจะ dress up มีพวกซุ้มให้ถ่ายรูป ผู้หญิงก็ใส่เดรสสวยๆ งานนี้จัดใน Main Building และ Basement พี่ไม่ได้ไปงานนี้ แต่เพื่อนพี่บอกว่าเค้าก็แค่แต่งตัวไปถ่ายรูปละก็กลับ

* ''Exam Bake'' เป็น 1 วันในช่วงบ่ายของอาทิตย์ที่สอบ Midyear โดยผู้ปกครองจะจัดพวกขนม คุกกี้ คัพเค้ก ผลไม้ chips ให้นร จัดใน Hinkle room

* ''Casino Night'' เหมือนเป็นคืนที่ให้เล่นพวกไพ่ อะไรทำนองนั้น แล้วแข่งกัน มีรางวัลแจก 

*''C&E day'' เป็น no classes day จะจัดช่วงต้นปี แต่ละปีก็แล้วแต่ว่า pathway prefects จะจัดออกมาแบบไหน ของปีพี่(61) มีกิจกรรมคืนก่อนหน้าเป็น culture night แบบให้คนจากประเทศต่างๆมา represent culture ของตัวเองผ่านการทำบอร์ด อาหาร ไรงี้ จัดใน taft มันเป็น optional คือใครจะจัดก็ต้องตอบอีเมลล์ที่เค้าส่งรายละเอียดมาก ส่วนวันต่อไป required มีฟัง lecture, กิจกรรมเป็นฐานตามที่เราลงชื่อไป หลังเที่ยงมี umoja คือการแสดงจากแต่ละกรุ๊ป ex ASA, Latino ไรงี้ เริ่มกะเลิกเหมือนเวลาเรียนปกติ

*''Lunar New Year'' มี dinner ใน hinkle room ซึ่งต้อง sign-up ล่วงหน้า แนะนำว่าให้ไป อาหารก็โอโค มีพวกอาหารจีนไรงี้ ถือว่าได้พักจากอาหารปกติของโรงเรียนซักมื้อนึง มีการแสดง แจกรางวัล ที่ต้องทำคือใส่เสื้อผ้าที่เกี่ยวกะตรุษจีนไปหรือแค่เสื้อแดงก็โอละ แล้วก็อาทิตย์นั้นก็มีกิจกรรมจาก ASA หลายอย่างเลย มี dumpling wrapping, origami, caligraphy 

*''opera trip'' อันนี้ optional แต่ Dr.Glomset ขายเก่งมาก บอกอยากให้ไป เค้าจะให้ sign up ช่วง orientation หรือถ้าไม่ชัวร์ก็จะมีประกาศระหว่าง school meeting ว่าเค้ารับถึงวันไหน หรือติดต่อ Ms.Putnam ก็ได้ ราคาราวๆ 400 ดอล อันนี้ที่พี่ได้ยินมานะเพราะไม่ได้ไปเหมือนกัน น้องต้องจ่ายเอง เบิกสนร ไม่ได้ตรงนี้ เป็นทริปไปดู opera ที่ the MET, NYC 

*''Quad games'' คล้ายๆกีฬาสี เค้าเอาไอเดียมาจากบ้าน 4 บ้านของ Harry Potter อะ เด็กทั้งรร+ครูจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ทีม: Large(ฟ้า) Fearing(เหลือง) Thayer(ม่วง) Pheonix(แดง) มีกิจกรรมให้เขุ้าร่วม 4-5 อย่างหลังเลิกเรียน เป็นการสะสมคะแนนให้แต่ละบ้าน แล้วก็สามารถ dress down ได้ถ้าใส่เสื้อที่เป็นสีบ้านตัวเอง มันเป็นกิจกรรมหลัง winter season จบ ยาว 1 อาทิตย์ แต่ไม่ required ให้ร่วมนะ แต่พี่ว่าก็หนุกดี ไปร่วมกิจกรรรมเพราะยังไงเราก็อยู่ที่นี่แค่ปีเดียวอยู่แล้ว

*''Career day'' เราจะ no classes, no athletic สำหรับวันนี้ ของพี่เป็นช่วงต้นเดือนมีค อาทิตย์ก่อน spring break วันนี้คือเป็นวันที่เราจะได้ออกไป job shadow งานที่เราลงชื่อไปก่อนแล้ว คนดูแลคือ Mr.Camp เราเป็น 6th form ก็จะมีโอกาสได้เลือกก่อนว่าสนใจกิจกรรมไหน เราก็ลงชื่อไป ทั้งหมดจะเป็นกิจกรรม off campus สำหรับ 5th+6th formers ทุกคนก็จะเลือกอาชีพท่ีคิดว่าเราอยากเป็น อยากทำในอนาคต หรือเกี่ยวกับสาขาที่สนใจจะเรียนในมหาลัย

อันนี้เป็น youtube channel ของพวก monitors ปีพี่(61): https://www.youtube.com/channel/UCXkjaEbgk37rvdpVLfNa7vw น้องก็สามารถไปดูพวก event ต่างๆในนี้ได้ แล้วก็พวกคลิปที่เปิดระหว่าง school meeting

== ข้อดี/ข้อเสีย ==
----

'''ข้อดี''' 
* ใช้ระบบ Semesters System น้องปั้นเกรดแค่เทอมแรกจาก 2 เทอมก็พอ พอมค.ก็ชิวแล้ว พวกรร.ทีใช้ Trisemesters ต้องปั้นเกรด  2 จาก 3 เทอม กว่าจะชิวช่วงมีนานู่น แต่ก็อย่าทิ้งไปเลยหลังกลับมาจาก winter break เพราะมหาลัยก็ยังสามารถ reject เราได้
* ที่นี่เรียกการสอบว่า Assessment มันจะมี Assessment week (Midyear) ช่วงปลายเทอม Fall ก่อนปิด winter break แต่มันก็แล้วแต่ครู บางคนก็ไม่สอบ บางคนก็บอกว่าไม่ต้องอ่านมาสอบเพราะจะสอบ base on กิจกรรมในคาบ
* การบ้านไม่เยอะ ถ้าฟิตๆก็เสร็จก่อน Study Hall ได้ ด้วยความที่แต่ละวิชาเรียน 3 ครั้งต่ออาทิตย์ เท่ากับว่า 1 วิชาจะมีการบ้านแค่ 3 ครั้งต่ออาทิตย์
* Racial Diversity ค่อนข้างสูง
* ที่นี่เน้นความเป็น Community ค่อนข้างสูง มีเด็กหลากหลายรูปแบบตั้งแต่เนิ้ดๆ นักกีฬาจัดๆ สายร้องเพลงในห้องน้ำ หรือแม้กระทั่งพวกบ้าแฟชั่น หรือแม้กระทั่งความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับครูก้ไม่ได้ตึงเครียด เอาจริงครูที่นี่ชิวมาก ชอบหยอกล้อกับเด็ก(ส่วนน้อยมากที่เป็นพวกซีเรียส) เราสามารถเขียนขึ้นต้น email หาครูด้วยคำว่า Hi ได้
* มีโอกาสสูงมากที่น้องจะได้อยู่หอที่อยู่ใน Main Building (ตรงนี้ที่พี่ทราบมารร.อื่นไม่มี) ข้อดีสุดๆคือมีทุกอย่างโดยไม่ต้องเปลี่ยนตึก จะเรียนจะกินก็ตึกนี้ ข้อดีจะเห็นชัดมากช่วง Winter ที่ไม่ต้องออกไปทนอากาศหนาวข้างนอก เวลาพักระหว่างคาบก็กลับห้องได้สบายๆ หรือบางทีเรียน 8.30 ตื่น 8.25 ก็ยังทันเพราะห้องเรียนแค่ขึ้นบันไดไปชั้นเดียว
* พี่(61)ได้ห้องเดี่ยวอยู่ T-house North พี่ปี 60ด้วย ข้อดีคือมีห้องน้ำมีน้ำร้อนตลอดเวลา เป็นหอที่ใหม่ที่สุด Ms.Ames(Dorm Parent)น่ารักมากๆ มีความเป็นส่วนตัว มีเครื่องซักผ้าอยู่ที่ basement ของหอพัก มีลิฟต์
* ที่นี่ชอบแจกวันหยุดวันจันทร์ (บ่อยมาก) ประมาณว่าเรียนประมาณ 3 อาทิตย์ จะได้หยุดวันจันทร์ทีนึง ก็ทำให้รู้สึกดีว่ามีวันหยุดเรื่อยๆ ไม่ต้องเรียนต่อเนื่องกันแบบ 5-6 อาทิตย์ / ปี 61 - พี่รู้สึกว่าเรามีเบรคน้อยมากถ้าเทียบกับรรอื่น ที่สำคัญๆก็ parent weekend (ช่วง ตค หยุดประมาณ 5 วัน), thanksgiving break, winter break and spring break แล้วก็ head of school day off ก็ได้ถูกยกเลิกปีพี่นี่แหละ เค้าบอกว่าเรามีวันหยุดเยอะแล้ว -.-
* ไม่ป่า Uber เข้าถึง Domino ส่งได้ ละก็มีร้านอื่นๆพวกอาหารญี่ปุ่นกะอาหารจีนด้วย สามารถสั่งอาหารให้มาส่งที่รรได้ ยกเว้น ubereat หรือพวก vendor ที่โรงเรียนไม่อนุญาต
* Mrs. Camuso ที่ Front desk แกเอ็นดูคนไทยมาก / ปี 61 เปลี่ยนเป็นครูคนใหม่แล้ว แต่เค้าก็น่ารักนะ พี่สั่งของบ่อยจนเค้าจำหน้าได้
* อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวนะ พี่ว่าคนที่นี่ accent ดีและฟังง่ายมาก ถ้าก็กลัวจะฟังอังกฤษไม่รู้เรื่องก็หายห่วง
* วันเสาร์ตอนเย็นและวันอาทิตย์จะมี Weekend Activities ที่น้องๆเลือกได้ อยากไปไหนให้รีบจองผ่านเว็บตอนวันศุกร์ ไม่งั้นมันจะเต็มไวมากๆ โดยเฉพาะTrip ไป Natick Mall, Walmart, Target, Hmart หรือทริปพาไปส่งที่สถานีรถไฟเพื่อเข้า Boston ช่วงวันหยุดยาว(แต่ไม่ฟรีนาจา) / ปี 61 เปลี่ยนระบบการจองเป็นต้องไป sign up บนกระดาษที่ front desk อย่างน้อย 1 ชม.ก่อนกิจกรรมนั้นจะเริ่ม พวกทริปที่นั่งรถออกไปส่วนมากจะรับเด็กได้ราวๆ 14 คน ซึ่งถ้าอยากไปมากจริงๆก็ต้องไปนั่งรอก่อนเวลาล่วงหน้าเยอะๆ Natick Mall มีเกือบทุกเสาร์เย็น ส่วน Target Mall จะมีทุกบ่ายวันอาทิตย์ บางอาทิตย์ก็จะมีกิจกรรม on campus หรือหากถ้าใครสนใจก็สามารถ email แนะนำกิจกรรมผ่าน Ms.Kosow ได้
* St. Mark’s เป็นโรงเรียนที่ Senior ได้อภิสิทธิ์เยอะ เวลาเข้าโบสถ์หรือประชุมพร้อมกัน Senior จะได้ลุกออกจากที่นั่งเพื่อเดินออกก่อน หรือSeniorสามารถนั่งบนที่นั่งที่สูงกว่าในDining Hall ได้ เรียกว่า platform ข้างหน้าตึกหลักจะมีสนามหญ้าเรียกว่า Sixth Form Quad ซึ่งเฉพาะ Senior เท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ฉะนั้นพอไปถึง เราก็ทำได้ทุกอย่างที่เค้าบอกมาเลย
* กิจกรรมส่วนใหญ่ของโรงเรียนจะ run by students
* ฝั่ง West Campus ช่วง Fall เป็นช่วงที่สวยมากๆ แนะนำว่า ถ้ามีโอกาส ให้ลองไปเดินถ่ายรูปดูได้ มันสวยมากจริงๆ
* เป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้ Boston มากที่สุด จากบรรดารร.ที่กพ.ให้เลือก / ปี 61 - เราตกเป็นอันดับ 2 เนื่องจาก Dana Hall อยู่ใกล้กว่าบอสตันมากกว่า
* รรมีบริการรถรับส่งช่วง long break ไป Boston Logan Airport ราคา $35 ต่อเที่ยว และมีบัสไป CT, NY ราคา $100 ต่อเที่ยว 
* uber เข้าถึง 
* รร ทำสัญญากะร้านอาหารไว้หลายร้านที่อนุญาตให้ delivery มาที่ รร ได้ ถ้าปกติรู้สึกว่าส่งได้หลัง 9.30 ส่วนวันเสาร์น่าจะได้หลังบ่ายโมงเป็นต้นไปจนห้าทุ่ม ร้านก็มี: Domino's pizza, Yamafuji (Japanese), SYO Japan (Japanese), Panda House (Chinese), Southborough Pizza House อันนี้คือที่ฮิตๆ


'''ข้อเสีย'''
* มีความเป็นไปได้สูงว่าน้องจะถูกส่งมานี่คนเดียว แล้วจากตอนนี้รร.นี้ก็ไม่มีคนไทยอยู่เลย(อาจจะมีเข้ามาปีหน้า) น้องจะไม่ได้พูดภาษาไทยเลยตอนอยู่รร. ถ้าอยากปลอบใจตัวเองมองเป็นข้อดีก้คือได้ฝึก TOEFL ไปในตัว / ปี 61 - มีน้องคนไทยหนึ่งคน ซึ่งปีนี้อยู่ Sophomore หรืออาจจะมีคนไทยเพิ่มอีกปีหน้า
* น้องจะเป็นนักเรียนใหม่ที่เป็น senior คนเดียวในโรงเรียน อาจจะปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ senior ยากหน่อย
* Asian ที่นี่จะถูก dominated โดยคนจีนและเกาหลี ที่นี่ไม่บังคับให้ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร จะได้ยินจีนกะเกาหลีหลุดมาบ่อยๆ อาจจะอารมณ์เสียบ้างเป็นบางครั้ง ส่วนมากคนจีนจะพูดจีนกันถึงแม้เราจะนั่งอยู่ตรงนั้นกะเค้าด้วยก็ตาม 
* ถึงจะมีความเป็น community สูง แต่ไม่ค่อยเห็น Asian กับ American นั่งกินข้าวด้วยกัน ก็มีแต่น้อยมาก
* รร.นี้เค้าบังคับให้ลง us history กับ english ซึ่งก็น่าเบื่อตามชื่อ เน้นอ่านเยอะพอสมควรแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จิงๆมันก็มีประโยชน์มาก โดยหลักสูตรที่นี่จะพยายามลิงค์หมวดสังคมกับภาษาเค้าด้วยกัน คือจะเรียนในเรื่องเดียวกันและอ้างอิงกันไปมา ส่วนเรื่องการบ้านโดยรวมถือว่ากลางๆ ขึ้นอยุ่กะวิชาที่น้องลงด้วย
* บางทีเปิด Heater ก็ยังหนาวอยู่ ขึ้นอยู่กับห้องเรียน
* Main Building เป็นเหมือนเขาวงกต แต่อยู่ๆไปก็ชิน
* ค่อนข้างเคร่งเรื่อง Dress Code ก็คือถูกจับตามองจาก Mr.Vachris นั่นเอง (แต่เอาจริง dress code ที่นี่ชิวมากถ้าเทียบกะ รร อื่นๆ) 
* ห้องน้ำในหอโคตรหนาว หน้าต่างก็ไม่ได้เปิด บางทีก็งงว่ามันหนาวมาจากไหน
* เคร่งเรื่อง Honesty มากๆๆๆๆ ถ้าเข้า SDC(ห้องปกครอง) ด้วยความผิดเล็กๆ แต่ไปโกหกในนั้นละโดนจับได้ มีสิทธิ์ถึงโดนไล่ออก หรือถ้าเกิดทำผิดเรื่อง Academic Dishonesty ระหว่างสอบหรือการ plagarism งานถือเป็นเรื่องใหญ่มากๆไม่ควรทำ
* ไม่มี Mid Winter Break แต่อย่างว่าจะได้หยุดวันจันทร์หลายๆรอบแทน / ปี 61 - พี่ไม่มีหยุดวันจันทร์เยอะๆเลยอะ T^T
* Final Project 2-3 อาทิตย์เรียกว่า Lion Term ไม่มีการเรียนอะไรทั้งสิ้น เริ่มหลังจาก window 4 จบ ได้รับการกล่าวขานในด้านแย่ๆมาเยอะ แต่พี่ยังไม่เคยเจอกับตัว 
* ด้วย Lion Term ที่โคตรยาว เลยทำให้ปิดเทอมโคตรช้า ก็ต้องทนเห็นเพื่อนๆบินกลับไทยก่อนอย่างเจ็บปวด = รร เราปิดช้าสุดใน ts ทั้งหมดละมั้ง โคตรเศร้า
* อาหารโรงเรียนจัดว่าธรรมดาค่อยไปทางแย่  ที่มีทุกวันคือพาสต้า
* อาหารเช้าวนมาก เดี๋ยวพอน้องมาอยู่ก็จะจำ patterm ได้ ส่วนผลไม้ตอนเช้าคือไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย สับปะรด แคนตาลูป เมล่อน ทุกเช้า บางครั้งมีแตงโม องุ่น สตอเบอรี่บ้าง แต่นานๆที
* ได้พักกลางวันแค่วันละครึ่งชั่วโมง ละโรงอาหารก็โคตรไม่ organized สำหรับการรองรับเด็กกว่า 300+คน บางทีกว่าจะได้กินก็เหลือ 10 นาทีเพราะต่อแถวนานมาก ละบางทีเพื่อนๆก็ชอบตีเนียนแซงคิว 
* Chapel 8 โมงเช้าอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
* ไม่มี Post Office อยู่ใน walkable range เรื่องรับของอ่ะไม่มีปัญหาเพราะเค้ามาส่งที่รร. แต่เรื่องส่งนี่จะยุ่งยากมาก ถ้าอยากส่งของก็ฝาก advisor ได้
* ที่นี่ Couple ค่อนข้างเยอะ ถ้าน้องมาที่นี่แบบ Single อาจจะเจ็บเฉาตายได้ หรือถ้าน้องมีแฟนอยู่ที่ไทยจะคิดถึงแบบสุดๆ
* นัดคุยกับ College Counselor ค่อนข้างยาก เพราะ CC คนนึงดูแลเด็ก 30 คนได้ บางทีนัดตอนนี้ได้คุยอีก 2 อาทิตย์หน้า แล้วแต่ว่าน้องได้ cc คนไหนด้วย ถ้าน้อง organize เวลาตัวเองดีๆ ก็จะมีประโยชน์ในการที่เค้าจะรู้จักน้องได้เร็วขึ้น
* ช่วงแรกๆจะย่ำแย่มาก ทุกอย่างค่อนข้างถาโถม ทั้งการปรับตัวเข้ากับ All-English Community และ Workload ที่บ้าคลั่งตอนต้นเทอม ไหนจะหาเพื่อนอีก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ปรับตัวได้ทนี่จะเป็นโรงเรียนที่น่าอยู่มากๆ

== สรุปปง่ายๆ ==
----

เป็นโรงเรียนที่ชิว เวลาว่างเยอะ หออยู่ในตึกเรียน เกรดได้ง่าย(ยกเว้น english) การบ้านพอประมาณ โดดเด่นในโรงเรียนไม่ยาก ใกล้ Boston สังคมโอเค แต่อาหารห่วย ไม่มีคนไทยเลย เลยทำให้หาเพื่อนยาก แรกๆชีวิต brush soap มาก อยู่ๆไปไม่ชินชาก้ปรับตัวได้เอง

== ทำเนียบ Thai Scholars ==

----
*TS53 (2010-2011): ฐิตา ดิลกธนากุล (บี/P'Bee) ทุนไทยพัฒน์ [Lehigh University]
*TS57 (2014-2015): พลากร บูรณสัมปทานนท์ (กร/P'Korn) ทุนธนาคารแห่งประเทศไทย [Columbia University]
*TS58 (2015-2016): ธีร์ งามแสงรัตน์ (ธีร์/ P'Thee) ทุนโอลิมปิกวิชาการ [Massachusetts Institute of Technology]
*TS59 (2016-2017): พชร เศวตมาลย์ (อคิน/ P'Akin) ทุนโอลิมปิกวิชาการ [Massachusetts Institute of Technology]
*TS60 (2017-2018): นภสร ผ่องแผ้ว (แพร/ P'Pair) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [University of California San Diego]
*TS61 (2018-2019): วิชญะมาส แพกุล (กิ๊ฟ/ P'Gift) ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [Boston University]


[[Category:Prep School]]